กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 273 การเลือกที่ยากลำบาก
บทที่ 273 การเลือกที่ยากลำบาก
บทที่ 273 การเลือกที่ยากลำบาก
เซี่ยชิงหยวนเดินไปที่ข้าง ๆ ของรถและพบว่าเซี่ยจิ่งเฉินยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม
เธอพ่นลมหายใจและตะโกนออกมาว่า “พี่รอง!”
เซี่ยจิ่งเฉินเหลือบมองน้องสาวของตนด้วยสายตาที่ซับซ้อน
เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจเขา และเข้าไปในรถ
กงเหลียนซินตามมาข้างหลัง โดยรู้ว่าพี่ชายและน้องสาวมีเรื่องจะพูดกัน ดังนั้นเธอจึงนั่งที่เบาะข้างคนขับด้านหน้าแทน
เสี่ยวหลิวเองก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดเช่นกัน
ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขับรถมาถึงที่นี่ แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด เขาก็เข้าใจแล้ว
เขาไม่กล้าถามอะไรทั้งสิ้น ทำได้แค่แกล้งหูหนวกและเป็นใบ้เท่านัั้น
เขาเกาหัวแล้วพูดว่า “คุณนายครับ ตอนนี้เราจะไปไหนกันดีครับ?”
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เซี่ยจิ่งเฉิน เธอยิ้มแล้วพูดว่า “พี่รอง พี่คิดว่าเราควรไปที่ไหนกันต่อดี?”
กลับไปที่บ้านเพื่อรอให้จางอวี้เอ๋อมาขอร้อง? หรือจะไปที่ไหนก็ได้แล้วปล่อยให้จางอวี้เอ๋อเผชิญกับปัญหาด้วยตัวเองล่ะ?
เซี่ยชิงหยวนวางโจทย์ปัญหานี้ตรงหน้าเซี่ยจิ่งเฉิน
กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อมองดูพี่น้องที่กำลังเผชิญหน้ากัน
เธอรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังให้โอกาสเซี่ยจิ่งเฉิน
นี่เป็นการเลือกที่สำคัญ และยังเป็นการเลือกข้างอีกด้วย
ไม่ว่าเซี่ยจิ่งเฉินจะเลือกข้างไหน เซี่ยชิงหยวนจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายและน้องสาวอาจจะหมดลงในวันนี้
เซี่ยจิ่งเฉินเข้าใจความจริงข้อนี้โดยปริยาย
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าเหตุการณ์ในวันนี้เป็นความผิดของจางอวี้เอ๋อโดยสมบูรณ์ เขาไม่สามารถตำหนิใครได้ และสำหรับเหตุการณ์นี้ เขาก็ไม่สามารถตำหนิเซี่ยชิงหยวนได้เช่นกัน
แม้แต่สิ่งที่เขาคิดตอนอยู่ในรถเมื่อกี้ โดยคิดว่าเซี่ยชิงหยวนนั้นโหดเหี้ยมมาก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะน้องสาวของเขาต่างหากที่ต้องทำทั้งหมด เพื่อตอบโต้อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เขาหลับตา หายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวใกล้ ๆ กันเถอะ”
รอยยิ้มจริงใจปรากฏบนริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวน หญิงสาวพูดขึ้นว่า “เอาละ ไปกันเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยจิ่งเฉิน กงเหลียนซินก็คลายความกังวลอย่างสมบูรณ์
ในที่สุดน้องสามีของเธอคนนี้ก็ไม่เข้าแทรกแซงในช่วงเวลาวิกฤต
เซี่ยชิงหยวนบอกให้เสี่ยวหลิวขับรถไปในทิศทางข้างหน้า และจอดรถในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เสี่ยวหลิวปฏิเสธคำขอของเซี่ยชิงหยวนที่จะชวนเขาไปทานอาหารด้วยกัน ซึ่งชายหนุ่มขอตัวกลับบ้านก่อน “บ้านของผมอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้และแม่ของผมก็กำลังรอผมอยู่ที่บ้านน่ะครับ คุณนายรับประทานอาหารตามสบายเถอะครับ”
ได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้รั้งอีกฝ่ายไว้ และพยักหน้าให้
เซี่ยจิ่งเฉินขับรถได้ แค่ปล่อยให้เขาขับรถกลับทีหลังก็พอ
ทั้งสามนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เซี่ยชิงหยวนจัดจานอย่างระมัดระวังและลวกพวกมันด้วยน้ำเดือด
กงเหลียนซินมองอย่างสงสัย “ชิงหยวน เธอไปเรียนรู้เรื่องนี้มาจากไหนน่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ฉันเคยไปเมืองกว่างโจวสองสามครั้งแล้วน่ะค่ะ คนที่นั่นมักจะลวกของใช้ในน้ำร้อนแบบนี้ ฉันก็เลยติดนิสัยทำแบบนี้มาสักระยะแล้วน่ะ”
กงเหลียนซินพยักหน้า “ทำแบบนี้มันค่อนข้างสะอาดดีจริงๆ นั่นแหละ”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เซี่ยจิ่งเฉินไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากการรับประทานอาหาร
ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เธอไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องวันนี้เหรอ?”
เขามองไปที่เซี่ยชิงหยวน มองตาเธออย่างชัดเจนและพูดเสริม “พี่หมายถึงอวี้เอ๋อ…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เขาเองก็ไม่โง่เหมือนกัน
มองจากภายนอกแล้วเซี่ยชิงหยวนเพียงตามไปจับชู้ แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เหมือน…มีคนแอบชักใยสถานการณ์ทั้งหมดไว้แล้ว
และคนนั้นก็น่าจะเป็นน้องสาวของเขาที่อดทนมาโดยตลอด
เซี่ยชิงหยวนหยิบกาน้ำชาขึ้นมา ค่อย ๆ เทชาให้กับเซี่ยจิ่งเฉินพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก “พี่รอง พี่อยากได้ยินอะไรจากฉัน แค่ถามมาก็พอ”
…
อีกด้านหนึ่ง จางอวี้เอ๋อกับเหอเส้าหยวนถูกพากลับไปยังเขตที่พักครอบครัวด้วยสภาพที่สะบักสะบอม ตั้งแต่ถูกถีบให้ลงจากรถที่ประตูใหญ่และพาลากเดินไปจนถึงประตูบ้านของหยางฉุนอี้ มันเกือบจะเหมือนขบวนพาเหรดบนท้องถนน ทุกคนทั่วทั้งเขตที่พักต่างออกมาดู
ขณะเดียวกันก็มีคนวิ่งไปหาหยางฉุนอี้และครอบครัวของหนิงเซี่ยวเฉิงล่วงหน้าแล้ว เพื่อรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว
หลังจากได้รับฟังเรื่องคร่าว ๆ หยางฉุนอี้ก็ตะคอกออกมา “นี่มันบ้าบอที่สุด!”
เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและถาม “เลขาธิการหนิงและเลขาธิการเสิ่นไปดูแล้วรึยัง?”
ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวว่า “เราส่งคนไปเรียกหาพวกเขาแล้วครับ”
หยางฉุนอี้พยักหน้า “งั้นนายไปหาพวกเขากับฉัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกจากบ้านทันที
เขารีบเดินไปหาหนิงเซี่ยวเฉิง ทั้งสองมองหน้ากันและส่ายหัว
เติ้งซูอี้กับครอบครัวของเธอมาถึงบ้านแล้วโดยมีจางอวี้เอ๋อและเหอเส้าหยวนถูกลากมาด้วย
บ้านของผู้นำทั้งสี่แห่งศาลากลางตั้งอยู่ติดกัน ทางด้านซ้ายคือบ้านของ เสิ่นอี้โจวกับหนิงเซี่ยวเฉิง และทางด้านขวาคือบ้านของหยางฉุนอี้และ เหอเส้าหยวน
หยางฉุนอี้มองดูกลุ่มคนที่ส่งเสียงดังแล้วดุว่า “เติ้งซูอี้ คุณกำลังทำอะไรอยู่!”
จากนั้นเขาชี้ไปที่เหอเส้าหยวนและจางอวี้เอ๋อที่กำลังก้มหน้าก้มตา “ดูสภาพพวกเขาสิ ให้เดินมาในสภาพนี้ได้ยังไง! ช่วยมีมนุษยธรรมกันหน่อย ไปเอาเสื้อผ้ามาให้พวกเขาใส่เร็ว!”
โดยปกติแล้วเติ้งซูอี้คงจะตกใจกับเสียงตะโกนของเขา แต่เมื่อกี้เธอเพิ่งจะต่อสู้กับเหอเส้าหยวนจวนจะตายกันไปข้างอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจะสนใจว่าหยางฉุนอี้จะคิดอะไรอีกทำไม
เธอยืนอยู่ที่ทางแยกและมองไปที่หยางฉุนอี้ “ผู้อำนวยการหยาง! ฉันเองก็ไม่ต้องการทำแบบนี้หรอกค่ะ แต่เหอเส้าหยวนคนนี้ชั่วช้าเกินไป! เขาใช้ประโยชน์จากตำแหน่งตัวเองเพื่อติดต่อกับเพื่อนร่วมงานหญิง ซึ่งทั้งสองคนเช่าบ้านข้างนอกไว้เล่นชู้ และคบหาดูใจกันมาระยะหนึ่งแล้ว! เมื่อกี้ฉันเพิ่งจับทั้งคู่ได้ขณะที่พวกเขากำลังขย่มกันอยู่บนเตียง งั้นคุณช่วยบอกมาหน่อยสิ เรื่องนี้ฉันควรทำยังไง!”
พี่สาวเติ้งเป็นผู้นำพี่น้องและญาติของตระกูลเติ้ง พวกเขายกเครื่องมือขึ้นและตะโกน “นั่นคือเรื่องที่คุณต้องอธิบายให้เราฟัง ไม่ใช่ให้เราอธิบายอะไรกับคุณ!”
หยางฉุนอี้แทบจะเป็นลมเมื่อเห็นท่าทางแข็งกร้าวของผู้คนตรงหน้า
แม้จะบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าของเหอเส้าหยวน แต่เขาก็ไม่เคยสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของร่างกายส่วนล่างของลูกน้อง
อะไรคือความแตกต่างระหว่างพวกเขากับอันธพาลกัน?
หนิงเซี่ยวเฉิงยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ผู้คนเงียบ จากนั้นเขาพูดกับเติ้งซูอี้ว่า “เราเองก็ไม่ได้อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าเรื่องมันจะเลวร้ายแค่ไหน พวกคุณควรให้ตำรวจจัดการแทน มันไม่สมควรอย่างยิ่งที่พวกคุณจะกระทำการเหมือนเป็นศาลเตี้ยแบบนี้”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง พฤติกรรมของคุณก็ถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้วย เข้าใจรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ พี่สาวเติ้งก็พูดว่า “คุณบอกว่าเราฝ่าฝืนกฎหมายแล้วพวกเขาคืออะไรล่ะ?”
“พวกเขาก่อเหตุเล่นชู้! มีโทษประหารชีวิต!”
เมื่อจางอวี้เอ๋อได้ยินว่าโทษที่อาจจะได้รับคือการตัดสินประหารชีวิต เธอก็ตะโกนด้วยความตกใจทันที “ไม่นะ! ฉันถูกบังคับ!”
เธอห่อร่างตัวเองด้วยผ้าปูที่นอนแล้วชี้ไปที่เหอเส้าหยวน “คืนนั้นเขาบังคับฉัน! และบอกว่าถ้าฉันไม่เชื่อฟังเขา เขาจะไล่ฉันออก!”
เมื่อเห็นจางอวี้เอ๋อใส่ร้ายตัวเอง เหอเส้าหยวนที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งใส่ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่มีคนนำมาให้เขาเมื่อกี้ก็ยกมือขึ้นแล้วตบจางอวี้เอ๋ออย่างสุดแรง จนเธอกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
คนรอบ ๆ รีบมาดึงเขาออกไปทันที
เหอเส้าหยวนตะโกนด่า “นังสารเลว! เป็นแกต่างหากที่ล่อลวงฉัน! แกวิ่งเข้าในห้องของฉันด้วยตัวเอง ถอดเสื้อผ้าออกแล้วก็ขึ้นคร่อมฉัน! แต่ตอนนี้แกกลับหาว่าฉันบังคับแกงั้นเหรอนังร่าน!”
จากนั้นเขาหันไปหาหยางฉุนอี้ “ผู้อำนวยการหยาง ผมถูกผู้หญิงเลวคนนี้ใส่ร้าย!”
“ถุย!” เติ้งซูอี้ถ่มน้ำลายใส่เขา “บอกว่าหล่อนใส่ร้าย แต่แกกลับซื้อผ้าพันคอให้ เช่าบ้านให้แถมยังเกลือกกลั้วอยู่กับหล่อนทั้งวันเหรอ? พวกแกสองคนเป็นชู้กัน และนังผู้หญิงนี้ก็เป็นโสเภณี!”
เมื่อคิดถึงฉากที่เธอนั่งยอง ๆ อยู่นอกประตู ได้ฟังสิ่งที่เหอเส้าหยวนและ จางอวี้เอ๋อพูด หัวใจของเธอก็เหมือนถูกกรีดแทง!
หยางฉุนอี้กับหนิงเซี่ยวเฉิงมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าบิดเบี้ยว
มันน่าเกลียดมาก
จางอวี้เอ๋อรีบคลานไปหาผู้นำทั้งสองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอถูกทุบตีบวมปูดจนแทบจำไม่ได้
เธอก้มหัวให้ทั้งสองคน “ฉันขอร้องพวกคุณค่ะ ช่วยไปบอกเลขาธิการเสิ่นและภรรยาของเขาที พวกเขาจะต้องทวงความเป็นธรรมให้ฉันแน่นอน”
ไม่ใช่ว่าการที่เติ้งซูอี้กล้ารังแกเธอแบบนี้เพราะมีครอบครัวฝั่งตัวเองสนับสนุนเหรอ?
นอกจากนี้จางอวี้เจียวยังเป็นพี่สะใภ้รองของเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวน ตราบใดที่เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนถูกเรียกออกมา พวกเขาจะต้องช่วยเธออย่างแน่นอน!
หยางฉุนอี้หันไปด้านข้างแล้วถามผู้ใต้บังคับบัญชา “เลขาธิการเสิ่นอยู่ที่ไหน? ทำไมฉันไม่เห็นเขาเลย?”