กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 278 ความเกลียดชังที่ไม่มีวันหวนคืน
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 278 ความเกลียดชังที่ไม่มีวันหวนคืน
บทที่ 278 ความเกลียดชังที่ไม่มีวันหวนคืน
บทที่ 278 ความเกลียดชังที่ไม่มีวันหวนคืน
กงเหลียนซินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเย็น ก็ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
เธอรีบหันศีรษะไปมองที่เสิ่นอี้โจวทันที
เสิ่นอี้โจวย่นคิ้วลงและยังคงกินข้าวในชามช้า ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเห็นกงเหลียนซินมองมา มุมปากของเขาก็ยกขึ้น “พี่สะใภ้ กินข้าวเถอะ”
เซี่ยไป่เหิงไม่รู้และถามกงเหลียนซินว่า “แม่ การหย่าร้างหมายถึงอะไรเหรอ?”
เสิ่นอี้หลินรีบเคาะหัวของเขา “กินเร็ว ๆ เข้าเถอะน่า เป็นเด็กเป็นเล็กจะถามอะไรเยอะแยะ?”
เซี่ยไป่เหิงไม่เข้าใจ แต่เสิ่นอี้หลินรู้
ตอนที่เขาอยู่ในหมู่บ้านซีสุ่ย เขาได้ยินเรื่องนี้บ่อย ๆ
ถ้าไม่ใช่ตอนที่หวังชุ่ยเฟินโน้มน้าวเซี่ยชิงหยวน ก็เป็นตอนที่เซี่ยชิงหยวนทะเลาะกับเสิ่นอี้โจว เมื่อเขากลับมาบ้านและเรื่องก็วนเวียนอยู่กับคำนี้
กงเหลียนซินไม่สามารถกินได้อีกต่อไป
เธอรีบลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เธอเห็นเซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ส่วนเซี่ยจิ่งเฉินยืนอยู่ด้านข้าง บรรยากาศดูอึดอัดมาก
ปรากฏความมืดมิดที่อาจกลืนกินผู้คนในดวงตาของเขา และเธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
กงเหลียนซินกลืนน้ำลายและโน้มน้าว “น้องรอง อย่าหุนหัน…”
“ตกลง” เซี่ยจิ่งเฉินพูดคำนี้ราวกับว่าเขาหมดเรี่ยวแรงจะรั้งอะไรอีกแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่จางอวี้เจียวข่มขู่เขาว่าจะหย่า เขาก็จะเงียบไป
ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าแยกทางหรือไม่อยากจากไป
เขาอายุเกือบสามสิบแล้ว ด้านหนึ่งก็พ่อแม่ อีกด้านหนึ่งก็ลูก ความสุขหรือความทุกข์ไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียวอีกต่อไป
เขาไม่ต้องการให้พ่อแม่กังวลเกี่ยวกับเขาและไม่ต้องการให้ลูก ๆ มีปัญหาเพราะเรื่องยุ่ง ๆ ของเขาเอง
ไม่ว่าจางอวี้เจียวจะเป็นยังไง เขาจะนึกถึงเส้นแบ่งสุดท้ายที่เขามีเสมอ ซึ่งคิดว่าเธอคงไม่กล้าข้ามมาแน่
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจางอวี้เจียวไม่สนใจเส้นแบ่งสุดท้ายของเขาเลย และกล้าเหยียบย่ำอย่างไม่ลังเล
เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็โค้งริมฝีปากของเธอ
พี่รองของเธอสับสนมาหลายปี ในที่สุดก็ไม่สับสนอีกแล้วในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้
เซี่ยจิ่งเฉินดูเหมือนจะโล่งใจ และถอนหายใจออกมา “ผมจะกลับไปเร็ว ๆ นี้ และจะไปทำตามขั้นตอนเอกสารให้เสร็จสิ้นก็แล้วกัน”
นี่เป็นเรื่องที่จางอวี้เจียวไม่คาดคิด และทำให้เธอโกรธมากทันที
เธอถือหูโทรศัพท์ด้วยความเกรี้ยวกราด “เซี่ยจิ่งเฉิน คุณยังมีมโนธรรมอยู่ไหม!? ฉันแต่งงานกับคุณมาหลายปีแล้ว ฉันทุ่มเทอย่างหนักให้คุณตั้งหลายอย่าง แต่คุณยังต้องการหย่ากับฉันอีกเหรอ! บอกฉันสิ เซี่ยชิงหยวนยุคุณใช่ไหม? ฉันเพิ่งบอกคุณไปไม่ใช่รึไงว่าเธอไม่ใช่คนดี แต่คุณกลับปกป้องเธออยู่ตลอดเวลา คุณ…”
“พอได้แล้ว!” เซี่ยจิ่งเฉินอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะเธอ
เขาพูดอย่างเย็นชา “คุณเป็นคนแรกที่พูดถึงการหย่าร้างก่อนไม่ใช่ผม และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับชิงหยวน ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น สรุปคือผมจะไม่หยุดคุณเกี่ยวกับเรื่องของอวี้เอ๋อ คุณจะทำอะไรก็ตามใจเลย แต่ถ้าคุณยังกล้าโทรมาเพื่อทำให้ชิงหยวนลำบากใจอีก ก็อย่าได้มาโทษผม ถ้าเรื่องของเรามันจะจบกันแบบน่ารังเกียจยิ่งกว่าเดิม!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยจิ่งเฉินแล้ว จางอวี้เจียวก็โกรธมาก ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า และริมฝีปากก็บิดเบี้ยวด้วยแรงโกรธ
เธอกัดฟันและพูดอย่างขมขื่น “เซี่ยจิ่งเฉิน! คุณพูดแบบนี้ คุณก็อย่าได้เสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดแล้ว เธอก็วางสายโทรศัพท์อย่างแรงบราวนี่ออนไลน์
มีคนหลายคนอยู่ในสำนักงานคณะกรรมการหมู่บ้าน และได้ยินบทสนทนาของเธอไม่มากก็น้อย ทุกคนต่างมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ
จางอวี้เจียวตะโกนใส่พวกเขา “จ้องอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันเหรอ!?”
หลังจากพูดแล้วเธอก็รีบกลับบ้านไป
เธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะบังคับสองพี่น้องนั่นไม่ได้!
หลังจากจางอวี้เจียววางสายโทรศัพท์ เซี่ยจิ่งเฉินยังยืนอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่
เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาสบตากับเซี่ยชิงหยวน และหันไปพูดกับเซี่ยจิ่งเฉิน “พี่รองไปกินข้าวเถอะ อาหารเริ่มเย็นแล้วนะ”
เซี่ยจิ่งเฉินพยักหน้า ก่อนจะมองไปที่เซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวนไปกินข้าวกัน”
เซี่ยชิงหยวนมองเซี่ยจิ่งเฉินกลับ เขาดูเหมือนคนสูญเสียพลังงานไปแทบทั้งหมด ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเลย
เสิ่นอี้โจวจับมือภรรยา “อย่าคิดมากนะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
ตราบใดที่เซี่ยจิ่งเฉินเต็มใจจะเปิดตามองเห็นสันดานจริง ๆ ของจางอวี้เจียวและต้องการจะเปลี่ยนแปลง ทั้งสองคนก็จะมาถึงจุดนี้ไม่ช้าก็เร็ว
เซี่ยชิงหยวนตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “อืม”
ความเจ็บปวดระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดระยะยาว เป็นการดีกว่าที่จะกำจัดมะเร็งร้ายอย่างจางอวี้เจียวกับจางอวี้เอ๋อในทันทีและตลอดไป เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดต่อครอบครัวของเธอในอนาคต
คนเฒ่าคนแก่มักบอกว่าผู้หญิงดีจะรุ่งเรืองไปสามชั่วอายุคน แต่ผู้หญิงเลวจะทิ้งความหายนะสามชั่วอายุคน ประโยคนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในจางอวี้เจียว
ตอนนี้ครอบครัวอยู่ในความสับสนอลหม่าน พี่ชายของเธอถูกกดขี่และหลานสาวทั้งสองของเธอไม่ได้รับความรักจากแม่ หากสิ่งต่าง ๆ ยังดำเนินแบบนี้ต่อไป เธอกังวลด้วยซ้ำว่าจางอวี้เจียวจะสอนทัศนคติผิด ๆ แก่ลูกทั้งสอง และมันจะสายเกินไปที่จะเสียใจ
เห็นได้ชัดว่าหลังจากโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ ความอยากอาหารของทุกคนก็ลดลงทันตาเห็น
นอกเหนือจากเสิ่นอี้หลินและเซี่ยไป่เหิงที่กินอาหารอย่างพึงพอใจแล้ว แม้แต่หลินตงซิ่วก็รู้สึกหดหู่ใจ
เซี่ยจิ่งเฉินวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เช้า ฉันวางแผนจะนั่งรถประจำทางสายแรกกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวานะ”
เขาหันไปหาเสิ่นอี้โจว “น้องเขย ช่วยทำเรื่องลาให้ฉันที่ศาลากลางหน่อยนะ”
เนื่องจากเรื่องของจางอวี้เอ๋อเกิดขึ้นที่เมืองเตียนเฉิง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลจางจะนิ่งเงียบ
เขาเคยมีประสบการณ์กับพี่เขยในตระกูลของจางอวี้เจียวอยู่
เขากังวลมากกับเซี่ยโยว่หมิงและหวังผิงที่อยู่บ้านกับลูก ๆ
ตัวเขาจะต้องเป็นคนจัดการกับผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วย เพื่อไม่ให้พ่อแม่เข้าไปพัวพัน และทำให้เซี่ยชิงหยวนกับสามีของเธออับอาย
กงเหลียนซินยังรีบพูดว่า “วันพรุ่งนี้ฉันกับไป่เหิงจะไปกับน้องรองด้วยนะ”
ที่บ้านมีแค่พ่อแม่สามีของเธอและเซี่ยจิ่งเยว่ ซึ่งไม่ใช่คนใจแข็ง ดังนั้นเธอจึงกังวลมากเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนรู้ดีว่าเซี่ยจิ่งเฉินจะทำอะไรเมื่อเขากลับไป
เขาต้องการแก้ปัญหาของจางอวี้เอ๋อและจางอวี้เจียวด้วยตัวเอง
เธอมองดูไหล่อันบางของเขาและแทบทนไม่ไหว
ใต้โต๊ะเสิ่นอี้โจวจับมือเธอไว้
เมื่อสัมผัสอันอบอุ่นส่งผ่านจากมือ เซี่ยชิงหยวนก็ตระหนักว่าฝ่ามือของเธอเย็นลงโดยไม่รู้ตัว
เธอพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันจะให้อี้โจวจัดการให้นะ”
สำหรับบางสิ่ง เธอทำได้เพียงผลักดันเซี่ยจิ่งเฉินจากข้างหลังของเขาเท่านั้น และท้ายที่สุดเขาก็ต้องเผชิญกับทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเอง
หลังอาหารเย็น เซี่ยจิ่งเฉินก็กลับไปที่ห้องพัก
สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนซื้อให้จากเมืองกว่างโจว ในตอนนี้คงไม่เหมาะนักหากจะฝากไปด้วย
เดิมทีเธออยากจะขนของไปให้เขาในวันรุ่งขึ้นเลย แต่หลังจากคิดทบทวนแล้ว ครั้งนี้เมื่อเขากลับไป เขาอาจจะต้องต่อสู้อย่างดุเดือด และบางทีบ้านอาจถูกรื้อค้น ดังนั้นของต่าง ๆ ยังไม่ควรส่งไปในตอนนี้
แต่เซี่ยชิงหยวนยังคงนับของต่าง ๆ ต่อหน้ากงเหลียนซิน
“ที่นี่มีนมผงสิบสองกระป๋อง สี่กระป๋องเป็นนมสำหรับวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ซึ่งเอาไว้ให้ผู้ใหญ่ทุกคนกิน และอีกแปดกระป๋องก็แบ่งเท่า ๆ กันระหว่างเด็กทั้งสี่คนนะ”
เซี่ยชิงหยวนซื้อนมผงครั้งนี้มากกว่าครั้งที่แล้วเป็นสองเท่า
สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนซื้อคือนมผงคุณภาพสูงทั้งหมด มีรสชาติเข้มข้นและบริสุทธิ์ ตราบใดที่ใครก็ตามไม่เกลียดรสชาติของนมผง คนคนนั้นจะอยากดื่มมันซ้ำแล้วซ้ำอีกหลังจากได้ดื่มมันไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะการห้ามของหวังผิง พวกเด็ก ๆ คงจะกินของที่เซี่ยชิงหยวนนำกลับไปฝากหมดภายในไม่กี่วัน
เซี่ยชิงหยวนนำเสื้อผ้าถุงใหญ่ออกมาอีก “นี่คือเสื้อผ้าสำหรับพ่อแม่ พี่ชาย และเด็ก ๆ นะคะ ทั้งหมดสำหรับฤดูใบไม้ร่วง”
ยังมีเสื้อผ้าและชุดชั้นในของกงเหลียนซินอีก ซึ่งเซี่ยชิงหยวนได้มอบให้หลายชุดแล้วเช่นกันในวันที่เธอมา
อันที่จริงเซี่ยชิงหยวนยังเตรียมบางอย่างสำหรับจางอวี้เจียวด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่จำเป็นแล้ว
เซี่ยชิงหยวนชี้ไปที่กระเป๋าใบเล็กที่อยู่ด้านข้าง “ตอนแรกมันมีไว้สำหรับพี่รองน่ะค่ะ แต่ไว้ให้เขาทีหลังก็ได้”
จากนั้นเธอหยิบถุงผ้าใบเล็กออกมาอีกใบ “ตรงนี้มีหนังสือการ์ตูนและเครื่องเขียนอยู่อีก เอาไว้ให้เด็ก ๆ ค่ะ ไป่เหิงก็จะไปโรงเรียนในปีหน้าแล้ว ตอนนี้ถ้าพี่สะใภ้มีเวลาว่าง พี่สามารถสอนความรู้เบื้องต้นให้เขาไว้ก่อนได้นะคะ”
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็นำของทั้งหมดใส่ลงในถุงกระสอบใบใหญ่ “หลังจากเรื่องวุ่นวายจบลงแล้ว ฉันจะส่งของพวกนี้กลับไปให้ทั้งหมดเลยค่ะ”
กงเหลียนซินมองดูเซี่ยชิงหยวนที่พิถีพิถันในการเตรียมของขวัญให้กับครอบครัว แล้วดวงตาของเธอก็แดงก่ำ
ทำไมเซี่ยชิงหยวนถึงยังคงคิดถึงพวกเขาด้วยจิตใจที่สงบเช่นนี้หลังจากผ่านเรื่องราวทั้งหมดมา?
กงเหลียนซินสูดจมูกแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะดูแลที่บ้านเอง”
“ไม่ใช่แค่จางอวี้เจียวที่มีครอบครัวฝ่ายตัวเองสักหน่อย พี่เองก็มีครอบครัวเหมือนกัน พรุ่งนี้เช้าพี่จะโทรไปที่บ้านของพี่ และขอให้คนในครอบครัวฝั่งพี่มาช่วยด้วยอีกแรง”
เธอยังจำได้ ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อจางอวี้เจียวมีท้องใหญ่ พ่อแม่ พี่ชาย และลุงของเธอทั้งหมดก็มาที่ประตูตระกูลเซี่ย
ในเวลานั้นผู้เฒ่าเซี่ยยังคงมีชีวิตอยู่และสมาชิกในครอบครัวของจางอวี้เจียวก็ปรี่เข้าไปผลักผู้เฒ่าเซี่ย
คนของตระกูลจางมาพร้อมกับท่อนไม้และเครื่องมือทำเกษตร ข่มขู่ให้เซี่ยจิ่งเฉินแต่งงานกับจางอวี้เจียวทันที และเปิดปากบอกราคาเจ้าสาวสามร้อยหยวน
ในชนบทเมื่อหลายปีก่อน เงินจำนวนสามร้อยหยวนเป็นจำนวนที่สูงเสียดฟ้า
ไม่ว่าเซี่ยโยว่หมิงจะพูดคุยกับพวกตระกูลจางมากแค่ไหน ตระกูลจางก็ไม่ยอมท่าเดียวและขู่ว่าหากไม่เห็นด้วย ตระกูลจางจะป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป
ด้วยวิธีนี้ชีวิตของเซี่ยจิ่งเฉินก็จะถูกทำลาย
ท้ายที่สุดหวังผิงยอมกัดฟันและตกลงตามคำขอของพวกตระกูลจาง
เธอจำได้ว่าคืนนั้นเซี่ยโยว่หมิงสั่งให้เซี่ยจิ่งเฉินคุกเข่าในห้องหลักและเฆี่ยนจนไม้หักทั้งหมด
เซี่ยจิ่งเฉินปฏิเสธที่จะบอกว่าเขาทำให้จางอวี้เจียวตั้งครรภ์กันได้ยังไง
แต่ใบหน้าของเซี่ยจิ่งเฉินเต็มไปด้วยความอดกลั้น และความเสื่อมทราม ทำให้ทุกคนในตระกูลเซี่ยตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องความรักของทั้งสองแบบที่ตระกูลจางพูด หรือเป็นไปตามที่จางอวี้เจียวบอกว่าเซี่ยจิ่งเฉินบังคับขืนใจ
ในเวลานั้นจดหมายตอบรับเข้าเรียนวิทยาลัยของเซี่ยชิงหยวนเพิ่งถูกส่งมา ซึ่งเธอและเพื่อนร่วมชั้นที่สนิทกันอีกสองสามคนกำลังเล่นอยู่ที่บ้านเพื่อนอีกคนในเมือง เซี่ยชิงหยวนจึงไม่รู้เรื่องที่บ้าน
เมื่อเธอกลับมา หวังผิงก็พูดว่าต่อไปเซี่ยชิงหยวนจะต้องออกไปทำงานข้างนอก
เธอและเซี่ยจิ่งเยว่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ปากของเซี่ยชิงหยวนก็ปิดแน่นพอ ๆ กับเซี่ยจิ่งเฉิน เซี่ยชิงหยวนบอกว่าไม่ต้องการเรียนอีกต่อไปแล้ว
แต่เธอจำได้ชัดเจนว่าเซี่ยชิงหยวนเด็กสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี เต้นอย่างมีความสุขเมื่อตัวเองได้รับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัย
การผิดหวังทั้งสองครั้งของเซี่ยจิ่งเฉินและเซี่ยชิงหยวน ทำให้ผู้เฒ่าเซี่ยป่วยหนักและเสียชีวิตในที่สุด เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับมาจากที่ทำงาน ชายชราก็กำลังจะตายอยู่รอมร่อแล้ว
ขณะนั้นเขากินอะไรไม่ได้และสติของเขาก็ไม่ชัดเจน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงปฏิเสธที่จะหลับตา
ทุกคนรู้ดีว่าชายชรากำลังรอเซี่ยชิงหยวนอยู่
ในเวลานั้นจดหมายตอบรับเข้าเรียนวิทยาลัยของเซี่ยชิงหยวนเพิ่งถูกส่งมา ซึ่งเธอและเพื่อนร่วมชั้นที่สนิทกันอีกสองสามคนกำลังเล่นอยู่ที่บ้านเพื่อนอีกคนในเมือง เซี่ยชิงหยวนจึงไม่รู้เรื่องที่บ้าน
เมื่อเธอกลับมา หวังผิงก็พูดว่าต่อไปเซี่ยชิงหยวนจะต้องออกไปทำงานข้างนอก
เธอและเซี่ยจิ่งเยว่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ปากของเซี่ยชิงหยวนก็ปิดแน่นพอ ๆ กับเซี่ยจิ่งเฉิน เซี่ยชิงหยวนบอกว่าไม่ต้องการเรียนอีกต่อไปแล้ว
แต่เธอจำได้ชัดเจนว่าเซี่ยชิงหยวนเด็กสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี เต้นอย่างมีความสุขเมื่อตัวเองได้รับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัย
การผิดหวังทั้งสองครั้งของเซี่ยจิ่งเฉินและเซี่ยชิงหยวน ทำให้ผู้เฒ่าเซี่ยป่วยหนักและเสียชีวิตในที่สุด เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับมาจากที่ทำงาน ชายชราก็กำลังจะตายอยู่รอมร่อแล้ว
ขณะนั้นเขากินอะไรไม่ได้และสติของเขาก็ไม่ชัดเจน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงปฏิเสธที่จะหลับตา
ทุกคนรู้ดีว่าชายชรากำลังรอเซี่ยชิงหยวนอยู่
ในเวลานั้น เซี่ยชิงหยวนถูกเรียกกลับทางโทรศัพท์
ตัวเธอเต็มไปด้วยฝุ่นและใบหน้าซีดเซียว หญิงสาวคุกเข่าลงต่อหน้าชายชราทันทีที่เข้าไปในประตู ร้องว่าตัวเองยังกตัญญูไม่พอ
แต่แล้วชายชราที่สับสนพลันตื่นขึ้นมา ลูบหัวของเซี่ยชิงหยวนและยิ้มอย่างอ่อนโยน
ทุกคนรู้ว่าชายชรากำลังนึกถึงอดีต และเขากำลังจะล่องลอยในอีกไม่นานแล้ว
มือของชายชราเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นจับมือเรียวเล็กของเซี่ยชิงหยวนและถูมันเบา ๆ “ดีใจที่หลานกลับมานะ ดีใจที่หลานกลับมา”
เขามองเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า “หลานเอ๋ย ครอบครัวของเราเสียใจด้วยจริง ๆ ต่อหลาน แต่ปู่หวังว่าหลานจะไม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความขุ่นเคืองนะ”
“หลานเป็นหลานสาวคนโปรดของปู่ ดังนั้นหลานควรมีความสุขทุกวันและเป็นที่รักของทุกคน”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้และพยักหน้า “คุณปู่ ไม่ต้องกังวล หนูเข้าใจค่ะ”
เมื่อได้ยินคำสัญญาของเซี่ยชิงหยวน ชายชราก็ยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายและหลับตาลง