กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 280 ต้องเจ็บมากถึงจะจำ
บทที่ 280 ต้องเจ็บมากถึงจะจำ
บทที่ 280 ต้องเจ็บมากถึงจะจำ
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยิน เธอก็เริ่มสนใจขึ้นมา “วิธีไหน?”
เธอไม่เคยขอให้เขาช่วยต่อสู้ เพราะเธอรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะกับนิสัยของเสิ่นอี้โจวเสียเท่าไหร่
โดยไม่คาดคิด เสิ่นอี้โจวจะกล่าวออกมา “โทรหาเพื่อนเก่าของพี่รองแล้วขอร้องให้พวกเขาไปช่วยไง”
เซี่ยชิงหยวน “…”
ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินเขาสูงไปใช่ไหมนะ
แต่หลังจากคิดดูแล้ว สำหรับตอนนี้นี่ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีทีเดียว
ตอนนี้เสิ่นอี้โจวเป็นข้าราชการระดับสูงแล้ว ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าไปแทรกแซงเหตุการณ์การกระทบกระทั่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกตระกูลจางที่เดินเท้าเปล่าไม่กลัวพวกผู้คนที่สวมรองเท้าหนังอยู่แล้ว หากพวกเขาร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่กดขี่ พวกเขาจะอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าในแง่ความคิดเห็นของประชาชน
นอกจากนี้มีแค่พวกครอบครัวจางที่กล้ารังแกครอบครัวเธอหรือไง?
แค่เซี่ยจิ่งเฉินขอให้เพื่อนเก่าที่เคยเล่นด้วยกันมาช่วยเหลือ นั่นก็เพียงพอแล้ว
เธอพยักหน้าและพูดว่า “วิธีนี้ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อก่อนพี่รองมีเพื่อนมากมายและพวกเพื่อน ๆ ของเขาก็สนิทกันมาก ตอนที่ฉันอยู่ในโรงเรียน ตราบใดที่ฉันบอกว่าเป็นน้องสาวของเซี่ยจิ่งเฉินก็จะไม่มีใครกล้ารังแกฉันเลย”
แต่เมื่อพูดถึงจุดนี้ สีหน้าดีใจ และความคิดถึงของเซี่ยชิงหยวนก็จางหายไปอีกครั้ง “แต่หลังจากพี่รองแต่งงานแล้ว จางอวี้เจียวไม่ชอบเพื่อนของเขา เธอจึงบังคับให้พี่รองเลิกคบเพื่อนทั้งหมด ถ้าพี่รองปฏิเสธ เธอจะชี้ไปที่เพื่อนที่มาบ้านและด่ากราดทุกคน จนสุดท้ายเพื่อน ๆ ก็ค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป”
เสิ่นอี้โจวจับมือเธอแล้ววางลงบนเข่าของเขา “ในใจของพวกเขา พวกเพื่อน ๆ ของพี่รองย่อมต้องเข้าใจเหตุผลแน่”
เขาใช้นิ้วลูบไล้เธอจนร้อนวูบวาบแล้วพูดว่า “ของบางอย่างถ้าไม่เจ็บจนถึงที่สุด ก็ไม่มีทางเด็ดขาดได้หรอก”
เหมือนเนื้อเน่าที่ลุกลามตามร่างกาย มันจำเป็นต้องเอาออก ท้ายที่สุดต่อให้ต้องตัดแขนขาก็ต้องยอมเพื่อรักษาชีวิตไว้
หากอาศัยอิทธิพลของเสิ่นอี้โจวในครั้งนี้ ปัญหาจะสามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ แต่พอผ่านไป ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยเจ็บปวดพอก็จะทำให้เนื้อเน่าเหล่านั้นกลับมาอีกครั้ง
สำหรับคนเรามันเป็นเรื่องง่ายที่จะลืมความเจ็บปวดเมื่อแผลหาย แต่จริง ๆ แล้วสาเหตุสำคัญที่สุดประการหนึ่งก็คือ ความเจ็บปวดนั้นยังไม่เพียงพอตั้งแต่แรก
เซี่ยชิงหยวนคุ้นเคยกับความจริงข้อนี้ดี
เธอพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันก็มีเรื่องต้องทำด้วย”
“โอ้?” เฉินอี้โจวเลิกคิ้วแล้วมองดูเธอ
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เขาและพูดว่า “ฉันยังบอกคุณไม่ได้หรอก แต่ยังไงซะ สิ่งที่คุณพูด คุณก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างด้วยนะ”
เสิ่นอี้โจวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เขาดึงรั้งแขนหญิงสาวให้โน้มตัวเข้าหา
เซี่ยชิงหยวนเซตามแรงดึง โน้มตัวเหนือร่างกายของเขา “อะไรเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวแนบริมฝีปากกระซิบใกล้ใบหูของเธอ “งั้นคุณอยู่ข้างบน แล้วผมคอยช่วยประคองคุณดีไหม”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้นและปลดกระดุมคอเสื้อออก “พรุ่งนี้ยังต้องมีการต่อสู้อันดุเดือดให้เผชิญกัน คืนนี้เราพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
เซี่ยชิงหยวน “?”
เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนรุ่งสาง เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวไปส่งเซี่ยจิ่งเฉินและคนอื่น ๆ กลับหมู่บ้านซิ่งฮวา
เมื่อเซี่ยชิงหยวนและกงเหลียนซินกล่าวคำอำลา เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยจิ่งเฉินที่ยืนข้างกัน ก็หันมาพูดคุยบางอย่างพร้อมก้มศีรษะให้กัน
เสิ่นอี้โจวดูเฉย ๆ ในขณะที่เซี่ยจิ่งเฉินมีใบหน้าที่เงียบงัน
หลังจากส่งทั้งสองขึ้นรถไฟ เซี่ยชิงหยวนก็มองพี่รองทางหน้าต่างรถไฟ เขากำลังนั่งครุ่นคิดเงียบ ๆ และเฝ้าบอกให้ตัวเองเด็ดขาด
ทั้งสองมองดูรถไฟเคลื่อนออกไป ยิ้มให้กัน ก่อนแยกย้ายกันไป
เมื่อกลับถึงบ้านก็เช้าแล้ว หลินตงซิ่วกำลังยุ่งอยู่ในครัว
เมื่อเห็นทั้งสองคน หลินตงซิ่วก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เข้าไปในห้องแล้วนอนพักเอาแรงหน่อยเถอะ แม่กำลังต้มโจ๊กอยู่ ทำเสร็จเมื่อไหร่แม่จะปลุกพวกลูกอีกที”
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่หลินตงซิ่วภายใต้แสงไฟ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะแม่”
เสิ่นอี้โจวยังกล่าวอีกว่า “ขอบคุณครับแม่”บราวนี่ออนไลน์
เขาจับมือเธอแล้วพูดว่า “แม่ของผมก็เป็นแม่ของคุณเหมือนกัน แม่ปฏิบัติต่อคุณแบบเดียวกับผม ดังนั้นไม่ว่ายังไง คุณก็ยังมีพวกเราที่รักคุณอยู่นะ”
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นอี้โจวทันที
จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับจางอวี้เอ๋อจนถึงตอนนี้ เธอมีสิ่งหนึ่งในใจ
เธอคิดว่าเก็บซ่อนดีแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าเสิ่นอี้โจวกลับมองออก
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของจางอวี้เอ๋อหรือการหย่าร้างของเซี่ยจิ่งเฉิน สิ่งที่น่าหนักใจที่สุดไม่ใช่จางอวี้เจียวหรือครอบครัวจาง แต่เป็นแม่ของเธอ หวังผิง
หลังจากนี้เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าจะคุยกับแม่ยังไงดี
เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น “อื้ม”
เพื่อรอโทรศัพท์ของหวังผิง เสิ่นอี้โจวยังคงนั่งรออยู่ที่บ้านอีกครึ่งชั่วโมงในตอนเช้าก่อนไปทำงาน
เซี่ยชิงหยวนไล่เขาออกไปด้วยรอยยิ้ม “ทุกวันนี้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองนาทีของคุณก็มีค่าแล้ว คุณยังมานั่งรออะไรกับฉันที่นี่อีก สุดท้ายแล้วคนที่จะโทรมาก็เป็นแม่ของฉันเอง เธอจะฆ่าฉันได้รึไง?”
เมื่อได้ยินแบบนี้เสิ่นอี้โจวก็ออกไปทำงาน เซี่ยชิงหยวนจึงจัดบ้านอีกครั้ง ดื่มชา และอ่านหนังสือพิมพ์ ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับความสงบก่อนเกิดพายุ
อันที่จริงเซี่ยชิงหยวนอยากจะล็อกประตูบ้าน แล้วออกไปข้างนอก เพื่อไม่ต้องการรับรู้อะไรมากกว่า
แต่หากเธอทำแบบนั้น หวังผิงจะไม่หยุดและโทรไปที่สำนักงานของเสิ่นอี้โจว
จะดีกว่าถ้าเธอรอรับโทรศัพท์ที่บ้านเลย
เก้าโมงสี่สิบ ในที่สุดโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เซี่ยชิงหยวนถือถ้วยชา วางหนังสือพิมพ์ลงโดยไม่มีความตื่นตระหนกใด และรับสายโทรศัพท์อย่างใจเย็น “สวัสดีค่ะ?”
ทันทีที่รับสาย เสียงกังวลของหวังผิงก็ดังขึ้น “ชิงหยวน ตอนนี้พี่รองของลูกอยู่ด้วยไหม?”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “พี่รองและพี่สะใภ้พาไป่เหิงกลับไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“เฮ้อ!” หวังผิงถอนหายใจอย่างหนัก “ทำไมลูกไม่หยุดพวกเขาล่ะ?”
“เมื่อวานนี้สะใภ้รองร้องไห้ฟูมฟายวิ่งกลับบ้าน และเช้านี้ครอบครัวของเธอก็มาสร้างปัญหาอีกแล้ว พวกเขาล้อมบ้านเราทั้งหมดเลย”
“ในเวลานี้ถ้าพี่รองของลูกกลับมา มันจะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นไม่ใช่รึไง?”
จางอวี้เจียวร้องห่มร้องไห้ขว้างปาข้าวของ ไม่ต้องพูดถึงการช่วยทำงานบ้านเลย แม้แต่ลูกร้องไห้ต่อหน้า เธอก็ไม่แม้แต่จะมอง ทำเพียงโยนเด็กออกไปเท่านั้น
เซี่ยซือถงมีไข้กลางดึก แต่เธอก็ดุด่าว่า “จะไม่มีบ้านอยู่อยู่แล้ว ตัวร้อนแค่นี้อย่ามาทำเป็นเรื่องใหญ่นะ!”
ด้วยความสิ้นหวัง เซี่ยจิ่งเยว่ทำได้เพียงพาเด็กน้อยไปที่สถานีอนามัยของหมู่บ้าน ปล่อยให้เซี่ยโย่วหมิงและหวังผิงอยู่บ้าน เพื่อดูแลลูกหลานที่เหลือ
หลังจากฉีดยากลับมา คนอื่น ๆ ก็ไม่กล้านอน รอจนกว่าไข้ของเด็กลดลงในตอนเช้าจึงได้งีบหลับกันครู่หนึ่ง
แต่ใครจะรู้ ก่อนที่ทุกคนจะได้พักผ่อน ครอบครัวจางก็มาที่ประตูบ้านแล้ว
แม่ของจางอวี้เจียวพร้อมด้วยลูกชายตัวอ้วนท้วนทั้งสี่ พูดจาตะคอกอย่างดุเดือด
เซี่ยชิงหยวนพูดได้เพียงว่า “แม่คะ พี่รองต้องเผชิญกับเรื่องพวกนี้ เขาซ่อนตัวไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกค่ะ ไม่งั้นตลอดชีวิตแม่กับพ่อจะไม่มีวันสงบสุขเลยเมื่ออยู่กับลูกหลาน”
คำพูดของเซี่ยชิงหยวนดูเหมือนจะปลุกไฟโทสะที่หวังผิงกำลังระงับอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะดุออกมา “จะไม่ให้กังวลได้ยังไง? ทุกคนยังต้องร่วมชายคาเดียวกันไม่ใช่เหรอ? อันที่จริงหากลูกมีความกตัญญูบ้าง ลูกควรจะบอกให้อี้โจวช่วยอวี้เอ๋อสิ ไม่อย่างนั้นในอนาคตจะยิ่งมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ พี่รองของลูกกับสะใภ้รองจะต้องหย่าร้างกันแบบนี้เหรอ?”
“ครอบครัวสงบลงได้ไม่นาน แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว ลูกพยายามทำให้แม่กับพ่อไม่มีความสุขอีกแล้วเหรอ?”
เมื่อฟังคำดุด่าของหวังผิง สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนก็เย็นชาอย่างมาก
ดวงตาของเธอดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยหมอก และหลังจากผ่านไป ความโศกเศร้าก็ล้นออกมา
เธอหายใจเข้า กดอารมณ์ให้หายไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกเหมือนมีของหนักทับอยู่ แต่กลับมีรอยยิ้มเย้ยหยันบนในหน้าของเธอ “แม่คะ ในใจของแม่เห็นหนูเป็นแบบนั้นเองอย่างงั้นเหรอ?”