กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 288 สอบปากคำ
บทที่ 288 สอบปากคำ
บทที่ 288 สอบปากคำ
เมื่อเห็นว่าแม่เฒ่าจางและสะใภ้รองยังคงงุนงง ตำรวจจึงเร่งเร้า “ไปเก็บข้าวของของคุณโดยเร็วซะ แล้วมากับเราทันที!”
แม่เฒ่าจางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบ “ได้ ได้”
หญิงชรากลับเข้าไปในห้อง เป็นขณะเดียวกับที่จางอวี้เจียวเดินออกมาพอดี เมื่อออกมาเธอก็แปลกใจที่เห็นตำรวจยืนอยู่ข้างหลังแม่ของตัวเอง
เธอระงับความตกตะลึงแล้วมองดูแม่ของตน
แม่เฒ่าจางโบกมือให้จางอวี้เจียวเข้ามาหาใกล้ ๆ แต่ตำรวจห้ามเธอด้วยมือของเขา “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดต่อหน้าผมเลย คุณไม่สามารถพูดถึงคดีนี้เป็นการส่วนตัวได้”
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดกับจางอวี้เจียว “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับน้องสาวลูกน่ะ วันนี้แม่จะไปที่เตียนเฉิงกับตำรวจ ลูกอยู่ที่บ้านนะ และช่วยพี่น้องของลูกจัดบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นก็รีบไปที่บ้านสามีของลูกซะ”
เธอพูดได้เพียงเท่านี้ ไม่รู้ว่าจางอวี้เจียวจะเข้าใจหรือเปล่า
ซึ่งจางอวี้เจียวเข้าใจทันที
เธอพยักหน้าและพูดว่า “ค่ะแม่ หนูรู้แล้วไม่ต้องห่วง”
จากนั้นแม่เฒ่าจางจึงเดินออกจากบ้านทีละก้าว
ความจริงแล้ว เธอต้องการกระซิบสั่งจางอวี้เจียวให้หย่ากับเซี่ยจิ่งเฉินทันที จากนั้นค่อยขอร้องครอบครัวเซี่ยให้ปล่อยจางอวี้เอ๋อไป
แต่เธอทำไม่ได้
ถ้าเธอพูดแล้วตำรวจได้ยิน อาชญากรรมของจางอวี้เอ๋อจะได้รับการยืนยันทันที
เธอทำได้เพียงรอให้ไปถึงเมืองเตียนเฉิงแล้วหาโอกาสโทรกลับมา ซึ่งหญิงชราหวังว่าจะยังพอทันเวลา
แม่เฒ่าจางและสะใภ้รองเดินออกนอกบ้าน รถตำรวจจอดอยู่ด้านนอก และผู้คนจำนวนมากกำลังเฝ้าดูอยู่
มีชาวบ้านถามกันว่า “แม่เฒ่าจาง คนในครอบครัวของเธอคนไหนที่ก่ออาชญากรรมเหรอ?”
แม่เฒ่าจางก้มศีรษะลง และไม่พูดอะไร แต่หญิงสาวเพื่อนบ้านตะโกนด้วยความโกรธเคือง “จะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่จางอวี้เอ๋อ! มันคงสร้างปัญหาข้างนอกแน่ ๆ แล้วพานซวยมาถึงฉันที่ต้องถูกพาตัวไปให้ปากคำเนี่ย!”
ทันทีที่เธอพูดจบ ตำรวจที่อยู่ข้างหลังก็หยุดเธอไว้ “ช่วยอย่าพูดเรื่องไร้สาระด้วย”
สะใภ้รองจางเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนกับหญิงสาวเพื่อนบ้านเช่นกัน
ถ้าเธอรู้ก่อนคงไม่พูดประโยคนั้นตามใจปากตัวเองแน่!
ดูเหมือนชาวบ้านจะไม่แปลกใจกับคำตอบของหญิงสาวเพื่อนบ้านเลย
พวกเขาส่ายหัวแล้วกลับเข้าบ้านไป
เมื่อตำรวจเห็นเหตุการณ์นี้ ต่างก็คาดเดาอะไรบางอย่างได้ในใจ และวางแผนจะรายงานเรื่องนี้หลังจากกลับไปที่สถานีตำรวจ
เมื่อแม่เฒ่าจางและคนอื่น ๆ ขึ้นรถ แม่เฒ่าจางก็ต้องการถือโอกาสพูดคุยกับหญิงสาวเพื่อนบ้านสักสองสามคำ แต่ถูกตำรวจขัดจังหวะ “ผมบอกไปแล้วไงว่าอย่าพูดคุยกันถ้าไม่จำเป็น ทำไมตอนนี้ถึงลืมคำพูดของผมแล้วล่ะ?”
หญิงสาวเพื่อนบ้านพ่นลมหายใจเยาะเย้ยเมื่อเห็นแม่เฒ่าจางถูกตำหนิ ก่อนจะหันหน้าหนีไปโดยไม่สนใจว่าแม่เฒ่าจางจะกะพริบตาใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า
ในตอนแรก เธอกับจางอวี้เอ๋อเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเธอมักจะไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน ซึ่งพวกเธอรู้ความลับมากมายของกันและกัน
แต่แล้ววันหนึ่งจู่ ๆ จางอวี้เอ๋อก็หายตัวไป
เธอถามครู และครูบอกว่าครอบครัวของจางอวี้เอ๋อขอให้เด็กหญิงลาออก
เมื่อเธอไปที่บ้านตระกูลจางเพื่อถามแม่เฒ่าจาง เธอกลับถูกแม่เฒ่าจางด่ากราดใส่หน้า “จู่ ๆ หายไปที่ไหน? อวี้เอ๋อของฉันแค่ไปอยู่บ้านญาติ ทำไมเด็กอย่างแกถึงพูดเรื่องไร้สาระได้ขนาดนี้ห้ะ!”
เมื่อเห็นพฤติกรรมของแม่เฒ่าจางที่ดุว่าเธอทั้ง ๆ ที่มาถามด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เกลียดแม่เฒ่าจางทันที
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่จางอวี้เอ๋อกลับมา จางอวี้เอ๋อก็หมางเมินเธอ และหญิงสาวก็ไม่ชอบจางอวี้เอ๋ออีกต่อไป
เมื่อเห็นทัศนคติของหญิงสาวเพื่อนบ้าน หัวใจของแม่เฒ่าจางก็จมดิ่งลงไปอีก
มิตรภาพในอดีตของหญิงสาวคนนี้กับจางอวี้เอ๋อ อีกฝ่ายต้องรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของหนี่เจิ้งแน่ หากหญิงสาวคนนี้สารภาพกับตำรวจเรื่องหนี่เจิ้ง ตำรวจจะสอบสวนเหตุการณ์นั้นอย่างแน่นอน!
…
ในร้านตรอกเก่า เซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่หลังตู้กระจก หลังจากออกไปพบกลุ่มแขกตอนเที่ยง และกำลังคำนวณรายได้อย่างขะมักเขม้น
นับตั้งแต่เกิดเพลิงไหม้เมืองฝูเถียน พื้นที่หลายแห่งในมณฑลยูนนานก็ได้ร้องขอการทำฝนเทียมเพื่อช่วยภัยแล้งเหมือนกับเมืองฝูเถียน
เพียงแต่หลายพื้นที่มีปัจจัยไม่อำนวย และงานฝนเทียมก็ไม่ราบรื่น
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีฝนตกเพียงเล็กน้อย ซึ่งพอบรรเทาสภาพอากาศแห้งได้เพียงประปรายเท่านั้น ดังนั้นราคาอาหารประเภทผักและเนื้อสัตว์ จึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาสลัดเย็นในร้านตรอกเก่าเพิ่มขึ้นเพียงครั้งเดียว และเซี่ยชิงหยวนไม่เคยขึ้นราคาอีกเลย
ราคาที่เธอตั้งนั้นสูงอยู่แล้ว ถ้าขึ้นราคาอีกก็อาจจะพอ ๆ กับราคาอาหารจานหลักประเภทเนื้อสัตว์เลย
เซี่ยชิงหยวนวางแผนที่จะรอดูสักพักโดยหวังว่าจะมีฝนตกหนัก
เธอวางลูกคิดไว้ข้าง ๆ และผลลัพธ์ก็ออกมา
ก่อนอื่นเลย ในร้านตรอกเก่าที่มีกำไรเฉลี่ยต่อวันห้าสิบหยวนนั้น น้อยกว่าตอนที่ธุรกิจยังดีเกือบหนึ่งในสาม
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเสื้อผ้าด้วย ซึ่งจำนวนเสื้อผ้าฤดูร้อนดั้งเดิมเหลือเพียงไม่กี่โหลและเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงก็ขายหมดไปแล้ว นับตั้งแต่ตอนที่เสิ่นอี้โจวออกจากโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ เธอมีรายได้รวมมากกว่าสามพันหยวน
หญิงสาวมองดูบัญชีที่อยู่ตรงหน้า เธอจมอยู่กับความคิด
ถ้าอาจารย์มาถึงช่วงนี้จะทำยังไง เธอยังมีเงินน้อยกว่าสองหมื่นหยวนอีก แต่กลับบอกให้เขาทำธุรกิจหยกงั้นเหรอ?
เขาจะต้องฟาดเธอด้วยไม้แน่ ๆ
ในช่วงนี้เธอยุ่งอยู่กับเรื่องครอบครัว ธุรกิจเสื้อผ้าได้รับความช่วยเหลือจากอาเซียงและอาจ้วงเป็นหลัก แต่สองพี่น้องเป็นพวกหน้าบางและพวกเขาไม่ได้เอาชุดชั้นในที่ซื้อมาจากเมืองกว่างโจวออกมาขายเมื่อครั้งที่แล้ว
ดูเหมือนว่าเธอยังคงต้องออกไปขายเองบ้าง
การสวมชุดชั้นในที่มีลักษณะเสริมทรวดทรง สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกได้อย่างน้อยครึ่งไซส์
เพียงแต่ถ้าเธอไม่มีการควบคุมและขายมันไปอย่างโจ่งแจ้ง แล้วบอกกลุ่มเด็กสาวหรือหญิงสาวถึงเรื่องพวกนี้ เธอจะไม่ถือเป็นอันธพาลหญิงเหรอ?
เซี่ยชิงหยวนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แล้วก็มีเสียงเรียกมาจากประตู “ขออภัยครับ คุณนายเซี่ยอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?”
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นตำรวจในเครื่องแบบ
เธอวางสมุดบันทึกลงก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดี ฉันเองค่ะ”
ตำรวจหนุ่มตื่นตาตื่นใจกับรอยยิ้มของเซี่ยชิงหยวนทันทีที่เห็น
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมงานหลายคนในสถานีตำรวจถึงอยากเปลี่ยนหน้าที่นี้กับเขาเมื่อตนได้รับการมอบหมายนี้
เขาไม่กล้าคิดมากเกินไปและตอบว่า “ขออภัยด้วยครับ คุณรู้จักจางอวี้เอ๋อไหมครับ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “รู้จักค่ะ”
ตำรวจหนุ่มกล่าวว่า “จางอวี้เอ๋อเกี่ยวข้องกับคดีอุกฉกรรจ์ โปรดตามผมไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำทีนะครับ”
เซี่ยชิงหยวนบีบข้อมือของเธอแล้วตอบว่า “ได้ค่ะ”
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เจียงเพ่ยหลานกับคนอื่น ๆ ก็หยุดเธออย่างรวดเร็ว และมีสีหน้าตื่นตระหนก “ชิงหยวนเกิดอะไรขึ้น?”
เซี่ยชิงหยวนยังดูใจเย็นเหมือนเดิม “ไม่เป็นไร ฉันแค่จะไปช่วยในการสืบสวนน่ะ”
ตำรวจหนุ่มยังกล่าวอีกว่า “ใช่ครับ มันเป็นแค่ขั้นตอนปกติ เราเพียงแค่จะถามไม่กี่คำถามเท่านั้น…กระทั่งเลขาธิการเสิ่นและคนอื่นก็ต้องไปสถานีตำรวจเหมือนกันครับ
อันที่จริงเขาไม่ควรพูดประโยคนี้ แต่อีกฝ่ายเป็นภรรยาของเลขาธิการเสิ่น และเธอก็สวยมาก ดังนั้นเขาจึงพลั้งปากบอกเธอเพราะความตื่นเต้น
เจียงเพ่ยหลานพยักหน้าอย่างเข้าใจและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลนะ เราจะดูแลร้านเอง”
ระหว่างทางไปสถานีตำรวจ เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นสบาย ๆ และถามตำรวจชั้นผู้น้อยคนนั้นว่า “คนจำนวนมากน่าจะถูกเรียกตัวมาวันนี้ใช่ไหมคะ?”
เสิ่นอี้โจวออกนอกบ้านแต่เช้า และทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษ
เธอเพิ่งได้ยินเขาพูดอะไรบางอย่างเมื่อวานนี้เอง และการสอบสวนก็เริ่มต้นในวันนี้แล้ว เธอยังไม่มีเวลาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเฉพาะเจาะจงเลย
ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่สงสัยเลยว่าเธอกำลังโยนหินถามทางอยู่ และเขาก็พูดทุกอย่างภายในขอบเขตที่สามารถพูดได้ “ใช่ครับ เลขาธิการเสิ่นและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนถูกเชิญมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว นอกจากนี้ยังมีพนักงานหลายคนของศาลากลางที่มีการติดต่อใกล้ชิดกับจางอวี้เอ๋อถูกเรียกตัวมาด้วยครับ”
เขาลดเสียงลง “ผมได้ยินมาว่ามีเอกสารที่ออกเมื่อคืนนี้ไปที่บ้านของจางอวี้เอ๋อด้วย เพื่อส่งต่อให้คนในครอบครัวของเธอเมื่อเช้านี้ และน่าจะมาถึงในช่วงบ่ายครับ”
เซี่ยชิงหยวนริมฝีปากกระตุก แบบนี้มันก็มีแนวโน้มมากที่เธอจะได้พบกับตระกูลจางสินะ?
เธอรอคอยที่จะได้เจอคนพวกนั้นจริง ๆ
———————