กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 296 เธอหาเงินได้น้อยเกินไป
บทที่ 296 เธอหาเงินได้น้อยเกินไป
บทที่ 296 เธอหาเงินได้น้อยเกินไป
เซี่ยชิงหยวนพูดกับอาเซียง “เธอดูร้านไปก่อนนะ พี่เจอคนรู้จักน่ะ”
เธอรีบเดินไปหาปี่เหลาซานและปี่ฟู่หมานทันที
หญิงสาวเดินไปหาพวกเขาทั้งสอง มองดูใบหน้าที่แก่ชราอย่างเห็นได้ชัดของปี่เหลาซานแล้วเอ่ยว่า “อาจารย์”
ปี่เหลาซานยิ้มและพูดว่า “เมื่อกี้ฉันคิดอยู่ว่าเสียงฟังดูคุ้น ๆ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอ เธอขายเสื้อผ้าเหรอ?”
ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ “ช่วงนี้ฉันทำธุรกิจเสื้อผ้าเพื่อเก็บเงินน่ะค่ะ ฉันตั้งตารอให้อาจารย์มาหาทุกวันเลย แต่ไม่คาดคิดเลยว่าอาจารย์มาอยู่ที่นี่แล้ว”
เธอหันไปจ้องมองไปที่ปี่ฟู่หมาน และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมมือของนายถึงบาดเจ็บได้ล่ะ?”
ริมฝีปากของเธอพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ทำได้เพียงพูดออกมาว่า “ศิษย์น้อง”
ปี่ฟู่หมานสังเกตเห็นว่าเธอจ้องมองไปที่มือของเขา จึงรีบไพล่หลังแอบไว้
เขาสูดจมูกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “อืม”
เด็กผู้ชายในวัยนี้ยังคงขบถและเกเร แต่ในขณะเดียวกันความมั่นใจของเขาที่เคยกลัวสิ่งใดก่อนหน้ากลับหายไปแล้ว
เมื่อเห็นแบบนี้ ปี่เหลาซานก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “เด็กคนนี้นิ นายเรียกว่าศิษย์พี่ไม่ได้รึไง?”
ปี่ฟู่หมานเหลือบมองปี่เหลาซานแล้วพูดว่า “ผมเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่เรียกผู้หญิงคนไหนว่าศิษย์พี่!”
เขายังคงปฏิเสธที่จะเรียกเธอแบบนั้น
เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ยังไงซะตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกัน เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงลิ่วแค่ไหน
เธอมีหลายสิ่งในใจที่อยากจะบอกพวกเขา หญิงสาวจึงสั่งอาเซียงไว้ และพาพวกเขาไปนั่งที่บ้าน
…
ปี่เหลาซานกับปี่ฟู่หมานตามเซี่ยชิงหยวนไปจนถึงเขตที่อยู่อาศัยเจ้าหน้าที่ แม้ว่าในสายตาพวกเขาจะมีความประหลาดใจ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
เซี่ยชิงหยวนจำได้ว่าตอนที่เธออยู่กับปี่เหลาซาน แม้พวกเขาจะนอนบนกองฟางแต่พวกเขาก็ได้รับคำเชิญจากบุคคลสำคัญมากมาย เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งเหล่านั้น ครอบครัวของเธอในตอนนี้ไม่นับเป็นอะไรได้เลยจริง ๆ
เมื่อกลับถึงบ้าน เซี่ยชิงหยวนรินชาให้พวกเขาสองคน และเสิร์ฟของว่างที่เธอซื้อเก็บไว้
ปี่ฟู่หมานหยิบขนมไปสองสามชิ้นแล้วเอาไปนั่งกินห่าง ๆ เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาของพวกเขา
ปี่เหล่าซานพูดขึ้น “ครั้งนี้ฉันกับฟู่หมานวางแผนจะไปเก็บหยกที่ชายแดนพม่าน่ะ มีทางลัดข้ามภูเขาอยู่ แต่ก่อนออกเดินทางชาวบ้านบอกว่าที่นั่นมีเหตุการณ์ไม่สงบและขอให้เราอย่าเพิ่งผ่านไปช่วงนี้”
“แต่เราก็อดใจรอไม่ไหวจริง ๆ จึงลองเดินทางไปอีกทางหนึ่งและไม่คาดคิดเลยว่าพวกเราก็ถูกปล้น ฟู่หมานเสียนิ้วไปเพราะเหตุการณ์นี้ด้วย”
เมื่อปี่เหลาซานพูดถึงเหตุการณ์นี้ เขาก็รู้สึกสำนึกผิดไม่รู้จบ
โชคดีที่คราวนี้ผู้ร้ายมีเพียงสองคน ไม่อย่างนั้นชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แล้วก็ได้
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา “ฟู่หมานต้องทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้เขาเสียนิ้วไปเพราะฉัน ทักษะการแกะสลักหยกของเขาเกือบจะดีพอ ๆ กับของฉันด้วยซ้ำไป”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
ในฐานะช่างฝีมือ ความสำคัญของมือนั้นไม่อาจจินตนาการได้เลย
ปี่ฟู่หมานที่อยู่ข้าง ๆ กลืนขนมเข้าไปเต็มคำ และจิบชาอีกครั้ง “คุณสองคน อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ต่อให้นิ้วขาดไปสองนิ้ว แต่ผมก็ยังแกะสลักได้!”
น้ำเสียงที่ไม่เห็นด้วยทำให้เขาดูเหมือนกับเด็กเกเรในตอนนั้นไม่มีผิด
เซี่ยชิงหยวนและปี่เหลาซานเหลือบมองกัน แต่ไม่ได้พูดอะไร
ถ้านิ้วขาดไปสองนิ้วจะไม่เกิดผลกระทบได้ยังไง?
การที่ปี่ฟู่หมานพูดแบบนี้ มันเป็นการแสดงว่าเขาไม่อยากให้ทั้งสองคนไม่สบายใจ
เซี่ยชิงหยวนปลอบปี่เหลาซาน “ผู้คนพูดกันว่าถ้าคุณรอดชีวิตจากภัยพิบัติ คุณจะได้รับพรในอนาคต ต่อจากนี้อาจารย์กับฟู่หมานจะปลอดภัยและราบรื่นแน่นอนค่ะ”
ปี่ฟู่หมานแลกสองนิ้วเพื่อชีวิต ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคือการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า
ปี่เหลาซานก็ถอนหายใจ “ใช่ ฉันหวังว่าความยากลำบากทั้งหมดในชีวิตของเขาจะผ่านไป และวันต่อ ๆ ไปก็จะราบรื่นนะ”
เซี่ยชิงหยวนพูดอย่างจริงจัง “มันจะเป็นอย่างนั้นแน่นอนค่ะ”
เธอมองดูกระเป๋าเป้เรียบง่ายของพวกเขาทั้งสองแล้วพูดว่า “อาจารย์คะ ไม่นานหลังจากนี้ ฉันจะไปที่เมืองหลวงของมณฑลกับสามี ฉันวางแผนที่จะเปิดธุรกิจหยกเล็ก ๆ ที่นั่น และฉันก็อยากจะเชิญคุณมาช่วยดูแล ไม่ทราบว่าอาจารย์คิดเห็นยังไงบ้างคะ?”
จริง ๆ แล้วเธอต้องการมอบร้านให้กับปี่เหลาซานโดยตรง แต่จากความเข้าใจของเธอในตัวเขา ชายชราคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ปี่เหลาซานเป็นคนที่ชอบเดินทางไปทั่ว ไม่ปักหลักอยู่ในที่เล็ก ๆ แห่งเดียว
ปี่เหลาซานลูบเคราของเขาแล้วถามว่า “เปิดร้านในเมืองหลวงของมณฑลเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาฉันมีเงินเก็บประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันหกร้อยหยวน ดังนั้นฉันคิดว่าการเปิดร้านหยกเล็ก ๆ ไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ”
หลังจากพูดแบบนั้น เธอก็ก้มหน้าลง รอการสั่งสอนของปี่เหลาซาน
แน่นอนปี่เหลาซานรู้สึกถึงความเป็นไปไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นมาทันที “เธอคิดจะทำธุรกิจหยกด้วยเงินแค่หนึ่งหมื่นห้าพันหยวนน่ะนะ?”
การมองในดวงตาของเขาบอกชัดเจนว่าไม่ชอบเลย
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอับอาย “แค่เปิดเล็ก ๆ ก่อนก็ได้จริงไหมคะ…”
นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าเธอหวังดีกับเขาเหรอเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพเนจรไปทั่ว?
ยิ่งกว่านั้นเงินมากกว่าหมื่นหยวนในยุคนี้ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากใช่ไหม?
บางทีถ้าคนอื่นรู้ว่าเธอทำธุรกิจได้เงินเร็วขนาดนี้ เธออาจจะได้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์เสียด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินแบบนี้ ปี่เหลาซานก็ถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลองไปดูก่อนว่ามีร้านเล็ก ๆ ที่ทำเลดี ๆ ไหม แต่อย่าเพิ่งรีบเปิดนะ ให้ฉันไปซื้อหยกมาเก็บไว้สักหน่อยก่อน เมื่อโอกาสมาถึงเราค่อยพูดถึงการเปิดร้านกัน”
หลังจากปี่ฟู่หมานบาดเจ็บคราวนี้ ชายชราจึงมีความคิดที่ต่างออกไปเกี่ยวกับอนาคต
เมื่อก่อนเขาหมกมุ่นอยู่แต่กับหยกและแค่อยากจะออกสำรวจไปรอบ ๆ เพื่อหาหยกสวย ๆ ส่วนการหาเงินหรือการปักหลักอะไร เขาไม่เคยมีความคิดแบบนั้นมาก่อน
ปี่ฟู่หมานติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอน และมักเผชิญกับอันตราย เขาเองก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับศิษย์คนนี้แล้ว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการดีที่จะปักหลักในสถานที่ที่เหมาะสม
เมื่อนึกถึงการได้พบกับเซี่ยชิงหยวน และความจริงที่ว่าทั้งตัวเขากับลูกศิษย์รอดชีวิตได้เพราะคำเตือนของเธอ บวกกับตอนนี้พวกเขายังถูกล่อลวงด้วยการเปิดร้านให้ ทุกอย่างวิเศษมากจริง ๆ
บางทีพระเจ้าอาจจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้กับตัวเขาจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนยิ้มทันทีและพูดว่า “ขอบคุณค่ะอาจารย์!”
คำพูดที่ปี่เหลาซานบอกว่าเอาไว้ว่ากันในภายหลัง มันไม่ใช่การพูดบอกปัดเปล่า ๆ
ดูเหมือนว่าด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์ มันทำให้เธอใกล้จะครองโลกแห่งหยกได้แล้ว
เซี่ยชิงหยวนต้องการอยู่กับพวกเขาสองคนอีกสักสองสามวัน แต่ปี่เหลาซานปฏิเสธคำเชิญของเธอ
เขาพูดว่า “เหตุผลหลักที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อพบเธอนี่แหละ เพื่อดูว่าหลังจากที่เธอไปแสวงบุญแล้วเธอกลับมาอย่างปลอดภัยไหมเท่านั้นน่ะ”
เขาหยุดชั่วคราว “จริงสิ สามีของเธอหายดีแล้วหรือยัง?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกประทับใจ “เขาฟื้นได้เดือนกว่าแล้วค่ะ และเพิ่งจะหยุดกินยาได้เร็ว ๆ นี้เอง อีกสักพักเราจะไปโรงพยาบาลกันเพื่อตรวจอาการอีกครั้งค่ะ”
เธอลูบกำไลหยกที่ข้อมือ “ต้องขอบคุณกำไลที่อาจารย์มอบให้ฉัน มันปกป้องฉันมาระยะหนึ่งแล้วค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนและปี่เหลาซานเชื่อเพียงว่ากำไลหยกสามารถปกป้องผู้สวมใส่ได้ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่แสดงให้เห็นว่าเธอถูกกำหนดให้มีชะตาร่วมกับกำไลข้อมือหยกนี้ และมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน มันเป็นความโชคดีของชายคนนั้นที่มีภรรยาอย่างเธอ แต่ถ้าเขากล้าปฏิบัติต่อเธอไม่ดี ฉันจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน”
ในโลกนี้จะมีภรรยาสักกี่คนที่ยอมไปแสวงบุญเพื่อผู้ชายของเธอ?
เขามองดูท้องฟ้าแล้วพูดว่า “ฉันมีนัดกับเพื่อนเก่า พรุ่งนี้เช้าฉันต้องรีบไปแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่รบกวนเธอแล้วล่ะ”
เซี่ยชิงหยวนลังเลมาก แต่ก็ไม่สามารถบังคับให้เขาอยู่ต่อได้
ชาติก่อนเธอติดตามเขาตลอดทั้งวัน แต่โดยไม่คาดคิดว่าหลังจากแยกกันจะได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้งหนึ่งในชีวิตนี้
เมื่อเห็นเธอไม่เต็มใจ ปี่เหลาซานจึงพูดว่า “เธอจะเสียใจเรื่องอะไร? หลังจากเธอเช่าร้านในเมืองหลวงของมณฑลแล้ว ฉันจะพาศิษย์น้องของเธอไปหาเองน่า ถึงเวลานั้นก็อย่าเลียนแบบศิษย์น้องของเธอทำตัวขบถต่อฉันก็พอ”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วจดที่อยู่ในเมืองหลวงของมณฑลให้ไป “ที่อยู่อาศัยของฉันในเมืองหลวงของมณฑลยังไม่แน่นอนนัก เมื่อถึงเวลาอาจารย์สามารถไปตามที่อยู่นี้ก่อนได้เลยนะคะ แล้วจะมีคนพาอาจารย์ไปที่บ้านของฉันเอง”
ชายชราหยิบกระดาษ “เข้าใจแล้ว แต่ฉันอยากให้เธอมีเงินถึงสามหมื่นหยวนโดยเร็วที่สุดนะ”
เซี่ยชิงหยวนพูดไม่ออก “…”
อาจารย์คิดว่าเธอหาเงินได้น้อยจริง ๆ สินะ
———————