กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 302 นอนชั้นบนหรือนอนชั้นล่าง
บทที่ 302 นอนชั้นบนหรือนอนชั้นล่าง
บทที่ 302 นอนชั้นบนหรือนอนชั้นล่าง
เซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ นั่งรถไฟเกือบทั้งวัน จนในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวงของมณฑลอย่างมณฑลอวิ๋นในตอนเย็น
ระหว่างเสิ่นอี้หลินขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรก และพบว่ามันแปลกใหม่จนเขามองระหว่างทางที่นี่ที่นั่นไม่หยุด
จนเวลาบ่ายสองหรือบ่ายสามโมง ในที่สุดก็ทนไม่ไหวและเผลอหลับไป
แต่พอถึงสถานี เขาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมทั้งยังมีน้ำลายใสอยู่ที่มุมปาก และมีรอยแดงบนใบหน้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่ายังสะลึมสะลืออยู่
เสิ่นอี้โจวอุ้มเขาด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกมือถือกระเป๋าเดินทาง เขาเดินไปข้างหน้าพลางหันกลับไปหาเซี่ยชิงหยวนกับหลินตงซิ่ว “ระวังด้วยนะ”
รถจากหน่วยงานจอดรออยู่ด้านนอกสถานีแล้ว มันเป็นรถจี๊ปคันใหญ่ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นมาก
เซี่ยชิงหยวนคิดว่าเป็นคนขับรถของที่นี่ที่ถูกส่งมารับพวกเธอ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นฉู่ซิงอวี่แทน
เขามาถึงมณฑลอวิ๋นเร็วกว่าเสิ่นอี้โจวหนึ่งวัน และจัดการเรื่องทั้งหมดไว้แล้ว
ดวงตาของฉู่ซิงอวี่จ้องไปที่เซี่ยชิงหยวน และความประหลาดใจก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา
เขารีบปกปิดอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว พยักหน้าและยิ้มให้ทุกคน “เลขาธิการ คุณนาย คุณนายหญิง และเสี่ยวอี้หลิน ผมจะพาพวกคุณไปที่บ้านใหม่ของพวกคุณเองครับ”
รถขับอยู่บนถนนที่กว้างกว่าถนนในเมืองเตียนเฉิงถึงสองเลน
ถนนทั้งสายเรียบและสงบมาก หลังจากขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงเขตที่พักอาศัย
เสิ่นอี้หลินพิงหน้าต่างรถแล้วมองออกไป เขารู้สึกตกใจอีกครั้ง
เมื่อตอนที่เขาไปถึงเมืองเตียนเฉิงครั้งแรก เขารู้สึกว่าเปิดโลกมากแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าอย่างที่คุณครูของเขาเคยพูด ข้านอกนั้นมีผู้คนมากมาย ทำให้ย่อมมีภูเขาอยู่เหนือภูเขา
เมื่อรถขับเข้าไปในเขตที่พักอาศัย เสิ่นอี้หลินยิ่งไม่เต็มใจที่จะกะพริบตา
มันเป็นอาคารสไตล์จีนสองชั้นถูกปลูกเรียงเป็นแถว มีสนามหญ้า ล้อมรอบด้วยต้นไม้สีเขียวและแปลงดอกไม้ มันคล้ายหมู่บ้านตากอากาศเล็ก ๆ เหลือเกิน
ฉู่ซิงอวี่อธิบายว่า “นี่ก็เป็นบ้านพักของเจ้าหน้าที่เหมือนกันครับ มันแตกต่างจากเมืองเตียนเฉิง ไม่เพียงแต่ผู้นำของหน่วยงานต่าง ๆ ของมณฑลเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานต่าง ๆ ก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยครับ”
มันหมายความว่าเกือบทุกคนที่มีตำแหน่งสูงในมณฑลต่างก็อาศัยอยู่ที่นี่
หลินตงซิ่วฟังอย่างตั้งใจทั้งหมด และทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าทำไมเซี่ยชิงหยวนถึงต้องทำให้พวกเขาดูดีที่สุดก่อนจะมา
เมื่อเทียบกับความภาคภูมิใจในความเรียบง่ายช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ได้มีแนวคิดและหลักนิยมใหม่ ๆ เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 มาบ้างแล้ว หากคุณออกไปข้างนอกด้วยเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะ ทุกคนจะมองคุณไม่ดีเท่าไหร่นัก
ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดลง และไม่มีใครเดินออกมาข้างนอก น่าจะเป็นเพราะว่าทุกครอบครัวเริ่มกินข้าวกันแล้ว แต่ละบ้านที่เปิดไฟจะมีกลิ่นอาหารฟุ้งกระจายไปทั่ว
เสิ่นอี้หลินจับท้องของเขาที่ร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ผู้คนหัวเราะ
รถจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังเล็ก ๆ และไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาหาที่รถ ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยสี่สิบเศษ ๆ
เธอยิ้มเมื่อเห็นผู้คน ใบหน้ากลมของเธอดูอ่อนโยนและใจดี ผมรวบไว้อย่างเรียบร้อย
เธอพยักหน้าให้หลายคนแล้วพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ฉันเป็นแม่บ้านที่คุณเสี่ยวฉู่จัดให้มาดูแลความเรียบร้อยในบ้านของพวกคุณค่ะ แซ่ของฉันคืออู๋ พวกคุณเรียกฉันว่าป้าอู๋ได้เลยนะคะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าของเขา “สวัสดีป้าอู๋”
เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มและพยักหน้าเช่นกัน
ในทางกลับกัน หลินตงซิ่วรู้สึกกังวลเมื่อเห็นคนแปลกหน้า
ทำไมป้าอู๋คนนี้ถึงดูเหมือนคนรับใช้ของครอบครัวที่ร่ำรวยในหนังเลยนะ?
ฉู่ซิงอวี่กล่าวเสริมว่า “ป้าอู๋ได้รับการจัดเตรียมโดยแผนกทรัพยากรบุคคลของสำนักงานมณฑลน่ะครับ โดยปกติแล้วเธอจะรับผิดชอบในการทำอาหารและทำงานบ้านง่าย ๆ แล้วเธอจะเลิกงานกลับบ้านของตัวเองเมื่อถึงเวลา”
เมื่อสองปีก่อน เรื่องแม่บ้านทำความสะอาดส่วนบุคคลนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้มี แต่ยังมีหน่วยงานจัดหางานที่ตั้งขึ้นโดยกรมแรงงาน คอยรับหน้าที่ดูแลการทำความสะอาด ซึ่งมักจะถูกห้ามเช่นกัน
แต่ด้วยคลื่นแห่งการปฏิรูปและการเปิดกว้าง ผู้คนจึงเริ่มยอมรับอาชีพนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังยากที่จะจ้างอย่างเปิดเผยอยู่ดี
ป้าอู๋โค้งคำนับแล้วเดินตามพวกเขาเข้าไปในบ้าน “คุณเสี่ยวฉู่บอกว่าพวกคุณน่าจะเหนื่อยจากการนั่งรถมาที่นี่ จึงขอให้ฉันจัดเตรียมอาหารเย็นให้ก่อนล่วงหน้า พวกคุณนั่งพักสักเล็กน้อยแล้วค่อยกินกันนะคะ” บราวนี่ออนไลน์
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกประหลาดใจกับบ้านหลังนี้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอก มันถูกออกแบบเป็นสไตล์จีนผสมตะวันตก เมื่อรวมกับอารมณ์ที่ทันสมัยและเรียบง่าย มันดูเป็นคฤหาสน์ที่ดูเรียบง่ายและหรูหรา ทว่าไม่สะดุดตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถดูถูกได้ง่าย ๆ
ถ้ามีคฤหาสน์แบบนี้ในเมืองเตียนเฉิง มันจะทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจทันทีที่พวกเขาเห็น ซึ่งเซี่ยชิงหยวนอาจรู้สึกไม่เหมาะสมนิดหน่อย ท้ายที่สุดเธอก็ได้รับการเกิดใหม่ ดังนั้นเธอจึงต้องทำตัวไม่ดึงดูดสายตาคนใช่ไหม?
ทุกคนเดินไปที่โต๊ะอาหารและอาหารทั้งหมดก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อย มีกับข้าวสี่จานและซุปหนึ่งอย่าง มีเครื่องปรุงเตรียมแยกต่างหาก เช่น พริกไทยเสฉวนและพริกยูนนาน เห็นได้ชัดว่าเตรียมมาอย่างดี
ป้าอู๋กล่าวว่า “ทุกท่านค่อย ๆ กินกันนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”
ฉู่ซิงอวี่พูดขึ้นเช่นกัน “ผมก็ขอตัวกลับก่อนนะครับ หากมีสิ่งใดขาดเหลือสามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยครับ”
เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนไม่ได้บังคับให้พวกเขาอยู่ และเดินไปส่งพวกเขาที่ประตู
ป้าอู๋ประหลาดใจอีกครั้ง และพยายามปฏิเสธไม่ให้พวกเขาออกมาส่ง
เมื่อป้าอู๋เดินพ้นจากตัวบ้านก็พูดกับฉู่ซิงอวี่ว่า “คุณผู้ชายกับภรรยาของเขาไม่ถือตัวเลยจริง ๆ แค่เห็นเพียงแวบแรกก็รู้ได้เลยว่าพวกเขาเป็นคนดีมาก”
ฉู่ซิงอวี่นึกถึงคู่รักที่ออกมาส่งพวกเขาหน้าประตูบ้าน
ชายหนุ่มพยักหน้าและยิ้ม “ใช่ครับ พวกเขาเป็นคนดีมากจริง ๆ”
…
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนก็ยกจานไปล้างด้วยกัน ในขณะที่เสิ่นอี้หลินกับหลินตงซิ่วช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะ
สุดท้ายทุกคนก็เก็บกระเป๋าเตรียมเลือกห้องนอน
เสิ่นอี้หลินกล่าวว่า “ผมอยากอยู่ห้องชั้นบน ห้องที่อยู่ทางซ้ายมือของบันได”
มีห้องชั้นบนและชั้นล่างรวมกันหกห้องนอน ชั้นบนมีห้องนอนหลัก ห้องหนังสือ และห้องนอนรองสองห้อง ส่วนที่ชั้นล่างมีห้องนอนอีกสามห้อง
ห้องที่เสิ่นอี้หลินอยากได้คือห้องที่เปิดหน้าต่าง แล้วจะสามารถมองข้ามไปเห็นสวนหลังบ้านได้เลย นอกจากนี้ยังมีต้นไม้หนาแน่นเป็นแนวแยกออกจากบ้านทางด้านหลัง เขารู้สึกชอบมันมาก
หลินตงซิ่วคว้าตัวเขาทันที “เจ้าเด็กจอมซน ลูกจะขึ้นไปนอนชั้นบนได้ยังไง ลูกต้องนอนชั้นล่างกับแม่คนนี้สิ”
หลังจากนั้นเธอก็พูดกับเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวน “ให้อี้หลินนอนชั้นล่างเถอะ ตอนกลางคืนแม่จะได้ดูแลเขาได้”
เสิ่นอี้หลินปฏิเสธในทันที “ผมไม่อยากให้แม่คอยเอาผ้าห่มมาคลุมตัวผมแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่เตะผ้าห่ม นะครับแม่?”
หลินตงซิ่วบิดหูลูกชายแล้วพูดสั่ง “เชื่อฟังและนอนชั้นล่างกับแม่!”
ครั้งล่าสุดเสิ่นอี้หลินก็สร้างเรื่องร้องตะโกนให้จับหนู แต่เช้าวันรุ่งขึ้นเสิ่นอี้โจวดูสดชื่นมาก แต่เซี่ยชิงหยวนกลับเอาแต่ก้มหน้าลง แถมเธอยังเห็นรอยเล็ก ๆ บนกระดูกไหปลาร้าของลูกสะใภ้ด้วย
เมื่อนึกถึงการเคลื่อนไหวของเซี่ยชิงหยวนที่ถูเอวเป็นครั้งคราว แบบนั้นแล้วหลินตงซิ่วจะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ว่าเธอจะโง่แค่ไหนก็ตาม
เสิ่นอี้หลินยังคงไม่เข้าใจตอนนี้ แต่เมื่อเขาอายุมากขึ้นและอยู่ในช่วงวัยรุ่น ถ้าเขาบังเอิญได้ยินอะไรบางอย่าง มันจะไม่น่าอายหรือไง?
ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นเพราะพวกเธอที่ทำให้เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนทำอะไรไม่สะดวกในเวลากลางคืน แล้วเธอจะได้เห็นหลานตัวอ้วนในปีไหนล่ะ?
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “แม่คะ ให้อี้หลินนอนห้องไหนก็ได้ที่เขาชอบเถอะ แล้วเดี๋ยวตอนกลางคืนหนูจะลุกขึ้นมาดูเขาให้เองค่ะ”
เสิ่นอี้โจวยังพูดเสริมอีกว่า “ห้องชั้นบนว่างหลายห้อง ดังนั้นอี้หลินสามารถเลือกนอนที่ไหนก็ได้เลย…”
เขาได้เดินไปรอบ ๆ บ้านแล้ว และจำรายละเอียดของบ้านได้คร่าว ๆ
เมื่อพิจารณาจากขนาดพื้นที่เพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่แค่มีขนาดใหญ่มากกว่าบ้านที่เมืองเตียนเฉิงถึงสองเท่าเท่านั้น แต่การจัดวางและการจัดแสงยังดีมากอีกด้วย
นอกจากนี้ห้องนอนหลักยังมีห้องน้ำแยกพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อีกด้วย
ที่สำคัญคือฉนวนกันเสียงนั้นดีมาก
ดังนั้นไม่ว่าเสิ่นอี้หลินและหลินตงซิ่วจะนอนอยู่ห้องไหน มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอีกต่อไป
หลินตงซิ่วมีทัศนคติที่แน่วแน่ในเรื่องนี้ “ไม่ เขาจะต้องนอนกับแม่ข้างล่าง”
เธอดึงเสิ่นอี้หลินเข้ามา และกระซิบคำสองสามคำในหูของเขา
ทุกคนเห็นเสิ่นอี้หลินมองไปที่เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจว ดวงตาของเด็กชายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
จากนั้นเขาก็พยักหน้าและตกลงทันที “ผมจะนอนชั้นล่างกับแม่!”
เซี่ยชิงหยวน “…”
ใครจะบอกเธอได้บ้างว่าแม่สามีพูดอะไรกับน้องสามีของเธอ?