กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 305 ลูกพี่จากกว่างโจว
บทที่ 305 ลูกพี่จากกว่างโจว
บทที่ 305 ลูกพี่จากกว่างโจว
โรงแรมอวิ๋นล่ายเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลอวิ๋น ซึ่งหมายความว่าแขกที่มาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
อาคารสามชั้นนี้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ตกแต่งอย่างอลังการทั้งภายในและภายนอก
เมื่อเซี่ยชิงหยวนและฉู่ซิงอวี่มาถึง เสิ่นอี้โจวก็รออยู่ที่ประตูแล้ว
พร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายมณฑลหลายคนที่กำลังยืนอยู่เคียงข้างเขา
ตอนนี้เขาเป็นผู้ช่วยของหยวนหงหลี่อย่างชัดเจน แต่ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อหยวนหงหลี่เกษียณออกไปในปีหน้า เสิ่นอี้โจวก็จะเป็นผู้ที่เข้ามาแทนที่
เลขาธิการทั่วไปแห่งสำนักงานมณฑล อนาคตที่ไร้ขีดจำกัด!
วันนี้เซี่ยจื่ออี้สวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อนปกตั้ง พร้อมปักปิ่นปักผมครึ่งหนึ่งผูกไว้ด้านหลังศีรษะ ดูอ่อนโยนและสง่างาม
หญิงสาวช่วยพ่อของเธอเซี่ยเจิ้งลงจากรถ และก็เห็นเสิ่นอี้โจวยืนอยู่ที่ประตูทันที
เธอเดินไปกับเซี่ยเจิ้งพลางทักทายทุกคน และพูดคุยกับเสิ่นอี้โจวอย่างคุ้นเคย
ในบรรดาคนที่มาร่วมงานบางคนได้ยินข่าวลือว่าเซี่ยเจิ้งต้องการให้เซี่ยจื่ออี้แต่งงานกับเสิ่นอี้โจวหลังจากฝ่ายชายหย่าร้าง ดังนั้นวันนี้สายตาของบางคนจึงมองอย่างคาดหวังว่าจะได้เห็นละครฉากดี ๆ
แต่เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันโดยไม่มีข้อคับข้องใจ พวกเขาก็กลืนคำถามทั้งหมดไว้ในท้อง ยกย่องเสิ่นอี้โจวที่ยังเด็กและมีแนวโน้มดี ทั้งยังมีเซี่ยจื่ออี้ที่มีความสง่างามและสวยงาม
เซี่ยจื่ออี้ยิ้มและมองไปที่เสิ่นอี้โจว “เลขาธิการเสิ่น เราเข้าไปด้วยกันไหมคะ?”
เธอยังไม่เห็นเซี่ยชิงหยวนเลย เป็นไปได้ไหมที่เสิ่นอี้โจวรู้สึกว่าเซี่ยชิงหยวนและพวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่พามาด้วย?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ้มลึกขึ้น
เสิ่นอี้โจวมองไปทางด้านหลังของเธอ และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ผมกำลังรอภรรยาของผมอยู่น่ะ คุณกับเซี่ยเจิ้งเข้าไปก่อนเถอะ”
หลังจากพูดแล้วเขาก็ลากขายาวเดินผ่านเธอไปอย่างไม่รอคำตอบใด
เซี่ยจื่ออี้หันกลับไปมองยังทิศทางที่เสิ่นอี้โจวเดินออกไปทันที
คนอื่น ๆ ก็ติดตามการจ้องมองของเซี่ยจื่ออี้เช่นกัน พวกเขาเห็นรถจี๊ปคันใหญ่จอดอยู่ที่ทางเข้าโรงแรม และฉู่ซิงอวี่ก็ลงจากรถ
ฉู่ซิงอวี่เดินลงมาเปิดประตูหลังรถและก้าวหลบมารออยู่ข้าง ๆ
วินาทีแรกที่ปรากฏนั้นเป็นเท้าขาวเนียนที่สวมรองเท้าส้นสูงสีขาวมุกโผล่ออกมาจากรถ และตามการเคลื่อนไหวของเจ้าของเรียวขานั่น กระโปรงก็ถูกยกขึ้นและขาเรียวขาวคู่หนึ่งก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
แต่ก่อนที่ใครจะมองเห็นได้ชัดเจน เสิ่นอี้โจวได้ปิดกั้นการมองเห็นของทุกคนแล้ว
เขายื่นมือออกไป และมือที่ขาวเนียนละเอียดก็จับมือของเขา
วินาทีต่อมา สาวงามในชุดกี่เพ้าสีชมพูก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ช่างงดงามเหลือเกินเหมือนออกมาจากภาพวาด!
หลังจากประหลาดใจไม่นาน สีหน้าของเซี่ยเจิ้งก็ดูน่าเกลียด
เสิ่นอี้โจวหย่าร้างและแต่งงานกับคนอื่นในช่วงเวลาสั้น ๆ แบบนี้เลยเหรอ?
ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมก่อนหน้านี้ถึงเอาแต่พูดไร้สาระว่า ‘ชีวิตนี้ผมรักแค่ภรรยาเท่านั้น’ ทุกครั้งเวลาที่เขาบอกเป็นนัยว่าอยากได้เสิ่นอี้โจวเป็นลูกเขยล่ะ?
เป็นไปได้ไหมว่าลูกสาวของเซี่ยเจิ้งคนนี้ไม่ดีเท่าหญิงสาวที่มาจากไหนไม่รู้ตรงหน้า?
ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่ซิงอวี่ไม่ได้เปิดเผยข่าวนี้แม้แต่น้อย
เขาถามเซี่ยจื่ออี้ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เลขาธิการเสิ่นแต่งงานใหม่เมื่อไหร่กัน?”
รอยยิ้มของเซี่ยจื่ออี้แข็งค้างบนใบหน้าของเธอทันที
เธอกัดฟันกรอดแน่น พร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “พ่อคะ เธอเป็นภรรยาของเลขาเสิ่น เซี่ยชิงหยวนค่ะ”
คราวนี้ถึงตาของเซี่ยเจิ้งที่ต้องตกตะลึงบ้างแล้ว
เซี่ยจื่ออี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายต่อไป “ครั้งสุดท้ายที่พ่อเห็นเธอแบบนั้นในโรงพยาบาล นั่นเป็นเพราะผิวเธอโดนแดดเผา”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยเจิ้งก็รู้สึกอับอายกับความเข้าใจผิดของเขาในตอนแรกอย่างมาก
ในเวลานี้เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนได้เดินเข้ามาหาเขาแล้ว และแนะนำเซี่ยชิงหยวนให้กับทุกคน “นี่คือภรรยาของผมเองครับ เซี่ยชิงหยวน”
เซี่ยชิงหยวนทักทายทุกคนด้วยท่าทางที่สง่างาม
เซี่ยเจิ้งรีบปกปิดความอับอายของเขาและหัวเราะ “ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคุณนายเสิ่นจะสวยขนาดนี้!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มโดยปริยาย และหางตาของเธอก็มองไปที่เซี่ยจื่ออี้
พอเซี่ยจื่ออี้เห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้เซี่ยชิงหยวนเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนเยาะเย้ยในใจ ผู้หญิงคนนี้สงบจริง ๆ สมแล้วที่ตระกูลฉีอยากได้เป็นลูกสะใภ้
ทันใดนั้นมีคนตะโกนว่า “เข้างานกันเถอะ!” แล้วทุกคนก็เดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมกัน
ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เสิ่นอี้โจวก็โอบเอวของเซี่ยชิงหยวนแล้วเดินตามหลังเซี่ยเจิ้งกับเซี่ยจื่ออี้ไปสองก้าว
เมื่อทุกคนเห็นการมาถึงของเซี่ยเจิ้งและลูกสาวของเขา คนอื่น ๆ ก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อทักทาย
หลังจากที่ทักทายและชมเชยเซี่ยจื่ออี้ วินาทีต่อมาผู้คนก็สังเกตเห็นเซี่ยชิงหยวนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
เธอยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เหมือนกำลังอดทนรอให้คนข้างหน้าเดินต่อไป
เธอดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ
โดยเฉพาะชุดสีชมพูของเธอที่โดดเด่นมากในหมู่สาว ๆ
เซี่ยจื่ออี้รู้สึกว่าสายตาของทุกคนเปลี่ยนตำแหน่งจากมองเธอไปที่เซี่ยชิงหยวนอย่างรวดเร็ว จึงอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น
ฉินซูอวี้ก็เข้ามาในเวลานี้เช่นกันโดยจ้องมองที่เซี่ยชิงหยวน เธอดึงเซี่ยจื่ออี้ออกไปและพูดด้วยความโกรธ “วันนี้ผู้หญิงนั่นต้องจงใจทำแบบนี้แน่นอน! เราบอกไปชัดเจนแล้วว่าจะประกาศข่าวการหมั้นของเธอกับฉีจิ่นจือในวันนี้ แต่นังนั่นกลับแต่งตัวแบบนี้มา!”
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอคือคนที่ได้รับการยกย่องจากคนอื่น!
จากนั้นฉินซูอวี้ก็มองไปยังฉู่ซิงอวี่ที่พยักหน้าให้เธอ “แล้วพี่ซิงอวี่ก็อีก ทำไมเขาถึงยืนเคียงข้างผู้หญิงคนนั้น!”
เซี่ยจื่ออี้แต่งตัวเป็นสีชมพูอ่อนทั้งหมด ถ้าไม่เทียบกับเซี่ยชิงหยวน เธอจะดูดีมาก ๆ อย่างแน่นอน
แต่การยืนอยู่ข้าง ๆ เซี่ยชิงหยวนทำให้เธอดูธรรมดาไปโดยปริยาย
ใครชนะและใครแพ้เห็นชัดเจนในทันที
ยิ่งไปกว่านั้นความแปลกแยกของฉู่ซิงอวี่ที่เติบโตมาด้วยกันยิ่งเป็นเหมือนหนามแหลมในหัวใจของฉินซูอวี้
เซี่ยจื่ออี้ดึงฉินซูอวี้เข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้ว “ซูอวี้ช่วยพูดเบา ๆ หน่อย วันนี้เป็นงานใหญ่นะ หากมีคนได้ยินเธอพูดแบบนี้คุณลุงฉินจะลงโทษเธออีกแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นซิงอวี่เป็นเลขาของเสิ่นอี้โจว ดังนั้นการที่เขาติดตามพวกเขาย่อมเป็นเรื่องธรรมดา”
ฉินซูอวี้เม้มริมฝีปากด้วยความโกรธเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เซี่ยชิงหยวนวางมือตรงข้อพับแขนของเสิ่นอี้โจวและแอบบีบเขาเบา ๆ
เธอไม่เปิดปาก ทำเพียงเม้มปากแล้วพูดจากลำคอ “เสิ่นอี้โจว คุณเป็นเด็กหรือไง?”
สีหน้าของเสิ่นอี้โจวไม่เปลี่ยนแปลงแถมยังคงทักทายผู้คนตามปกติ “ผมเนี่ยนะเป็นเด็ก?”
เซี่ยชิงหยวนยังคงยิ้ม แต่เถียงกับเขาผ่านลำคอ “คุณจงใจให้ฉันยืนอยู่ข้างหลังเซี่ยจื่ออี้ คุณคิดว่าฉันมองไม่ออกเหรอ?”
เมื่อสาว ๆ ไปงานเลี้ยง ไม่ใช่ว่าพวกเธอแค่ต้องการไปเปรียบเทียบเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ตัวเองใส่กับคนอื่นหรอกเหรอ?
การที่เสิ่นอี้โจวจัดตำแหน่งให้เธอยืนตรงนี้มันช่างน่ารำคาญจริง ๆ
เสิ่นอี้โจวหันหน้าและกระซิบข้างหูของภรรยา “ก็ใครใช้ให้ภรรยาของผมสวยขนาดนี้ล่ะ? แน่นอนว่าผมก็ต้องอยากอวดให้คนอื่นเห็นสิ”
เมื่อตอนที่เขาโทรกลับบ้านช่วงบ่ายเพื่อจะบอกเซี่ยชิงหยวนว่าจะส่งฉู่ซิงอวี่ไปรับมางานเลี้ยงตอนเย็น
เสิ่นอี้หลินที่รับโทรศัพท์บอกว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังอาบน้ำอยู่ชั้นบน และน้องชายก็เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับการมาเยี่ยมบ้านของเซี่ยจื่ออี้และฉินซูอวี้ในตอนเช้า
แม้ว่าเซี่ยชิงหยวนจะไม่ถูกรังแก แต่เขาก็ตั้งใจที่จะสอนบทเรียนให้กับผู้หญิงสองคนนี้สักหน่อย
ทุกครั้งที่เสิ่นอี้โจวพูดด้วยเสียงเบา เสียงของเขาจะทุ้มลึกลงไปอีก ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกชัน
เซี่ยชิงหยวนต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงอาการใด ๆ ออกมา
ขณะที่กำลังจะพูด เธอก็ได้ยินเสียงฝูงชนโกลาหล
ฉู่ซิงอวี่กล่าวจากด้านข้าง “ผู้อำนวยการฉีและครอบครัวของเขามาถึงแล้วครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็หันไปมองเช่นกัน
เมื่อเช้านี้เธอฟังเรื่องซุบซิบของตระกูลฉีจนชักจะอยากรู้แล้วว่าใครคือลูกชายคนเล็กของตระกูลฉี
ที่ทางเข้าด้านข้างของห้องจัดเลี้ยงมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
คนที่เดินนำหน้าสุดเป็นชายวัยกลางคนร่างสูงที่มีพุงยื่นออกมา เขามีดวงตาที่สงบแต่ดูทรงพลัง แสดงกลิ่นอายของชายผู้มีอำนาจมาโดยตลอด
เขาหัวเราะเสียงดังขณะที่เดินเข้ามาในห้อง “ขอบคุณที่รอกันนะ!”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยพลังและกระจายไปทั่วห้องโถง ถัดจากเขาเป็นผู้หญิงอายุประมาณเดียวกับเขา สวมเสื้อผ้าเรียบ ๆ รวบผม และไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
ไม่กี่เมตรข้างหลังพวกเขา ชายหนุ่มร่างสูงกำลังเดินช้า ๆ สวมกางเกงขายาวสีอ่อนและเสื้อเชิ้ตสีขาว ด้วยท่าทางที่ไร้ความกังวลและเกียจคร้าน
เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ตกตะลึงทันที
นี่มันลูกพี่ใหญ่ที่กว่างโจวคนนั้นนี่นา!