กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 315 ทนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 315 ทนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป
บทที่ 315 ทนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป
บทที่ 315 ทนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นทั้งสองคน สีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีเท่าไหร่นัก
สวรรค์จะปล่อยให้เธอกินมื้อเย็นอย่างมีความสุขไม่ได้เหรอ? เธอพบกับคนร้ายคนนี้ในตอนกลางวันแล้วยังต้องมาเจอกันอีกในตอนเย็นเนี่ยนะ?
เสิ่นอี้โจวสังเกตเห็นอารมณ์ของเซี่ยชิงหยวน จึงตบลูบหลังมือของเธอเบา ๆ พร้อมปลอบใจ “ผมอยู่ที่นี่คุณไม่ต้องกลัวนะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เสิ่นอี้โจว “อื้ม”
“เลขาธิการเสิ่น”
“เลขาธิการเสิ่น”
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยก็มาถึงพอดี
เช่นเดียวกับพวกเขา สองคนที่มาใหม่ก็กำลังถือของขวัญบางอย่างอยู่ในมือ ทั้งสองคนทั้งสูงหล่อและดูสง่างาม
เสิ่นอี้โจวหันกลับไปและพยักหน้าให้พวกเขา
ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยก็ทักทายเซี่ยชิงหยวนด้วยเช่นกัน
ขณะนี้หยวนหงหลี่และคนอื่น ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้มาใหม่ จึงมองมา
เมื่อเห็นแขกมาเพิ่ม หยวนหงหลี่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ผมกำลังพูดถึงพวกคุณอยู่พอดีเลย ในที่สุดพวกคุณก็มาถึงแล้ว!”
จากนั้นเขาและภรรยาก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อทักทาย
คุณนายหยวนยืนอยู่ข้างหยวนหงหลี่ด้วยใบหน้ากลมมน และรอยยิ้มที่ดูใจดีมาก
เธอเหลือบมองเซี่ยชิงหยวน พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วพูดว่า “มันเป็นแค่มื้ออาหารธรรมดา ๆ เอง ไม่เห็นต้องสุภาพขนาดนี้เลยจ้ะ”
ในขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังจะตอบ เซี่ยจื่ออี้ก็ก้าวมาข้างหน้า รับของขวัญจากมือของเสิ่นอี้โจวไปแล้วยิ้ม “เลขาธิการเสิ่นมีน้ำใจจริง ๆ ค่ะ”
จากนั้นเธอก็หันไปหาฉู่ซิงอวี่กับหลิงเยี่ยแล้วยิ้มหวาน “ป้าเจวียนตั้งตารอการมาของพวกนายตั้งแต่บ่ายวันนี้เลยนะ แล้วอาหารคืนนี้ถูกปรุงเป็นพิเศษโดยป้าพานทั้งหมดเลย ดังนั้นพวกนายเตรียมตัวกินของอร่อยได้เต็มที่เลยนะ”
เซี่ยชิงหยวนเห็นอย่างชัดเจนว่าเซี่ยจื่ออี้จงใจละเลยเธอ และพยายามทำให้เธอไม่พอใจ
ในทางกลับกัน เซี่ยชิงหยวนกลับทำหน้าตารู้สึกโล่งใจและยิ้มสดใสกว่าเซี่ยจื่ออี้ราวกับว่าไม่รังเกียจเลย
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจวจางหายไปครู่หนึ่ง เขาจับมือของเซี่ยชิงหยวนแทนพลางพูดกับหยวนหงหลี่และคุณนายหยวน “ภรรยาของผมบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่บ้านของเลขาธิการหยวน ดังนั้นผมจึงต้องเตรียมตัวให้ดีน่ะครับ”
เขาเหลือบมองของขวัญที่เซี่ยจื่ออี้ถืออยู่ในมือแล้วพูดต่อ “ชิงหยวนขอให้เพื่อน ๆ ของเธอส่งของเหล่านี้กลับมาจากเมืองชายฝั่งโดยเฉพาะ มันเป็นปีกท้องหอยเป๋าฮื้อ*[1] ช่วยเรื่องรักษาสุขภาพในช่วงฤดูหนาว พวกมันเหมาะสำหรับคุณสองคนมากครับ”
หลังจากประโยคนี้ดังขึ้น เซี่ยชิงหยวนที่เพิ่งถูกเซี่ยจื่ออี้จงใจเพิกเฉยก็กลายเป็นโดดเด่นและถูกชมเชยขึ้นมาทันที
ฉู่ซิงอวี่ยิ้มและพูดว่า “เมื่อเทียบกับของที่ผมเอามา เฮ้อ ผมรู้สึกละอายใจจริง ๆ ครับ พูดตามตรง ทางบ้านของผมเตรียมไว้ให้เองด้วย”
หลังจากพูดสิ่งนี้ เขาก็อดหัวเราะตัวเองไม่ได้
ส่วนหลิงเยี่ยเองก็มีรอยยิ้มที่หาได้ยากบนใบหน้า “แน่นอนว่าเราไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับความเอาใจใส่ของภรรยาของเลขาธิการเสิ่นเลยจริง ๆ ครับ”
แน่นอนว่าหยวนหงหลี่และคุณนายหยวนยกย่องเซี่ยชิงหยวน โดยบอกว่าเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวมีความสามารถ ทั้งคู่หล่อสวยเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
เซี่ยจื่ออี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกว่าของขวัญในมือของเธอมีน้ำหนักมากขึ้นราวกับพันจิน
ฉีจิ่นจือมองไปที่ภาพตรงหน้าเขาแล้วยิ้มเบา ๆ แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะพูดอะไรเพื่อช่วยเซี่ยจื่ออี้แม้แต่น้อย
หยวนหงหลี่ไม่ได้ละเลยฉีจิ่นจือ และแนะนำให้ทุกคนรู้จัก “นี่คือนายน้อยของผู้อำนวยการฉี พวกคุณน่าจะเคยพบเขาในงานเลี้ยงอาหารค่ำมาก่อนแล้วล่ะ”
เสิ่นอี้โจวและฉีจิ่นจือยื่นมือออกมาพร้อมกัน
“เสิ่นอี้โจว”
“ฉีจิ่นจือ”
ทั้งสองจับมือกัน ทุกอย่างดูสงบมาก
แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามือที่จับกันของทั้งสองมีเส้นเลือดปูดโปนที่หลังมือโดดเด่นออกมา ราวกับว่าพวกเขากำลังวัดพละกำลังกันอย่างลับ ๆ
แต่ก่อนที่ใครจะมองเห็นได้ชัดเจน ทั้งสองก็ปล่อยมือไปแล้ว
ฉีจิ่นจือมองใบหน้าหล่อเหลาของเสิ่นอี้โจวแล้วค่อย ๆ ไล่ลงไปถึงหน้าท้องส่วนล่างอย่างเอื่อยเฉื่อย จากนั้นก็หยุดเล็กน้อยแล้วยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เสิ่นอี้โจวรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของอีกฝ่ายทันที
แต่เขายังคงยืนสงบนิ่งไม่แสดงอาการใด ๆ
คนมากมายเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก หยวนหงหลี่และคุณนายหยวนนั่งด้วยกัน เซี่ยจื่ออี้จับแขนของคุณนายหยวนแล้วนั่งที่ด้านข้าง เธอต้องการเรียกหาฉีจิ่นจือให้มานั่งด้วยกัน แต่ฉีจิ่นจือกลับไปนั่งอยู่บนโซฟา ซึ่งห่างออกไปเล็กน้อยแล้ว
เซี่ยจื่ออี้ไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
หลังจากที่เธอได้ยินเซี่ยเจิ้งพูดในตอนเช้า เธอก็รู้ว่าหยวนหงหลี่เชิญเสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ ไปกินมื้อเย็นที่บ้านของเขา
เมื่อเธอไปที่บ้านตระกูลฉีเพื่อเชิญฉีจิ่นจือ เขาเพียงตอบเบา ๆ ว่า “ไม่สนใจ”
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและขึ้นไปชั้นบน เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไพ่ตาย “ฉันได้ยินมาว่าเลขาธิการเสิ่นและภรรยาของเขาก็จะไปด้วย!”
ฝีเท้าของฉีจิ่นจือพลันหยุดชั่วคราวทันที
เซี่ยจื่ออี้กล่าวต่อ “ในอนาคต เลขาธิการเสิ่นคือเลขาธิการทั่วไปของมณฑลอวิ๋น คงจะดีถ้าได้ผูกมิตรกับเขาไว้นะ”
ฉีหยวนซานออกคำสั่ง “แค่ไปนั่งกับจื่ออี้ซะ”
ฉีจิ่นจือพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ก็ได้”
จริง ๆ แล้วในขณะนั้นเธอหวังว่าเขาจะปฏิเสธ ด้วยวิธีนี้เธอจะสามารถบอกกับตัวเองได้ว่า วันนั้นในห้องน้ำของโรงแรมอวิ๋นล่ายเป็นเพียงเธอเองที่เห็นภาพลวงตา
แต่ในทันทีที่เธอพูดว่าเซี่ยชิงหยวนจะไป รูม่านตาของฉีจิ่นจือหดตัวทันที แม้จะเป็นเพียงชั่วครู่หนึ่ง แต่เธอก็ยังจับสังเกตได้
แน่นอนว่าเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนนั่งข้างกัน ในขณะที่ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยก็นั่งคนละข้างประกบทั้งสอง
เซี่ยจื่ออี้มองไปทางพวกเขาและยิ้ม “สหายซิงอวี่และสหายเยี่ยยังทำตัวเหมือนอยู่ในเมืองเตียนเฉิงจริง ๆ เลยนะคะ ยังทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์เหมือนเคย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนก็หันมามองตากัน
ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยไม่สนใจการล้อเล่นของเซี่ยจื่ออี้
ฉู่ซิงอวี่ยิ้มและพูดว่า “ผมคุ้นเคยกับแบบนี้ไปแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าผมจะกลับมาที่มณฑลอวิ๋น เลขาธิการเสิ่นก็ยังคงเป็นหัวหน้าของของผมอยู่ดี”
เมื่อเทียบกับฉู่ซิงอวี่ หลิงเยี่ยมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาน้อยกว่า
เขายืดหลังและท่านั่งของเขาดูเคร่งขรึมมาก “ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว”
เสิ่นอี้โจวก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่”
เซี่ยจื่ออี้ “…”
หยวนหงหลี่ไม่เข้าใจสถานการณ์ระหว่างพวกเขานัก พลันถอนหายใจ “ในความรู้สึกของฉัน มันเหมือนเมื่อวานพวกนายทุกคนยังเป็นเด็กน้อย เอาแต่วิ่งเล่นไปรอบ ๆ สนามหญ้าอยู่เลย แต่พริบตาเดียวทุกคนก็โตขึ้นขนาดนี้แล้ว”
เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ “เฮ้อ ฉันนี่แก่แล้วจริง ๆ”
เซี่ยจื่ออี้พูดทันที “ลุงหยวนยังไม่แก่หรอกค่ะ”
หลังจากพูดคุยกันไม่นานนัก แม่บ้านที่ชื่อป้าพานก็เตรียมอาหารเสร็จแล้ว จึงพวกเขาก็ลุกขึ้นไปที่ห้องอาหารเพื่อร่วมมื้ออาหารด้วยกัน
ในระหว่างมื้ออาหาร ทุกอย่างเงียบสงบ ยกเว้นว่าเซี่ยจื่ออี้จะเป็นคนพูดนำหัวข้อให้เสิ่นอี้โจวเป็นครั้งคราวว่าเธอคิดถึงวัยเด็กของตัวเอง
ใช่ สิ่งเดียวที่เธอสามารถพูดถึงได้คือวัยเด็กของเธอเองเท่านั้น
ต่อมาเมื่อพวกเขาโตขึ้นและหลิงเยี่ยเข้าร่วมกองทัพ พวกเขาก็ไปโรงเรียนแยกกันด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาร่วมกันน้อยลง
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้รับผลกระทบจากเซี่ยจื่ออี้เลย เมื่อถึงเวลากินข้าว เธอจะพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการรับประทานอาหารต่าง ๆ กับคุณนายหยวน บรรยากาศจึงค่อนข้างดี
เมื่อเห็นแบบนี้ เซี่ยจื่ออี้ก็เอ่ยถึงฉินซูอวี้ขึ้นมาโดยทำเป็นเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
“ซูอวี้ดึงดันไปที่เมืองเตียนเฉิงแม้ว่าลุงฉันจะคัดค้านก็ตาม เดิมทีฉันคิดว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับผลงานที่ยอดเยี่ยมซะอีก แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกลับมาเร็วกว่าที่คิด มันเป็นเพราะอะไรกันนะที่เป็นแบบนั้น”
ขณะเดียวกัน เธอก็มองไปที่เซี่ยชิงหยวน “ฉันคิดว่ามันน่าเสียดายมากจริง ๆ ชิงหยวน เธอว่าฉันพูดถูกรึเปล่า?”
ทันใดนั้นโต๊ะอาหารก็เงียบลงถนัดตา
พ่อของฉินซูอวี้อ้างกับคนอื่นว่าลูกสาวของตนนั้นแค่คิดถึงบ้านจึงอยากกลับไปอยู่ด้วย แต่ถ้าใครที่เป็นคนใกล้ชิดจะรู้เรื่องราวจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงต้องกลับบ้าน
แน่นอน มันมีไม่กี่คนที่รู้ว่าฉินซูอวี้แอบชอบเสิ่นอี้โจว
เซี่ยชิงหยวนที่จู่ ๆ ก็ถูกเรียกชื่อ เงยหน้าขึ้นและจ้องมองอีกฝ่าย
ก่อนตอบคำถาม เซี่ยชิงหยวนกลืนอาหารในปากช้า ๆ จากนั้นจิบน้ำต่อหน้าทุกคนแล้วพูดว่า “ฉันไม่สนิทกับฉินซูอวี้ และฉันก็ไม่รู้เรื่องอีกฝ่ายมากนัก เธอคิดว่าฉันควรพูดเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ เหรอ? ฉันขอถามความเห็นเธอหน่อยสิ?”
เซี่ยชิงหยวนอาจจะทนได้ตลอดทั้งคืน
แต่เซี่ยจื่ออี้กลับจงใจเพิกเฉยต่อเธอในตอนแรก จากนั้นจงใจสร้างความรู้สึกว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยในอดีต เมื่อเห็นว่าเธอยังทำเป็นไม่แยแส จึงใช้เหตุการณ์ของฉินซูอวี้โดยตรงเพื่อกำหนดเป้าหมายมาที่เธอ
เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว และไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป
นอกจากนี้ทำไมเธอถึงต้องทนมันด้วยล่ะ?
* ปีกท้องหอยเป๋าฮื้อ (鲍参翅肚) หมายถึง อาหารทะเลอันล้ำค่าสี่ชนิด ได้แก่ หอยเป๋าฮื้อ ปลิงทะเล หูฉลาม และท้องปลา
————————————