กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 317 ไม่สามารถพูดได้
บทที่ 317 ไม่สามารถพูดได้
บทที่ 317 ไม่สามารถพูดได้
ในคืนนี้ นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉีจิ่นจือมองตำแหน่งนี้ของเขา
หมายความว่าอะไรกันแน่?
หรือว่าฉีจิ่นจือคนนี้สงสัยว่าเขาซ่อนอาการป่วยหรือมีความลับอะไรที่ไม่สามารถพูดได้หรือไม่?
เสิ่นอี้โจวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่มุมปากของเขาโค้งขึ้น “แน่นอนสิครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้น กลุ่มคนก็แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม เสิ่นอี้โจวกับฉู่ซิงอวี่กลับไปที่สำนักงานมณฑล หลิงเยี่ยไปส่งเซี่ยชิงหยวนที่บ้าน และฉีจิ่นจือกับเซี่ยจื่ออี้เดินออกไปด้วยกัน
หยวนหงหลี่กับภรรยาของเขาส่งทุกคนออกไป พลางมองดูที่แผ่นหลังของพวกเขาแล้วถอนหายใจ “ในอีกไม่กี่ปีมันก็จะเป็นยุคสมัยของพวกเขาแล้วแหละ”
คุณนายหยวนยังกล่าวอีกว่า “ฉันคิดว่าเลขาธิการเสิ่นคนนี้มีความสามารถมากทีเดียวนะคะ”
หยวนหงหลี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เซี่ยเจิ้งใช้ความพยายามอย่างมากในการพาเสิ่นอี้โจวคนนี้มาที่นี่จริง ๆ นั่นแหละ”
เขาหยุดชั่วคราว “แน่นอนว่าแม้แต่มณฑลอวิ๋นแห่งนี้ก็คงไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะอยู่นาน ๆ เช่นกัน”
คุณนายหยวนมองดูสามีด้วยความงุนงง “เขามีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หยวนหงหลี่เคยสืบข้อมูลของเสิ่นอี้โจวโดยคำขอของเซี่ยเจิ้งมาแล้ว และพบว่าจริง ๆ แล้วตระกูลเสิ่นนั้นเคยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศมาก่อน
ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าเสิ่นสนับสนุนกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตตระกูลเสิ่นเท่านั้น แต่ยังได้รับความเคารพจากหลาย ๆ คนในเมืองหลวง และหลายคนก็สัญญาว่าจะใช้ตำแหน่งของตัวเองสนับสนุนตระกูลเสิ่น
ทว่าเวลาผ่านล่วงเลยไปจนแม่เฒ่าเสิ่นและผู้เฒ่าเสิ่นหมิงเซียวตายไปแล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่ปฏิบัติตามสัญญานี้
ยิ่งตัวตนของคุณมีเกียรติมากเท่าใด ผู้คนก็จะยิ่งสรรเสริญและจดจำตัวคุณได้มากขึ้นเท่านั้น
ต่อมาเสิ่นอี้โจวก็มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยด้วยความสามารถของตัวเอง และชื่อตระกูลเสิ่นก็ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง
แต่เมื่อเผชิญกับการเชื้อเชิญจำนวนนับไม่ถ้วน เสิ่นอี้โจวกลับเลือกที่จะกลับไปยังเมืองเตียนเฉิง
จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งเริ่มที่จะเดินตามเส้นทางเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ
แต่ถ้าหากเสิ่นอี้โจวมุ่งมั่นจริง ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของเขา มันก็เหลือแค่เวลาเท่านั้นที่เขาจะสามารถไปมีจุดยืนในเมืองหลวงได้
โดยปกติแล้วหยวนหงหลี่จะไม่คุยกับคุณนายหยวนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ที่เขารู้ผ่านความสัมพันธ์พิเศษเท่านั้น เขาจึงได้แต่พูดว่า “มันก็แค่…เฮ้อ…”
คุณนายหยวนยังกล่าวอีกว่า “ฉันคิดว่าไม่เพียงแต่เลขาธิการเสิ่นเท่านั้นนะที่น่าสนใจ แต่ภรรยาของเขาก็ดูเป็นคนที่พิเศษมากด้วย นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยที่ฉันเห็นจื่ออี้หงุดหงิดน่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หยวนหงหลี่ตบมือภรรยาเบา ๆ “อย่าไปยุ่งกับเรื่องของเด็ก ๆ จะดีกว่า จื่ออี้ เด็กคนนั้นมีชีวิตที่ราบรื่นมาตลอด ดังนั้นเธอจึงสมควรได้รับความทุกข์ทรมานบ้าง”
เขามองไปที่คุณนายหยวน “วิธีผูกสัมพันธ์กับคุณนายเสิ่นคนนั้น ต้องทำยังไงคุณเข้าใจอยู่แล้วใช่ไหม?”
ปีหน้าเขาจะเกษียณแล้วก็จริง แต่ลูก ๆ ของเขายังต้องมีเส้นทางให้ก้าวเดินต่อไป
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาและภรรยาที่จะกลับไปอยู่บ้านเกิดอย่างสันโดษ แต่ลูก ๆ ของพวกเขาที่คุ้นเคยกับความเจริญรุ่งเรืองจะพอใจกับความธรรมดาในชนบทได้ยังไง?
ดังนั้นแม้จะไม่ใช่เพื่อตัวคุณเอง แต่คุณยังต้องทำงานหนักทิ้งท้ายเพื่อลูก ๆ ของคุณด้วย
คุณนายหยวนยังพูดอย่างระมัดระวัง “อย่ากังวลไปเลยค่ะ ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง”
…
เสิ่นอี้โจวกลับบ้านในตอนเช้ามืด
เนื่องจากได้ยินเสียง เซี่ยชิงหยวนจึงตื่นขึ้นมา
เสิ่นอี้โจวอาบน้ำแล้ว และกำลังเช็ดผมที่หน้าต่าง
เขายังไม่ได้ใส่เสื้อ พลางมองออกไปนอกหน้าต่างที่ยังคงมืดอยู่อย่างเงียบ ๆ
แสงจันทร์อันเย็นเยียบส่องบนหน้าอกที่เปลือยเปล่า ทำให้ผิวของเขาดูขาวสว่างโดยมีเงาแสงสะท้อนอยู่ใต้เส้นกล้ามเนื้อ
เซี่ยชิงหยวนยกผ้าห่มขึ้น และเดินเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง
เสิ่นอี้โจวก้มลงและมองภรรยาที่กำลังโอบเอวตัวเอง สีหน้าอันเย็นชาของเขาก็กลายเป็นอ่อนโยนทันที “ผมปลุกคุณหรือเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “คืนนี้ฉันเข้านอนเร็ว เลยตื่นเร็วน่ะ”
เสิ่นอี้โจวเปลี่ยนให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาแทน และวางฝ่ามือขนาดใหญ่บริเวณหลังช่วงเอวคอดของเธอ “แม่นกฮูกน้อย เดี๋ยวเช้าคุณก็ต้องลุกแล้วนะ ทำไมคุณไม่ไปนอนต่อล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนกอดเขาอีกครั้ง รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของชายหนุ่มยังคงร้อนอยู่แม้ตอนนี้จะเป็นฤดูหนาวแล้วก็ตาม เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันนอนไม่หลับหรอกถ้าไม่มีคุณ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มกริ่ม คำพูดของเธอทำให้เขาหัวเราะจริง ๆ
มือที่วางไว้บนเอวของเธอนั้นแข็งแกร่ง วินาทีต่อมาหญิงสาวก็นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างแล้ว เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนรีบกอดคอของเสิ่นอี้โจวทันที
ดวงตาของเธอมีความขุ่นเคือง เธอจึงพูดอย่างโกรธ ๆ “ทำไมคุณถึงพยายามทำให้ฉันกลัวอยู่เรื่อยเลย”
โชคดีที่ขอบหน้าต่างกว้าง และยังมีดอกไม้เล็ก ๆ ที่เธอเลือกจากในสวนเมื่อตอนกลางวันอยู่ด้านข้างด้วย
ดอกไม้มีหยดน้ำค้างยามราตรี ดูละเอียดอ่อนและสวยงามภายใต้แสงจันทร์
เสิ่นอี้โจวหรี่ตาลงพลางมองดูดอกไม้ที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นมองไปที่เซี่ยชิงหยวน และพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณบอบบางยิ่งกว่าดอกไม้อีกนะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าทำไม
เธออยากจะถามเขา แต่เขาก็ปิดปากเธอด้วยการจูบแล้ว
หญิงสาวถูกบังคับให้เอียงตัวไปข้างหลัง มือของเธอโอบคอเขาไว้แน่น และเอวก็ถูกมือข้างหนึ่งของเขากอดรัดเช่นกัน ราวกับว่าเธอกำลังเต้นรำบนขอบหน้าผาที่อันตราย ชวนตื่นเต้นแบบแปลก ๆ
ตอนนี้ชายกระโปรงกว้างของเธอถูกเลิกขึ้นแล้ว และฝ่ามือใหญ่ที่ถือปากกาตลอดทั้งปีก็แตะที่ต้นขาเรียวยาวของเธอ พลันเกิดอาการขนลุกทุกที่ที่สัมผัส
เมื่อเซี่ยชิงหยวนรู้ได้ถึงความตั้งใจของเขา เธอก็จับมือของเขาไว้ทันที
ริมฝีปากของทั้งสองพลันแยกออกจากกัน
ด้านหลังของเธอมีสวนอยู่ โดยมีต้นไม้เรียงรายอยู่รอบ ๆ เพื่อบังทัศนียภาพ และอีกด้านหนึ่งของต้นไม้เป็นทะเลสาบ
อีกทั้งยังมีบ้านหลังอื่นมากมายอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสองถึงสามร้อยเมตร ทำให้เธอกลัวจะถูกใครเห็นเข้า
โดยไม่คาดคิดว่ามือของเสิ่นอี้โจวยังคงเคลื่อนเข้าไปด้านในกระโปรงต่อ และเขาก็เข้าใจความคิดของเธอ “เราไม่ได้เปิดไฟ คนอื่นมองไม่เห็นหรอก”
เซี่ยชิงหยวน “!”
ท้ายที่สุด เมื่อหญิงสาวขอร้องอยู่หลายครั้ง เสิ่นอี้โจวก็อุ้มเธอกลับไปที่เตียงอย่างว่าง่าย
ผ่านไปพักใหญ่ เธอเหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไร และนอนลงบนร่างกายของเขาอย่างอ่อนแอ
เสิ่นอี้โจวพิงหมอนสูงและเล่นกับเส้นผมยาวของภรรยาด้วยนิ้วเรียวของตน ก่อนจะถามว่า “คุณออกแบบร้านเสร็จแล้วรึยัง?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อืม น่าจะใช้เวลาเก็บกวาดร้านอีกสองวันน่ะ”
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “พรุ่งนี้เอาแบบร่างการออกแบบมาให้ผมสิ แล้วเดี๋ยวผมจะหาคนไปตกแต่งให้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มทันที “ขอบคุณค่ะ”
ด้วยความช่วยเหลือของเสิ่นอี้โจว เธอแค่ต้องดูแลความเรียบร้อยของงานเท่านั้น มันช่วยเธอได้มากจริง ๆ แล้วแบบนี้จะไม่มีความสุขได้ยังไง?
ทันใดนั้นเสิ่นอี้โจวก็นึกถึงดวงตาของฉีจิ่นจือในค่ำคืนที่ผ่านมา หลังจากคิดเรื่องนี้แล้วเขาก็ตัดสินใจถามเซี่ยชิงหยวน “ตอนคุณไปที่เมืองกว่างโจว คุณเคยได้ยินว่าฉีจิ่นจือมีความลับที่ไม่อาจพูดได้บ้างไหม?”
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้ามองเขา “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพูดได้เพียงว่า “คืนนี้เขามองมาที่ผมสองครั้ง…เขามองที่หว่างขาของผม…”
แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับการเห็นเรื่องแบบนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อพูดถึงมัน
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนเบิกกว้าง จากนั้นเธอก็ก้มลงมองไปที่หว่างขาของเสิ่นอี้โจว
บางทีดวงตาของเซี่ยชิงหยวนอาจร้อนแรงเกินไป เสิ่นอี้โจวไอเบา ๆ ก่อนจะจับหลังคอของเธอแล้วให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “คุณกำลังคิดอะไรอยู่ หืม?”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้สงสัยในตัวคุณเลย” เซี่ยชิงหยวนกังวลเช่นกัน “ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินคนพูดกันว่า เขาไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงเลยน่ะ”
พฤติกรรมของฉีจิ่นจือไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของพวกลูกพี่ใหญ่ในภาพยนตร์เลย
มีลูกพี่นักเลงคนไหนบ้างที่ไม่ถูกล้อมรอบด้วยผู้หญิง?
คืนนี้เธอกังวลมากเพราะกลัวว่าฉีจิ่นจือจะสร้างปัญหา แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขากลับมองผู้ชายของเธอแบบนี้เนี่ยนะ?