กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 319 แม่ลูกก็เหมือนกัน
บทที่ 319 แม่ลูกก็เหมือนกัน
บทที่ 319 แม่ลูกก็เหมือนกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอหมิ่นก็สะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะ
เขาพูดว่า “ถ้าต้องการก็เตรียมตัวตอนนี้ได้เลยครับ”
เขาปรับแว่นตา “ก่อนหน้านี้คุณยังกินยาอยู่ ผมจะเปลี่ยนยาที่มีผลข้างเคียงน้อยลงให้คุณหลังจากนี้ก็แล้วกัน เพื่อที่หลังจากนี้ในไม่กี่เดือนสารพิษที่ยังคงตกค้างในร่างกายของคุณจะได้สลายออกไปหมด”
เขาตบแขนของเสิ่นอี้โจว “ถ้าเลขาธิการเสิ่นทำงานหนักมากพอ คุณจะสามารถยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเชียวแหละ!”
ทั้งสองต่างดีใจกันมาก
หลังจากกล่าวลาคุณหมอหมิ่นแล้ว ทั้งสองก็ไปพบคุณหมอฮวงอีกครั้ง
หมอฮวงก็มีสีหน้ามีความสุขเช่นกัน “ในกรณีของคุณ บอกตามตรงว่าในตอนแรกฉันมองว่ามันเป็นเคสที่ยากจริง ๆ แต่เพราะฉันกลัวว่าคุณจะไม่มั่นใจ ฉันเลยไม่บอกคุณ แต่ตอนนี้เป็นฉันเองที่มองคุณผิดไปค่ะ!”
เธอวางรายงานการตรวจกลับคืนบนโต๊ะ “ถึงแม้จะยังอุดตันอยู่บ้าง แต่ฉันขอแนะนำให้พวกคุณลองทำมากขึ้นอีกนะคะ อันที่จริงมันเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น การเพิ่มจำนวนครั้งก็หมายถึงโอกาสที่มากขึ้นตามไปด้วยค่ะ”
สำหรับหมอแล้ว การพูดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าอาย แต่เซี่ยซิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ส่วนเสิ่นอี้โจวถึงกับกะพริบตามองเธอ
หมอฮวงสังเกตท่าทีของคนทั้งสอง เลยไม่ให้คำแนะนำอะไรอีก
ด้วยสายตาที่มองกันอย่างหวานเยิ้มนี้ หมออย่างเธอคงไม่ต้องกังวลกับแบบนั้นแล้ว
หมอฮวงกล่าวต่ออีกว่า “เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนสูตรยาให้คุณอีกครั้งนะคะ จะให้กินเป็นพวกสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นกลางในการบำรุงร่างกาย พอหน้าหนาวมาถึงมันจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ไม่ต้องห่วง ยาพวกนี้ไม่มีผลข้างเคียงค่ะ”
“และในอนาคต พอคุณรู้ตัวว่าท้องก็ให้หยุดกินยาแล้วกลับมาหาฉันอีกครั้งนะคะ”
เมื่อฟังคำพูดของหมอฮวง ทั้งสองก็รู้สึกว่าพวกเขาสามารถมีลูกได้ตลอดเวลา และเซี่ยชิงหยวนก็มีความมั่นใจมากขึ้น
เมื่อสองสามีภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาล พวกเขาก็ถือถุงยาที่เล็กกว่าเดิมมากและเดินเร็วขึ้น
เสิ่นอี้โจวไปส่งเซี่ยชิงหยวนกลับบ้าน แต่ป้าอู๋และหลินตงซิ่วก็ยังไม่กลับมาเลย
เสิ่นอี้โจวโอบกอดเอวของเธอ และจูบที่หน้าผากภรรยา “ไม่ต้องกังวล อนาคตเราจะมีทุกอย่างเหมือนคนอื่นแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพยักหน้า “อื้ม”
…
เซี่ยชิงหยวนเข้าไปในห้องและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ขณะที่ป้าอู๋และหลินตงซิ่วเปิดประตูบ้านเดินเข้ามาแล้ว
สีหน้าของหลินตงซิ่วดูน่าเกลียดไม่น้อย และแม้แต่ป้าอู๋ก็ยังยิ้มแบบฝืน ๆ
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาหาทั้งคู่ “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
หลินตงซิ่วยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก”
เธอเงยหน้าขึ้นครู่หนึ่งแล้วรีบก้มลง “แม่จะไปล้างมือนะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น หญิงชราก็เข้าไปในห้องน้ำทันที
ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้น เซี่ยชิงหยวนก็เห็นดวงตาสีแดงก่ำนั่น
ความกังวลเกิดขึ้นในใจของเซี่ยชิงหยวนทันที
เธอเดินไปที่เก้าอี้ในห้องนั่งเล่น พลันนั่งลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ป้าอู๋ เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเรียกชื่อเธอ ป้าอู๋ก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นหูหนวกและเป็นใบ้ได้อีกต่อไป เธอทำได้เพียงเดินมาเล่าเรื่องในตอนเช้าเท่านั้น เธอบอกเซี่ยชิงหยวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและหลินตงซิ่วตอนออกไปข้างนอก
“วันนี้ฉันกับคุณนายหญิงไปตลาดสด และได้พบกับภรรยาของผู้อำนวยการฉินเข้าน่ะค่ะ”
เธอกลัวว่าเซี่ยชิงหยวนจะไม่รู้ ดังนั้นจึงอธิบายว่า “ผู้อำนวยการฉินคือพ่อของคุณฉินซูอวี้ค่ะ”
พอฟังถึงจุดนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พอเข้าใจแล้วว่าเรื่องราวต่อไปคงไม่ใช่เรื่องที่น่าฟังเสียเท่าไหร่
ป้าอู๋พูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป
คุณนายฉินเงยหน้าขึ้นแล้วมองดูหลินตงซิ่วด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนคนที่เหนือกว่า “ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดมากเกินไปหรอกนะ แต่คุณควรซื้อตับ เต้าหู้ พวกไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และอาหารที่มีวิตามินเอสูง ๆ ให้ลูกสะใภ้ของคุณมากขึ้นสักหน่อยนะ”
หลินตงซิ่วไม่เข้าใจและสับสน คิดว่าอีกฝ่ายแนะนำเธออย่างมีน้ำใจจริง ๆ ดังนั้นจึงถามกลับไปว่า “การกินของพวกนั้นมีประโยชน์อะไรเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายฉินก็ยิ้มทันที “แน่นอนมันย่อมมีประโยชน์สิ โดยเฉพาะสำหรับลูกสะใภ้ของคุณมันยิ่งมีประโยชน์มาก ๆ เลย ตับและถั่วช่วยเสริมกรดโฟลิก ไขมันสามารถปรับสภาพของมดลูกและช่วยเรื่องการตกไข่ วิตามินเอช่วยพัฒนารูขุมขนและช่วยเรื่องมดลูกเช่นกัน…พูดง่าย ๆ ก็คือเอาของพวกนี้ให้ลูกสะใภ้ของคุณให้มากขึ้น เผื่อวันหนึ่งเธอจะได้ท้องบ้างไง!”
เมื่อหลินตงซิ่วได้ยินแบบนี้ เธอก็โมโหขึ้นทันที “คุณหยาบคายมากนะ!”
“นอกจากนี้ เรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องของครอบครัวฉัน คุณไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย!”
หลินตงซิ่วเกิดมาพร้อมกับนิสัยขี้ขลาด แต่หลังจากฝึกฝนหลายครั้งในเมืองเตียนเฉิงและติดต่อกับผู้คนมากมายเมื่อทำการค้าขาย เธอก็เริ่มพูดโต้แย้งได้บ้างแล้ว
แน่นอนว่าคุณนายฉินไม่คาดคิดว่าหลินตงซิ่วจะเถียงแบบนี้ เธอจึงสำลักและสีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที “ฉันอุตส่าห์เตือนคุณด้วยเจตนาดี ทำไมคุณกลับด่าฉันแบบนี้? สองปีแล้วที่ลูกสะใภ้ของคุณแต่งงานเข้าบ้านคุณ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่ท้อง ขนาดเลี้ยงไก่มันยังวางไข่หรือฆ่าเอาเนื้อได้ นี่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ถ้าคุณไม่ฟังก็ช่างเถอะ ทว่าก็ระวังไว้ด้วยนะ ว่าครอบครัวของคุณจะไม่มีลูกหลานสืบสกุล!”
คำพูดเช่นนี้นับได้ว่ารุนแรงที่สุด
แม้แต่ป้าอู๋ก็ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป
ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสถานะที่เหมาะสมที่จะพูดหรือไม่ ป้าอู๋ก็สนับสนุนหลินตงซิ่วที่กำลังหายใจไม่ออก และเอ่ยอย่างจริงจัง “คุณนายฉินคะ ผู้อำนวยการฉินและเลขาธิการเสิ่นเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และภรรยาของเขาก็ไม่เคยทำให้คุณขุ่นเคือง สิ่งที่คุณพูดมันไม่มากเกินเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายฉินก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เฮอะ! ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำให้ฉันขุ่นเคืองซะที่ไหน ลูกสาวของฉันเคยใช้ชีวิตอย่างดีในเมืองเตียนเฉิงมาก่อน ถ้ามันไม่ได้เป่าหูเสิ่นอี้โจว ก็เป็นลูกสาวของฉันแล้วที่ได้ลงเอยกับเขาไม่ใช่รึไง?”
คนอื่นไม่รู้ว่าฉินซูอวี้ชอบเสิ่นอี้โจว แต่เธอผู้เป็นแม่จะไม่รู้ได้ยังไง?
เธอเห็นเต็มสองตาในตอนที่ฉินซูอวี้กลับมาร้องไห้ และพูดเกี่ยวกับความลำเอียงของเสิ่นอี้โจว
คุณนายฉินเป็นคนไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินว่าฉินซูอวี้ได้รับความอยุติธรรมมาอย่างนั้น คนเป็นแม่จะยอมรับเฉย ๆ ได้ยังไงกัน
เธอบังเอิญไปพบกับเซี่ยจื่ออี้เมื่อเช้านี้ และได้ยินมาว่าเซี่ยชิงหยวนแอบไปหาหมอฮวง เธอทำงานอยู่ในโรงพยาบาลพอดี ดังนั้นจึงปะติดปะต่อเรื่องได้ทันที
หลินตงซิ่วโกรธมากจนตาแดงก่ำ
เธอจำคำพูดของเสิ่นอี้โจวที่บอกมาโดยตลอดว่าให้ตอบโต้ทุกคนที่มารังแก ดังนั้นเธอจึงชี้ไปที่คุณนายฉินและอ้าปากตวาด “ปากของเธอมันเต็มไปด้วยของเน่าเหม็น! ลูกสาวของเธอก็เลวร้ายไม่ต่างกัน! คิดว่าตัวเองดีมากหรือไงถึงมาตำหนิลูกสะใภ้ของฉัน ถ้ามีความสามารถมากนัก ทำไมไม่ตายไปอยู่บนสวรรค์ซะเลยล่ะ!”
ยิ่งเธอพูดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น พลันถ่มน้ำลายใส่พื้น “นังบ้า!”
หลินตงซิ่วเกือบจะถ่มน้ำลายโดนรองเท้าของคุณนายฉิน “เข้าใจแล้วว่าทำไมคนลูกถึงเป็นแบบนั้น ที่แท้ลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น มีแม่แบบนี้นี่เอง!”
หลินตงซิ่วไม่ใช่คนหยาบคาย แต่เมื่อก่อนเธอมักจะได้ยินคนอื่นด่ากันในหมู่บ้านซีสุ่ยแบบนี้ ดังนั้นเวลานี้เธอจึงจำคำเหล่านั้นมาใช้ด่าอีกฝ่ายบ้าง เธอไม่สนใจแล้วว่าการด่าคนแบบนี้มันจะดีหรือไม่
แม้จะไม่รู้ถึงความแค้นระหว่างเซี่ยชิงหยวนกับฉินซูอวี้ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอเลยในการสาปแช่งอีกฝ่าย
คุณนายฉินมองดูปากของหลินตงซิ่วที่เหมือนปืนกลพ่นคำสาปแช่งใส่เธอ แม้กระทั่งน้ำลายก็กระเซ็นใส่บนใบหน้าของเธอเป็นครั้งคราว
เธอถูกด่า แม้จะถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งไปชนแผงขายผักของพ่อค้าที่อยู่ข้างหลัง
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย ต่อมาได้ทำงานข้าราชการและแต่งงานกับฉินโย่วเหลียง เธอไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน แต่กลับถูกผู้หญิงบ้านนอกคนนี้ด่า!
คุณนายฉินอยากจะรีบลุกขึ้นและอ้าปากด่า แต่เนื่องจากสถานะของตัวเอง เธอทำได้เพียงชี้นิ้วพลางจ้องมองหลินตงซิ่วด้วยความโกรธแค้น “เธอ…เธอมันไร้เหตุผลจริง ๆ!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ลดแขนลงและจากไปด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นคุณนายฉินเดินจากไป ความโกรธที่เก็บกดไว้ของหลินตงซิ่วก็ระบายออกไปทันที
ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้เธอมีเหงื่อออกทั่วหลังไปหมด
ริมฝีปากของเธอซีดพลันคว้ามือของป้าอู๋อย่างรวดเร็ว “เสี่ยวอู๋ ฉันไม่ได้เพิ่งทำให้ชิงหยวนและอี้โจวต้องลำบากใช่ไหม?”
ป้าอู๋รีบให้ความมั่นใจกับเธอทันที “ไม่เลยค่ะ คุณนายหญิงกล้าหาญมากเลยต่างหาก”
หลินตงซิ่วเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเองและยิ้มอย่างอ่อนแรง “แบบนั้นก็ดีแล้ว”
หลินตงซิ่วไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น แต่เธอพูดน้อยกว่าตอนที่ออกจากบ้านอย่างเห็นได้ชัด
เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ และเช็ดเปลือกตาอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเซี่ยชิงหยวนฟังป้าอู๋พูดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า เธอก็เงียบลงเหลือเพียงสีหน้าเย็นชาเท่านั้น
————————————