กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 323 คำตอบที่ชัดเจนที่สุด
บทที่ 323 คำตอบที่ชัดเจนที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้มเครื่องในเนื้อวัวเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก
เสิ่นอี้หลินกินข้าวไปแล้วสามชามใหญ่ติดต่อกัน แต่ยังคงยื่นชามของเขาไปทางหลินตงซิ่วซึ่งนั่งอยู่ใกล้หม้อข้าว “แม่ ผมขอเพิ่มอีกชามสิ”
หลินตงซิ่วยืนกรานทันที “ไม่ได้ ขืนกินอีกลูกได้ท้องแตกแน่!”
ขณะที่พูดอย่างนั้น เธอก็เหลือบมองท้องที่บวมมากของเสิ่นอี้หลิน
เสิ่นอี้หลินหันไปหาเซี่ยชิงหยวนเพื่อขอความช่วยเหลือ และเม้มปากมันวาวของเขา “พี่สะใภ้…”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นแววตาที่คาดหวังของน้องสามี “ถ้านายกินต่อไป นายจะเดินไม่ได้เอานะ”
เธอลูบศีรษะของเขา “เดี๋ยวอีกสองสามวันนี้พี่สะใภ้จะทำอาหารให้นายอีกตกลงไหม ยังมีลูกชิ้นที่นายยังไม่ได้กินด้วยนะ”
เสิ่นอี้หลินกลืนน้ำลายและแสร้งทำเป็นเศร้ามาก “ก็ได้”
เขาหยิบชามขึ้นมา ทำความสะอาดก้นชามอย่างเงียบ ๆ มันเกลี้ยงจนแทบจะดูเหมือนว่าล้างไปแล้ว
ส่วนเสิ่นอี้โจวนั้นกินต้มเครื่องในอันที่เซี่ยชิงหยวนตักแยกไว้ต่างหากให้เขา ซึ่งไม่ใส่พริก
ในคืนนี้เขากินไปเยอะ ซึ่งหายากมาก
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างภาคภูมิใจและถามว่า “คิดว่าเราจะขายมันได้ไหมคะ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ได้แน่นอน”
เขาเสริม “คุณสามารถเพิ่มวัตถุดิบอื่น ๆ ลงไปได้อีกด้วยนะ”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “คุณเดาได้ยังไงว่าฉันอยากเติมอย่างอื่นเข้าไปอีก? ไม่ใช่แค่ลูกชิ้นหลากหลายชนิดที่ฉันจะเติมลงไปนะ แต่ยังมีฟองเต้าหู้ทอดด้วย ซึ่งพอใส่ลงไปแล้วก็อร่อยเหมือนกัน”
หลังจากฟองเต้าหู้ดูดซับน้ำซุปจนนุ่ม เวลากัดแต่ละคำน้ำซุปจะระเบิดออกในปากทุกครั้งที่กัด อร่อยเกินห้ามใจ
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าเห็นด้วย “สิ่งที่คุณทำอร่อยทั้งหมดแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนไม่ปฏิเสธและเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “แน่นอนเพราะฉันคือแม่ครัวเซี่ยไงล่ะ!”
หลังมื้ออาหาร ทั้งสองก็เดินออกไปที่สนามบ้านเพื่อย่อยอาหาร และเสิ่นอี้โจวก็เริ่มพูดถึงเรื่องระหว่างหลินตงซิ่วและเฉินหลี่
“ผมได้คุยกับแม่บ้างแล้วตอนที่ผมกลับมา ขอบคุณนะชิงหยวน”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเสิ่นอี้โจวพูดถึงเรื่องการที่เธอคอยสนับสนุนหลินตงซิ่ว
เธอยิ้มและพูดว่า “แม่ของคุณไม่ใช่แม่ของฉันเหรอ? ทำไมคุณถึงต้องพูดขอบคุณด้วยล่ะ?”
เธอจับแขนของเขา “แต่ก็นะ ท่าทีของแม่ในครั้งนี้ค่อนข้างเกินความคาดหมายของฉันจริง ๆ เธอกล้าหาญมาก”
เสิ่นอี้โจวก็ถอนหายใจ “ใช่”
อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ของเติ้งซูอี้ในเมืองเตียนเฉิงครั้งที่แล้ว ซึ่งเธอจดจำมันไว้ในใจ
“อืม” เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เมื่อเราเดินในเส้นทางนี้ แม่ก็ต้องปรับตัวด้วยเหมือนกัน”
เสิ่นอี้โจวตบมือของเธอที่จับแขนของเขา “ผมทำผิดต่อคุณจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนไม่เห็นด้วย “คุณจะเศร้าไปทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
เธอมองดูพระจันทร์อันสว่างไสวบนท้องฟ้าแล้วยิ้ม “บางทีสักวันหนึ่ง เราอาจฆ่านกสองตัวได้ด้วยหินก้อนเดียว และทำให้กรามของคนพวกนั้นต้องค้างเพราะความตกตะลึงไปเลยก็ได้”
มุมริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวก็โค้งขึ้นเช่นกัน พลางกอดภรรยาจากด้านหลัง “ใช่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
ลมหายใจร้อนรดไปที่คอของเซี่ยชิงหยวน เธอรีบหันมาแล้วพูดว่า “เลขาธิการเสิ่นนี่ข้างนอกนะคะ โปรดใส่ใจกับภาพลักษณ์ด้วย”
เสิ่นอี้โจวยิ้มและไม่พูดอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “เราไม่เห็นต้องใส่ใจเลย”
เซี่ยชิงหยวนเห็นว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ ดังนั้นเธอจึงเอนตัวซบในอ้อมแขนของชายหนุ่มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น หลังจากใช้ชีวิตมาสองชาติแล้ว ฉันรู้ว่าควรใส่ใจอะไร”
หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชาติที่แล้ว เกรงว่าป่านนี้เธอคงซุกอกและร้องไห้ในอ้อมแขนของเสิ่นอี้โจวไปแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอทำในตอนบ่าย เซี่ยชิงหยวนก็สะกิดแขนของเสิ่นอี้โจวแล้วพูดว่า “วันนี้ฉันทำเรื่องอีกอย่างหนึ่งด้วย”
เสิ่นอี้โจว “หือ?”
เซี่ยชิงหยวนเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับการเผชิญหน้าของเธอกับฉินซูอวี้และเซี่ยจื่ออี้
เสิ่นอี้โจวครุ่นคิด “คุณหมายถึง คุณสงสัยว่าเซี่ยจื่ออี้อยู่เบื้องหลังเรื่องวันนี้เหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันแค่สงสัยแต่ยังไม่มีหลักฐานจริง ๆ หรอก”
เธอหยุดชั่วคราว “แต่ลองคิดดูสิ เราอยู่ในมณฑลอวิ๋นมาหลายวันแล้ว ตามนิสัยของเฉินหลี่ ถ้าเธอรู้เรื่องของเราตั้งแต่แรก เธอจะอดทนจนถึงวันนี้ก่อนที่เธอจะระเบิดเหรอ? ฉันเชื่อว่าต้องมีคนไปพูดอะไรบางอย่างกับเธอเมื่อคืนวานหรือเมื่อเช้านี้แน่นอน”
ฉินซูอวี้ไม่น่าจะคิดถึงเรื่องลูกของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าฉินซูอวี้ไม่น่าจะใช่คนที่พูดกับเฉินหลี่
เหลือคนเดียวที่น่าจะพูดเรื่องนี้มากที่สุดคือ เซี่ยจื่ออี้
ถึงแม้คนที่เกี่ยวข้องจะยังมีฉู่ซิงอวี้และหลิงเยี่ย แต่พูดได้เหรอว่าชายสองคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่างพวกเขาจะทำเรื่องสกปรกเช่นนี้?
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็ขมวดคิ้ว “เซี่ยเจิ้งเป็นคนที่ซื่อตรงมาตลอดชีวิต ผมไม่คาดคิดเลยว่าลูกสาวของเขาจะเป็นแบบนี้”
เซี่ยซิงหยวนพยักหน้า “คนเรามีหลายด้านเสมอ ด้านที่คุณเห็นมันเป็นเพียงด้านที่อีกฝ่ายจงใจให้คุณเห็นว่าเขาเป็นแบบนั้น หากเซี่ยจื่ออี้ไม่ได้เจอฉัน บางทีเธออาจรักษาภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่อ่อนโยนและรอบรู้ไปตลอดชีวิตของเธอก็ได้”
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เสิ่นอี้โจว “ต่อให้จะเป็นเซี่ยเจิ้ง แม้ว่าในเรื่องหน้าที่การงานเขาจะเป็นคนที่ซื่อตรง แต่ถ้าหากเราได้ล่วงรู้บางสิ่งที่สำคัญมากเกี่ยวกับเซี่ยจื่ออี้จริง ๆ เขาอาจทำสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็ได้ ฉันคิดว่านี่คือธรรมชาติของมนุษย์นะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวนแล้ว เสิ่นอี้โจวก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อเซี่ยชิงหยวนคิดว่าเขาจะไม่พูดอะไร เขาก็กอดเธอแน่นอีกครั้ง “ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากคุณอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับใครก็ตาม ไม่ว่าถูกหรือผิด ผมจะยืนอยู่หน้าคุณ และจะปกป้องคุณเสมอ”
เซี่ยชิงหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ มีความประหลาดใจและอารมณ์อยู่ในนั้น
หญิงสาวมองเห็นความสำคัญของเซี่ยเจิ้งที่อยู่ในใจของเสิ่นอี้โจวอยู่บ้าง ดังนั้นเธอจึงใช้เหตุการณ์นี้บอกเขาล่วงหน้าว่า วันหนึ่งเธออาจจะอยู่ฝั่งตรงข้ามของเซี่ยเจิ้งก็ได้
เขาเข้าใจคำใบ้ของเธอ และให้คำตอบที่ชัดเจนที่สุดแก่เธอ
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ที่ไหน หรือเมื่อใด เขาคือผู้สนับสนุนที่เธอสามารถไว้ใจได้ที่สุดเสมอ