กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 328 การรับรู้สัญชาตญาณอันตราย
บทที่ 328 การรับรู้สัญชาตญาณอันตราย
หากทั้งหมดนี้เป็นความคิดของฉีจิ่นจือจริง ๆ เซี่ยชิงหยวนก็พอเดาได้ถึงความตั้งใจของเขาแล้ว
มันน่าจะเพื่อการทำลายตัวเองและฉีหยวนซาน
แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?
มีความแค้นอะไรระหว่างเขากับฉีหยวนซาน?
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าไม่สามารถคิดถึงเรื่องนี้ได้อีกต่อไป
ผู้คนมีการรับรู้ถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณ
หากคุณสามารถทนต่อความอยากรู้อยากเห็นและหยุดการสืบเสาะได้ อย่างน้อยคุณก็หลีกหนีไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันได้ไม่มากก็น้อย
คนที่โง่ที่สุดคือพวกคนที่คิดว่าตัวเองแน่และปฏิเสธที่จะเชื่อว่าความชั่วร้ายทำอะไรตัวเองไม่ได้ สุดท้ายชีวิตของคนแบบนี้มักจะตกอยู่ในอันตราย
แน่นอน เซี่ยชิงหยวนเลือกเป็นคนประเภทแรก
เธอส่ายหัวแล้วพูดกับหลินตงซิ่ว “แม่คะ หลังจากนี้แม่ต้องใส่ใจกับคำพูดของตัวเองให้มากกว่าเดิมนะ อี้โจวกำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งสูง เราต้องระมัดระวังอย่างมากในสิ่งที่เราพูดและทำ”
หญิงสาวเชิ่ดหน้าขึ้น แล้วชี้ไปยังทิศทางที่ฉีจิ่นจือจากไปและเอ่ยเสียงเบา “คนเมื่อกี้นี้ก็เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเขตที่พักเดียวกับเราเหมือนกัน หากมีคนที่มีเจตนาร้ายได้ยินคำพูดเหล่านี้ของแม่ มันจะไม่ดีต่อเราได้นะคะ”
หลินตงซิ่วปิดปากตัวเองทันที และจากนั้นก็พยักหน้าอย่างแรง
เมื่อเห็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ตบหลังมือของหลินตงซิ่วเบา ๆ “แต่แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะพูดถึงเรื่องบางอย่างที่บ้านเป็นครั้งคราวนะคะ”
หัวใจชราของหลินตงซิ่วได้รับการปลอบโยน แต่เธอไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระข้างนอกอีกต่อไปแล้ว
ในอดีตเมื่อเธออยู่ในหมู่บ้านซีสุ่ย ทุกคนจะพูดคุยกันในขณะที่ทำงานในไร่ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ ไม่มีเรื่องอะไรในหมู่บ้านที่จะสามารถซ่อนได้จากสายตาของผู้หญิงเหล่านั้น
แม้กระทั่งเรื่องแม่ไก่ฟักลูก ลูกหมาออกลูก สุนัขพันธุ์ไหน…ก็กลายเป็นประเด็นให้ใคร ๆ ก็พูดคุยกันได้
โดยปกติแล้วเธอจะเป็นคนที่รับฟังและแสดงความคิดเห็นเป็นครั้งคราว
เธอคุ้นเคยกับการพูดแบบนี้ และก่อนหน้านี้ไม่มีใครคอยเตือนให้หยุดการพูดคุยแบบเดิม
เวลานี้ลูกสะใภ้ของเธอบอกแล้วว่าถ้าจะคุยเรื่องแบบนี้ก็ต้องทำแต่ที่บ้าน และเธอก็ควรที่จะซุบซิบนินทาแค่ในบ้านเท่านั้น
…
เซี่ยชิงหยวนพาหลินตงซิ่วไปที่ส่วนขายผักอีกครั้ง
ตอนนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว ผักกาดขาวและหัวไชเท้ามีมากมาย
ครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่นี่ เธอเห็นชาวนาขนหัวไชเท้าและผักกาดขาวใส่รถเข็นมากมาย
ในตอนนั้นเธอคิดว่าคงจะดีไม่น้อยหากซื้อมาทำเป็นผักดอง
เมื่อชาติที่แล้ว ตอนที่เซี่ยชิงหยวนทำงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋า เธออาศัยอยู่ที่หอพัก และมีผู้หญิงคนหนึ่งในหอพักที่เป็นชาวเกาหลี
ผู้หญิงเกาหลีคนนั้นทำทุกอย่างเป็นกิมจิ เช่น ผักกาดขาว หัวไชเท้าเผ็ด หรือหัวหอม
ทุก ๆ ฤดูหนาว ผู้หญิงคนนั้นจะทำกิมจิใส่ไว้เต็มขวดโหล และเอาออกมากินเป็นเครื่องเคียงทุกครั้งที่กินข้าวต้มหรือเอาออกมาผัด
ผู้หญิงคนนั้นยังสอนเซี่ยชิงหยวนด้วยว่าต้องทำอย่างไร
เซี่ยชิงหยวนคิดว่าตอนนี้เป็นฤดูหนาวแล้ว และยากที่จะขายสลัดเย็น ดังนั้นการทำกิมจิจึงเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
หากคุณกินต้มเครื่องในมากเกินไปก็จะเลี่ยน ดังนั้นคุณสามารถซื้อกิมจิเป็นเครื่องเคียงเพื่อตัดเลี่ยนได้
เซี่ยชิงหยวนเดินไปถามราคา ซึ่งผักกาดขาวมีราคาเจ็ดเฟินต่อจิน และหัวไชเท้าราคาห้าเฟิน
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข เมื่อเธอมองดูกะหล่ำปลีและหัวไชเท้าที่สดใหม่เหล่านี้
ในเวลานี้ ชาวไร่ปลูกผักเองและไม่ค่อยใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง ผักจึงมีรสหวานมาก
ในที่สุดเธอก็เลือกหัวไชเท้าและกะหล่ำปลีที่ขายโดยคู่รักวัยกลางคน
สำหรับผักกาดขาวราคาที่ต่อรองคือห้าเฟินต่อจิน และสี่เฟินต่อจินสำหรับหัวไชเท้า
แต่ราคานี้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ ต้องซื้อขั้นต่ำสี่สิบจิน
เนื่องจากต้องดองล่วงหน้า เซี่ยชิงหยวนจึงซื้อหัวไชเท้าสี่สิบจินกับผักกาดขาวสี่สิบจิน และขอให้คู่สามีภรรยาช่วยเอาของไปส่งที่เขตที่พักอาศัย ซึ่งให้หลินตงซิ่วเดินไปส่งสองสามีภรรยาด้วยกัน
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็ไปที่ร้านเครื่องเทศ ซื้อส่วนผสมสำหรับต้มเครื่องในเนื้อวัวกับกิมจิ และในที่สุดก็ไปที่ถนนอาหาร
…
ตอนที่เซี่ยชิงหยวนไปถึงร้านของเธอที่ถนนอาหาร หญิงสาวยืนดูอยู่ห่าง ๆ และเห็นร้านกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง ผนังทาสีขาว งานแกะสลักสีแดงเข้มที่ประตูร้าน การตกแต่งแบบโบราณทำให้ร้านโดดเด่นจากร้านค้าโดยรอบมาก
เธอเดินเข้าไปและพบว่าทุกสิ่งที่ต้องรื้อถอนและสร้างใหม่ในร้านเมื่อวานนี้เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงงานตกแต่งภายนอกบางส่วน และวางตู้ที่ทำเสร็จแล้วไว้ในตำแหน่งที่สอดคล้องกันเท่านั้น
เมื่ออาจารย์ค่งเห็นเซี่ยชิงหยวนเข้ามา เขาก็ถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นยังไงบ้าง? ความคืบหน้าของเราเป็นไปตามที่หวังไว้ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ “อาจารย์ค่ง ขอบคุณมากเลยค่ะ”
อาจารย์ค่งปาดเหงื่อแล้วพูดว่า “ด้วยความยินดี ๆ เธอให้งานฉันทำ ฉันก็ต้องขอบคุณเธอเหมือนกัน”
แล้วเขาก็พูดว่า “งานทาสีผนังและตกแต่งน่าจะเสร็จทันเช้าวันนี้นะ และปล่อยให้สีแห้งสักวันหนึ่ง พรุ่งนี้ก็จะย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้าไปและวางป้าย ถ้าต้องการ เธอสามารถเปิดร้านได้ในวันมะรืนนี้เลยนะ”
เซี่ยชิงหยวนยังคงใช้ชื่อร้านว่า ‘ตรอกเก่า’ อยู่เหมือนเดิม
สิ่งนี้ก่อตั้งโดยเธอ และเธอทำงานหนักมากสำหรับมัน หญิงสาวไม่อาจเปลี่ยนชื่อเพียงเพราะเปลี่ยนสถานที่ตั้งได้
สิ่งนี้ได้รับการบอกต่อให้เจียงเพ่ยหลานเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “แน่นอนค่ะ ฉันจะเปิดในวันมะรืนเลย แต่ฉันเกรงว่าจะมีเรื่องอื่นมารบกวนอาจารย์ค่งวันมะรืนด้วยนะคะ”
อาจารย์ค่งเลิกคิ้ว “อะไรเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ฉันเพิ่งเช่าร้านใหม่ที่ถนนหลินไห่ ซึ่งฉันอยากจะพาอาจารย์ค่งไปดูว่าเราจะตกแต่งมันยังไงบ้างด้วยค่ะ”
อาจารย์ค่งได้บอกราคาสำหรับการตกแต่งร้านนี้ให้เธอแล้ว
ต้องบอกว่าต่ำกว่าที่เธอคาดไว้จริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือของอาจารย์ค่งและทีมของเขานั้นดีจริง ๆ จึงไม่จำเป็นต้องหาผู้รับเหมาคนใหม่อีกเลย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาจารย์ค่งก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างและหัวเราะ “คุณนายเสิ่นช่างมีความสามารถจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนตอบ “ฉันเคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้วน่ะค่ะ”
แต่ถึงอย่างนั้น แผนของเธอได้เปลี่ยนจากการขายเสื้อผ้าบนแผงลอยข้างถนนมาเป็นร้านค้าระดับสูงแล้ว
“ตกลงสิ” อาจารย์ค่งพยักหน้าตกลง “ขอบคุณคุณนายเสิ่นสำหรับความเคารพที่มีต่อฉันนะ เธอสามารถมาบอกฉันได้เลยเมื่อถึงเวลา”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอรบกวนอาจารย์ค่งอีกรอบนะคะ”
จากนั้นเธอก็เดินออกจากร้านไป และเมื่อมองย้อนกลับไปดูร้านอีกที หญิงสาวก็รู้สึกมีความสุข
เซี่ยชิงหยวนตระหนักรู้ได้ว่าเธอจะแสดงความสามารถของเธอในมณฑลอวิ๋นได้แน่นอน
…
ในโรงเตี๊ยมบนถนนขายอาหาร ฉีจิ่นจือและคนอื่น ๆ นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเนื้อสัตว์ เฉพาะด้านหน้าของฉีจิ่นจือเท่านั้นที่มีชามโจ๊กไข่ขาวพร้อมกับปาท่องโก๋ทอดฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และถั่วลิสงทอด
ฉีจิ่นจือขอให้เจ้าของร้านจงใจทำสิ่งนี้ให้เขา
เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่ดื่มหนักและกินเนื้อ เขาตักโจ๊กในชามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาตกลงไปที่จุดหนึ่ง และหยุดชั่วคราวทันที
เขาเห็นหญิงสาวร่างบางยืนอยู่หน้าประตูร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งร้านกำลังตกแต่งใหม่และห่างออกไปหลายสิบเมตร
เธอสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีเบจ สวมกางเกงขากว้างสีน้ำตาล และมีผมดัดลอนยาว บุคลิกของเธอทั้งมีเสน่ห์และอ่อนโยน
เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้น พระอาทิตย์ก็สาดแสงลงบนใบหน้าของเธอ ริมฝีปากบนใบหน้าค่อย ๆ กว้างออก ทำให้เกิดแสงสีทองอ่อน ๆ เปล่งประกายขึ้นมา
เหมือนดอกไม้ตูมบนกิ่งไม้ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างในยามเช้า งดงามและบริสุทธิ์
ทันใดนั้นคนข้าง ๆ ก็เอ่ยถามเขาว่า “พี่ฉี พี่ดูอะไรอยู่น่ะ?”