กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 331 ยั่วยุ
บทที่ 331 ยั่วยุ
เสิ่นอี้โจวมองภรรยาอย่างอยากรู้ “บอกผมมาได้เลย”
เซี่ยชิงหยวนพึมพำ “เมื่อร้านเสื้อผ้าของฉันเปิด คุณช่วยมายืนกับฉันได้ไหม?”
พอได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็วางชามกับตะเกียบลง คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย “นี่คุณจริงจังเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “แน่นอน”
เสิ่นอี้โจวตอบทันที “ได้ ผมสัญญา”
เขาหยุดชั่วคราว “แต่ว่าผมสงสัยอยู่หน่อย ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คุณไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าคุณคือคุณนายเสิ่นหรอกเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนยักไหล่ “นั่นคือในเมืองเตียนเฉิง แต่ที่นี่คือมณฑลอวิ๋น ถ้าฉันไม่มีคุณ ฉันจะทำธุรกิจอย่างราบรื่นได้ยังไง?”
ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ว่าการค้าที่เคยทำในเมืองเตียนเฉิงก่อนหน้านี้เป็นเพียงธุรกิจขนาดเล็กเท่านั้น
ดังคำที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า สิ่งที่เธอทำในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาไม่น่าพูดถึงเลยเมื่อเทียบกับโลกภายนอกที่มีคนจำนวนมาก
หากเธอต้องการตั้งหลักในมณฑลอวิ๋น เธอจะต้องมีเงินทุนเพียงพอ
ในเมื่อเธอไม่มีอำนาจของตัวเอง งั้นก็ต้องหาเงินให้เพียงพอเท่านั้น
เงินสามารถสร้างความแตกต่างได้ วันหนึ่งเธอจะมีสิทธิ์เลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังไปทุกที่
แทนที่จะต้องค่อย ๆ พัฒนาชื่อเสียงของตัวเอง มันจะดีกว่าไหมถ้าเธอใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเสิ่นอี้โจวเพื่อขยายชื่อเสียงของตน
ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นคนของเธอ ดังนั้นหากเธอไม่ใช้ความได้เปรียบนี้มันจะเสียของเปล่า ๆ
…
หลังอาหารเย็น เซี่ยชิงหยวนเตรียมสิ่งต่าง ๆ อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะกลับไปที่ห้องนอนเพื่อพักผ่อน
ทันทีที่หญิงสาวกลิ้งตัวลงบนเตียงที่เสิ่นอี้โจวนอนทับจนอบอุ่นแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็ถอนหายใจอย่างสบายใจ
เสิ่นอี้โจวกำลังเอนกายบนเตียงพลางอ่านหนังสือ เขาเหลือบมองเธอ จากนั้นก็ปิดหนังสือแล้ววางไว้ข้าง ๆ
เซี่ยชิงหยวน “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวยกแขนขึ้นเพื่อรองรับศีรษะของตัวเอง แล้วนอนตะแคงข้างพลางมองดูภรรยา
“ซุปคืนนี้ คุณไม่อยากอธิบายเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเขาเข้าใจผิด
เธอยื่นมือมาหยิกหน้าอกเบา ๆ “คุณนี่คิดไร้สาระได้ตลอดทั้งวันจริง ๆ”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งแล้วพูดว่า “ถ้าฉันคิดทำอย่างที่คุณคิดจริง ๆ งั้นทำไมฉันถึงต้องเสิร์ฟมันให้ทั้งครอบครัวด้วยล่ะ?”
ขณะที่พูด เซี่ยชิงหยวนก็มองลงไปยังเรือนร่างของเสิ่นอี้โจว แล้วพูดด้วยความหมั่นไส้ “นอกจากนี้ คุณยังต้องการมันอีกรึไง?”
หลังจากพูดจบเธอก็ใช้ผ้าห่มม้วนตัวเองเป็นลูกบอลห่อไว้แน่น แล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้เขา “วันนี้เข้านอนเร็ว ๆ เถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”
เสิ่นอี้โจวมองดูร่างกายของเขาที่ผ้าห่มถูกดึงออกไป “…”
เขาเอื้อมมือออกไปและสะกิดเซี่ยชิงหยวน “คุณภรรยาครับ ผมไม่มีผ้าห่มแล้ว”
น้ำเสียงของเขาเบาและค่อนข้างน่าสงสาร
เซี่ยชิงหยวนไม่หันกลับมามอง พลันลุกจากเตียงหยิบผ้าห่มจากด้านข้างแล้วโยนให้เขา “เอาผ้าห่มผืนนี้ไป”
สีหน้าของเสิ่นอี้โจวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “แต่ผมอยากนอนร่วมผ้าห่มเดียวกับคุณนะ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวทันที “คุณต้องนอนเองบ้างนะ คืนนี้ฉันอยากพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้พร้อมต่อสู้”
เสิ่นอี้โจวลูบหน้าผากของเขาอย่างกลุ้มใจ “คุณคิดว่างานเลี้ยงที่เราจะไปคือรังมังกรหรือถ้ำเสือรึไง?”
เซี่ยชิงหยวน “มันน่ากลัวยิ่งกว่ารังมังกรและถ้ำเสือซะอีก!”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอ “คุณไม่มั่นใจในตัวผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนยังคงส่ายศีรษะ “คุณไม่เข้าใจ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความภาคภูมิใจของผู้หญิงนะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็แกะแขนของเขาออก “นอนเร็วเถอะ พรุ่งนี้คุณต้องตื่นแต่เช้า คืนนี้ทำตัวดี ๆ ล่ะ”
เดิมทีเสิ่นอี้โจวแค่อยากแกล้งเซี่ยชิงหยวน
แต่เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้เขาก็หยุดก่อกวน
แล้วหยิบผ้าห่มที่เธอโยนให้มาห่มตัวเอง เขามองดูใบหน้าอันเงียบสงบของเซี่ยชิงหยวน จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสเธอแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ราตรีสวัสดิ์”
…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวก็ออกเดินทางพร้อมกับเสิ่นอี้หลิน
ส่วนเรื่องที่ป้าอู๋จะพาคนมาเมื่อวานก็เปลี่ยนเวลาเป็นตอนบ่ายแทน
สถานที่จัดงานเลี้ยงตั้งอยู่ในเขตชานเมือง ขับรถจากเขตที่พักอาศัยประมาณหนึ่งชั่วโมง
เสิ่นอี้โจวขับรถด้วยตัวเองโดยไม่ขอให้คนขับรถตามเขาไป
เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้หลินนั่งเบาะหลังคุยกันเป็นครั้งคราว
หลังจากมาที่มณฑลอวิ๋นแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นอี้หลินเดินทางออกจากบ้านไกลขนาดนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ด้วย
ในตอนแรกเขายังคงกังวล แต่เมื่อหลินตงซิ่วถามว่า “วันนี้ลูกอยู่บ้านกับแม่เอาไหม?”
ในขณะนั้นเขาก็ตัดสินใจได้ “แม่ ผมอยากไปกับพี่ชายและพี่สะใภ้ของผม”
ต่อให้แม่ของเขาไม่ได้ไปด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาแค่รีบไปอยู่ข้าง ๆ พี่ชายหรือพี่สะใภ้ก็ได้แล้ว
พี่ชายและพี่สะใภ้สามารถปกป้องเขาได้แน่นอน
และพี่สะใภ้ยังบอกด้วยว่านี่เป็นโอกาสได้เข้าสังคม ซึ่งในอนาคตเขาจะต้องได้สัมผัสมันอยู่แล้ว
ระหว่างทางไปที่นั่น เสิ่นอี้โจวบอกกับเซี่ยชิงหยวนเกี่ยวกับผู้คนที่จะมาในวันนี้ “ฉีหยวนซานชอบตกปลา และบางครั้งเขาจะเชิญบางคนไปตกปลาด้วยกัน ดังนั้นนอกเหนือจากตระกูลเซี่ยกับตระกูลฉินที่ผมบอกเมื่อวานนี้แล้ว ยังมีตระกูลฉู่และตระกูลหลิงที่ถูกเชิญไปด้วย”
“เพียงแต่ว่าตอนนี้หลิงเยี่ยไปปฏิบัติภารกิจ ดังนั้นเขาน่าจะส่งคนที่เด็กกว่าหรือไม่ก็ญาติคนอื่น ๆ ในครอบครัวมาแทน ส่วนคนที่มาจากตระกูลอื่น แค่ตามทักทายพวกเขาตามผมและเมินเฉยต่อคนอื่น ๆ ที่ผมไม่ได้แนะนำก็พอ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า พร้อมกับยกยิ้มมุมปากเบา ๆ “ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วเมื่อคืนนี้ จึงรู้สึกสดชื่นมาก
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็สะกิดเสิ่นอี้หลินที่อยู่ข้าง ๆ “เมื่อนายไปถึงที่นั่น แค่เล่นสนุกอย่างสบายใจก็พอรู้ไหม?”
เสิ่นอี้หลินดีใจทันที “ผมรู้แล้วพี่สะใภ้”
หลังจากขับรถออกไปพักหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มห่างจากใจกลางเมือง สภาพถนนกลายเป็นถนนลูกรังและมีโค้งหักศอกมากมายจนเซี่ยชิงหยวนเกือบจะอาเจียนอาหารเช้าออกมา
หลังจากไปถึงในที่สุด เซี่ยชิงหยวนก็พบว่าพวกเขาอยู่ริมทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้ากว้าง มีวัวหลายตัวกำลังกินหญ้า และมีหมู่บ้านอยู่ไกลออกไป
เมื่อมาถึงก็มีกลุ่มคนอยู่ตรงนั้นแล้ว มีทั้งผ้าใบและผ้าปูพื้นอยู่บนพื้นหญ้า ของหลายอย่างวางอยู่บนนั้น มีเสียงชายหญิงพูดคุยกัน และเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นสนุกกัน
เซี่ยชิงหยวนพาเสิ่นอี้หลินออกจากรถ ซึ่งเป็นภาพที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มคนที่อยู่ในงาน คนรุ่นหนุ่มสาวได้แก่ ฉีจิ่นจือ ฉู่ซิงอวี่ เซี่ยจื่ออี้ ฉินซูอวี้ และมีหญิงสาวแปลกหน้ายืนอยู่ข้างพวกเขาด้วย
มีคนรุ่นผู้เฒ่าประมาณห้าหรือหกคนยืนห่างออกไป และพูดคุยกันโดยก้มหัวลง
เซี่ยชิงหยวนมองไปรอบ ๆ และพบว่าเซี่ยเจิ้งไม่อยู่ที่นั่น หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
ฉีจิ่นจือเป็นคนแรกที่เห็นเซี่ยชิงหยวน
เขาเพียงแค่พยักหน้าให้และมองออกไป
ฉู่ซิงอวี่มองตามสายตาของฉีจิ่นจือ และเห็นเซี่ยชิงหยวนกับคนอื่น ๆ
เขาพูดว่า ‘ขอโทษ’ กับกลุ่มคนเพื่อขอตัว แล้วเดินไปหากลุ่มของเซี่ยชิงหยวน
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้าและยิ้มให้ “เลขาธิการเสิ่น คุณนายเสิ่น อี้หลินน้อย”
เสิ่นอี้หลินร้องตะโกนออกมาอย่างไพเราะเช่นกัน “พี่ชายฉู่!”
หลังจากทักทายกันไม่กี่คำ เสิ่นอี้โจวก็ขอให้ฉู่ซิงอวี่ดูแลเสิ่นอี้หลิน ส่วนตัวเขาพาเซี่ยชิงหยวนไปหาฉีหยวนซานเพื่อทักทาย
ยกเว้นเผ่ยอิ่งและเฉินหลี่เท่านั้น ทุกคนที่เหลือล้วนมีทัศนคติที่ดีต่อเซี่ยชิงหยวน
เผ่ยอิ่งกำลังรู้สึกเจ็บปวดเพราะการสูญเสียลูกชาย ดังนั้นเธอจึงไม่มีอารมณ์จะยิ้มแย้มให้ใครทั้งนั้น
แต่เฉินหลี่โกรธมาก
เธอเหลือบมองไปในทิศทางของเสิ่นอี้หลินและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งเห็นคุณนายเสิ่นนำเด็กชายคนหนึ่งลงจากรถมา ฉันก็คิดไปว่าเป็นคุณนายเสิ่นให้กำเนิดลูกชาย แต่พอย้อนคิดอีกที ฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง”
ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังหน้าท้องที่แบนราบเซี่ยชิงหยวน “ฉันลืมไป คุณนายเสิ่นและเลขาธิการเสิ่นแต่งงานกันมาเกือบสองปีแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่ได้ให้กำเนิดลูกเลยสินะคะเนี่ย”