กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 337 ฉันอยากจะฆ่าเธอ
บทที่ 337 ฉันอยากจะฆ่าเธอ
ระหว่างทางกลับทุกคนก็เงียบไม่พูดอะไร
หลิงหลินนั่งอยู่เบาะหน้าที่นั่งข้างคนขับและรถถูกขับโดยฉู่ซิงอวี่ เธอสังเกตเห็นบาดแผลบนมือของฉู่ซิงอวี่ด้วย แต่เมื่อเธอกำลังจะอ้าปาก ฉู่ซิงอวี่ก็หยุดเธอด้วยสายตาของเขา
เมื่อกี้เขาและเสิ่นอี้โจวดึงวัวด้วยกัน ดังนั้นมือของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
เพียงแต่ว่าบาดแผลที่มือของเขาดีกว่าของเสิ่นอี้โจวที่จับเชือกเป็นคนแรก
หลิงหลินพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและไม่พูดอะไร
เธอเหลือบมองเซี่ยชิงหยวนอย่างเงียบ ๆ จากกระจกมองหลังในรถ
เธอเห็นเซี่ยชิงหยวนกอดเสิ่นอี้หลินไว้ในอ้อมแขน และมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เธอสงสัยว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังคิดอะไรอยู่
เซี่ยชิงหยวนดูเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง ความเหนื่อยล้านี้มันเหมือนออกมาจากกระดูกเลยด้วยซ้ำ และในขณะเดียวกันก็มีความโศกเศร้า
เห็นแบบนี้หลิงหลินก็ไม่กล้าถามอะไรทั้งนั้น
ในที่สุดเมื่อไปถึงประตูบ้านเสิ่น เซี่ยชิงหยวนก็กล่าวคำอำลาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ฉันขอโทษที่รบกวนพวกคุณนะคะ”
เธอหันไปหาหลิงหลินอีกครั้ง “เอาไว้วันหลัง ฉันขอเชิญเธอมานั่งเล่นที่บ้านนะ”
หลิงหลินรู้สึกประทับใจ “ได้เลย…ตกลงค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าให้กับพวกเขาแล้วพาเสิ่นอี้หลินเข้าไปในบ้าน
หลิงหลินมองไปที่แผ่นหลังของเซี่ยชิงหยวน และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้นี่มันช่าง…”
เมื่อหันไปมองที่ฉู่ซิงอวี่ ชายหนุ่มก็มองไปในทิศทางที่เซี่ยชิงหยวนจากไปเช่นกัน เขาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถอนหายใจ “ไปกันเถอะ พี่จะพาเธอกลับบ้าน”
พูดจบเขาก็เดินไปที่รถแล้วเปิดประตู
หลิงหลินรีบเดินตามและเข้าไปในรถ “พี่ไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหน่อยเหรอ?”
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นทุกครั้งเวลาเซี่ยชิงหยวนอยู่ใกล้ ๆ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยเซี่ยชิงหยวน แต่เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังมุ่งเป้าไปที่เซี่ยชิงหยวน
ฉู่ซิงอวี่หยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “สิ่งที่เราคิดไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ที่ใครบางคนหวังไว้”
ยิ่งกว่านั้นไม่มีใครเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ต่อให้เดาออกไปว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี
ดังนั้นความเกลียดชังในดวงตาของเซี่ยชิงหยวนจึงชัดเจนและดับลงในเวลานั้น จนในที่สุดเธอก็ระงับมันได้
หลิงหลินเข้าใจการพลิกผันนี้เช่นกัน
เธอพยักหน้า “ยังไงซะ ฉันก็คิดว่าเซี่ยจื่ออี้ไม่ใช่คนที่พวกเราเห็นกันอยู่ทุกวันนะ”
ขณะที่พูด เธอก็สังเกตการแสดงออกของฉู่ซิงอวี่อย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีความสุข เธอก็พูดต่อ “แต่พวกผู้ชายอย่างพวกพี่ก็ชอบคนที่ดูอ่อนแอและเรียบร้อย ตั้งแต่ยังเด็กนี่นะ ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ พวกพี่จะช่วยกันปลอบเธอทันที”
ไม่ต้องพูดถึงผู้ชาย แม้แต่ผู้หญิงหลายคนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยจื่ออี้
หลิงหลินและหลิงเยี่ยเป็นคนของตระกูลหลิงเหมือนกัน ขณะที่หลิงเยี่ยไปฝึกทหาร เมื่อโตขึ้นเธอเองก็ถูกโยนเข้ากองทัพไปถึงสองสามปี
เธอมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ชอบผู้คนและสิ่งของที่ซับซ้อนหรือเสแสร้ง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเธอจึงไม่สามารถเข้ากันได้กับเซี่ยจื่ออี้
แต่ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้ง ผู้พิทักษ์ที่ไร้สมองสองสามคนก็จะรีบวิ่งออกมาปกป้องเซี่ยจื่ออี้เสมอ และฉินซูอวี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ดังนั้นหลิงหลินจึงกลายเป็นศัตรูกับฉินซูอวี้โดยปริยาย
ฉู่ซิงอวี่ไม่ได้ปกป้องเซี่ยจื่ออี้เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ แต่เขาจะเป็นคนกลางในการประนีประนอมความขัดแย้งของพวกเขาเหมือนพี่ชายคนโต
ไม่ว่าหลิงหลินจะเปิดเผยเซี่ยจื่ออี้ยังไง ฉู่ซิงอวี่มักจะยิ้มอย่างอบอุ่นเสมอ เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติต่อเธอราวกับเด็กที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว
ดังนั้นหลิงหลินจึงมักไม่พอใจฉู่ซิงอวี่
แต่คราวนี้เมื่อฟังคำพูดของหลิงหลิน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่ซิงอวี่ไม่ได้พูดเพื่อเซี่ยจื่ออี้
เขามองไปที่ทางข้างหน้าอย่างเดียวโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับเข้าบ้าน หลินตงซิ่วและป้าอู๋กำลังเตรียมอาหารกลางวันกันอยู่
เมื่อเห็นทั้งสองกลับมา หลินตงซิ่วก็ประหลาดใจมาก “ทำไมพวกลูกกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “พวกเขามีธุระบางอย่างที่ต้องทำน่ะค่ะ ดังนั้นพวกเราจึงกลับมาเร็ว”
หลินตงซิ่วไม่สงสัยเลยและพูดว่า “งั้นลูกก็ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม? เดี๋ยวรอกินข้าวพร้อมกันเลยนะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะแม่”
เมื่อเห็นแบบนี้ หลินตงซิ่วก็รีบเข้าไปในครัวอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนลูบหัวของเสิ่นอี้หลินที่กำลังก้มหัวลงมองเท้าตัวเอง “เอาล่ะ นายกลับไปที่ห้องแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า และมารอกินข้าวกันเถอะ”
เสิ่นอี้หลินเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขายังคงเป็นสีแดง และพูดว่า “พี่สะใภ้ ผมขอโทษ”
ถ้าเขาไม่ได้เล่นกับทุกคน หรือถ้าเขาไม่ได้ทำตัวเป็นฮีโร่เพื่อช่วยเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้น บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็นั่งยอง ๆ และรักษาระดับสายตาของเธอไว้ให้ตรงกับเสิ่นอี้หลิน พลางยิ้มให้เขา “เด็กโง่ ทำไมนายถึงพูดขอโทษล่ะ? คนที่ควรจะขอโทษคือคนที่จงใจทำร้ายคนอื่นต่างหาก ไม่ใช่คนแบบนายที่ช่วยชีวิตผู้คนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง”
ดวงตากลมโตของเสิ่นอี้หลินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “พี่สะใภ้ พี่ไม่โกรธผมเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ฉันจะโกรธนายได้ยังไง? ฉันมีความสุขมากต่างหากที่เห็นนายยืนหยัดอย่างกล้าหาญในวันนี้”
เธอไม่ต้องการให้เสิ่นอี้หลินมีภาพจำแย่ ๆ ในเหตุการณ์นี้ และไม่ต้องการให้ดวงตาที่สดใสของเขาไม่บริสุทธิ์เมื่อมองโลกอีกต่อไป
ดังนั้นไม่ว่าจะกังวลแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้
เธอหยุดชั่วคราว “เพียงว่าในอนาคตถ้านายช่วยเหลือผู้อื่น พี่สะใภ้หวังว่านายจะคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อน พี่สะใภ้ของนาย พี่ชายของนายและแม่ของนายไม่ใช่นักบุญ เราไม่อยากเห็นนายได้รับบาดเจ็บเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เพียงแค่ปกป้องตัวเองก่อนเท่านั้นถึงจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ เข้าใจไหม?”
เซี่ยชิงหยวนไม่เห็นด้วยกับผู้คนที่ต่อสู้อย่างสิ้นหวังเพื่อการกดขี่ทางศีลธรรม และความเห็นของประชาชนโดยรู้ว่าตนไม่มีความสามารถ
ท้องฟ้าและโลกนั้นกว้างใหญ่ แต่ไม่มีอะไรเทียบได้กับชีวิตของตัวเอง
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าและน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง เขารีบเช็ดออกแล้วพูดอย่างหนักแน่น “พี่สะใภ้ ผมเข้าใจแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนลูบศีรษะเขาอีกครั้ง “นายไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นเสิ่นอี้หลินกลับเข้าไปในห้อง เซี่ยชิงหยวนก็ยืดตัวขึ้นและดวงตาของเธอก็เย็นชา
เซี่ยจื่ออี้ต้องการชีวิตของพวกเธอ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เซี่ยจื่ออี้ต้องการบรรลุเป้าหมายของตัวเองโดยไม่สนใจแล้วว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของใคร
ผู้หญิงคนนี้มันบ้าไปแล้วจริง ๆ
ไม่คาดคิดเลยว่าเซี่ยเจิ้งผู้มีชื่อเสียงจะเลี้ยงดูคนแบบนี้มาได้
น่าเสียดายที่เพราะสิ่งนี้เกี่ยวกับตัวเอง เพราะงั้นเธอน่าจะต้องเผชิญหน้ากับเซี่ยเจิ้งในไม่ช้า
เซี่ยชิงหยวนทัดผมที่กระจัดกระจายไปด้านหลังใบหู หันหลังกลับและขึ้นไปชั้นบน
เธอขึ้นไปทีละก้าว เหมือนเดินบนยอดเขาด้วยหัวใจที่มั่นคงโดยไม่สั่นสะท้าน
…
ในช่วงบ่าย เสิ่นอี้โจวก็กลับมา
มือของเขาถูกพันด้วยผ้ากอซ ซึ่งได้รับการทำแผลในโรงพยาบาล
เซี่ยชิงหยวนนอนครุ่นคิดบนโซฟาในห้องนอน เมื่อเสิ่นอี้โจวเปิดประตูเข้ามา เธอก็สังเกตเห็นมือของเขาตั้งแต่แรกเห็น
เธอรีบยืนขึ้นและจับมือของเขา “คุณได้รับบาดเจ็บด้วยเหรอ?”
ตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายมาก ต่อมาเสิ่นอี้โจวเอาแต่ช่วยพันแผลให้กับฉีจิ่นจือ ซึ่งมันเป็นโอกาสเดียวที่เธอจะได้เห็นมือของเสิ่นอี้โจวอย่างใกล้ชิด
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้คิดถึงอาการบาดเจ็บของเสิ่นอี้โจว เพียงคิดแค่ว่ามือของเขาที่เต็มไปด้วยเลือดตอนนั้นคือเลือดของฉีจิ่นจือ
โดยไม่คาดคิด เลือดที่เปื้อนมือเหล่านั้นก็มีของเสิ่นอี้โจวเช่นกัน
เสิ่นอี้โจวยื่นมือออกมาอย่างไม่ใส่ใจและกอดเธอ “ไม่เป็นไร มันเป็นแค่บาดแผลเล็กน้อยน่ะ”
“มันเป็นแค่บาดแผลเล็กน้อยยังไง?” เซี่ยชิงหยวนพยายามดิ้นรนที่จะออกจากอ้อมแขนของเขาและมองไปที่มือ
เสิ่นอี้โจวกอดเอวของภรรยาแน่นขึ้น “อย่าเพิ่งขยับสิ ให้ผมกอดคุณก่อนนะ”
เมื่อได้ยินเสียงเหนื่อยล้าของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็หยุดดิ้นรน
เธอโน้มตัวเงียบ ๆ ในอ้อมแขนของเขา และวางมืออันบอบบางบนเอวอันบางของสามี
ความเกลียดชังที่เธอปกปิดมาโดยตลอดปะทุขึ้นมาในหัวใจอีกครั้งทันทีที่เห็นเสิ่นอี้โจวได้รับบาดเจ็บ
เธอได้ยินตัวเองพูดกับเสิ่นอี้โจวด้วยน้ำเสียงสงบมาก “อี้โจว ฉันอยากจะฆ่าเธอ”