กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 349 ผู้ริเริ่ม
บทที่ 349 ผู้ริเริ่ม
บทที่ 349 ผู้ริเริ่ม
สุดท้ายเฟิงหว่านก็พูดว่า “ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะยืนเคียงข้างคุณในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการให้ฉันช่วยก็แค่บอกมาเท่านั้นได้เลยค่ะ”
การได้รับความช่วยเหลือจากเฟิงหว่านเช่นนี้เซี่ยชิงหยวนประหลาดใจเล็กน้อย
เธอยิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณค่ะพี่สาวหว่าน”
การถูกเรียก ‘พี่สาวหว่าน’ คือสิ่งที่เฟิงหว่านเพิ่งขอให้เซี่ยชิงหยวนเรียกเธอแบบนี้
เฟิงหว่านเป็นคนที่รู้ความตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอได้เห็นแผนการและการต่อสู้เพื่ออำนาจมากมายในครอบครัวตัวเอง และไม่ชอบคนอย่างเซี่ยจื่ออี้มากที่สุด
แต่คนในเขตที่พักกลับชื่นชมเซี่ยจื่ออี้มากจนมองไม่เห็นอะไรเลย
เซี่ยชิงหยวนส่งแขกที่ประตู และเสิ่นอี้หลินก็เข้ามาหาพร้อมกับเถาเหนียนซี
หลังจากที่ทั้งสองเล่นสนุกกันอยู่พักใหญ่ พวกเขาก็ไม่อยากที่จะแยกจากกันเลย
เถาเหนียนซีกอดเอวของเสิ่นอี้หลิน และกะพริบตาใส่เฟิงหว่าน
“แม่คะ หนูยังอยากเล่นกับพี่ชายของหนูอยู่เลย”
ทันใดนั้นร่างกายของเสิ่นอี้หลินก็แข็งค้างไป และยืนอยู่กับที่โดยไม่กล้าขยับตัว
เฟิงหว่านคุกเข่าลงและจับลูกของสาวของเธอ “วันนี้ไม่ได้นะ มันค่อนข้างสายแล้ว”
เธอจับมือเล็ก ๆ ของลูกสาวแล้วพูดว่า “เอาไว้วันหลังเรามาเล่นกับพี่ชายของลูกใหม่ดีไหม?”
เถาเหนียนซีพยักหน้า แต่ยังลังเล หลังจากนั้นไม่นานเด็กน้อยก็ยอมปล่อยเสิ่นอี้หลิน “ค่ะแม่”
เฟิงหว่านอุ้มเถาเหนียนซีขึ้นมากล่าวคำอำลากับเซี่ยชิงหยวน และกลับบ้านไป
เซี่ยชิงหยวนตบไหล่เสิ่นอี้หลินที่ยืนเขย่งเท้าแล้วมองตามคู่แม่ลูก “คนเขาไปแล้ว นายยังดูอยู่อีกเหรอ?”
ใบหน้าของเสิ่นอี้หลินเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที “ผมเปล่าสักหน่อย!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มกริ่ม “นายกับเธอห่างกันสามปีพอดี เป็นเรื่องที่ดีนะที่จะหาลูกสะใภ้ตั้งแต่ยังเล็ก แต่ยังไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเริ่มปลูกความสัมพันธ์ในตอนนี้หรอก”
คราวนี้เสิ่นอี้หลินหน้าแดงจนถึงโคนคอของเขาแล้ว
เขาตะโกนทันที “ผมไม่สนใจพี่อีกต่อไปแล้ว!”
เขาสะบัดก้นหนีแล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและส่ายหัว
หญิงสาวพิงประตู มองดูเมฆสีแดงที่ลอยอยู่นอกบ้าน และดวงอาทิตย์สีแดงเพลิงที่กำลังตกหลังภูเขาแล้วหรี่ตาลง
ภายในสองวันก็น่าจะได้เห็นอะไรดี ๆ ได้แล้วแหละ
…
วันนี้ฉินซูอวี้กลับบ้านหลังจากเลิกงาน เห็นได้ชัดว่ามีอารมณ์ไม่ดีมาก
วันนี้ทั้งวัน เพื่อนร่วมงานของเธอที่สถาบันธรณีวิทยามองตัวเองด้วยสายตาแปลก ๆ
ทุกครั้งที่เธอเดินลับไป พวกเขาจะพูดคุยอะไรบางอย่างกัน และเมื่อเธอกลับมาพวกเขาก็เงียบทันที
เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นและน่าจะเกี่ยวข้องกับเธอ
หญิงสาวยังได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวนเมื่อวานนี้ด้วย
ตอนที่เสิ่นอี้โจวยังอยู่ที่สถาบันธรณีวิทยาของเมืองเตียนเฉิง เขาได้ติดต่อกับผู้คนจากสถาบันธรณีวิทยาประจำมณฑลด้วย
ตอนนั้นเขามาที่นี่เพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งบอกได้เลยว่าความสามารถของเขาทำให้คนอื่นตกตะลึง และหลายคนก็พูดถึงหลังจากที่เขากลับไป
ดังนั้นทันทีที่คนอื่นได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของเสิ่นอี้โจว ความสนใจก็เพิ่มขึ้นทันที
มีคนมาถามเธอด้วยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
เธอไม่ได้ตอบปฏิเสธหรือตอบว่าใช่ แค่ตอบว่า “ฉันไม่รู้” เท่านั้น
แม้เธอจะไม่ได้ยินเรื่องแบบนี้ตอนที่อยู่ในเมืองเตียนเฉิง แต่เธอก็ยังปล่อยให้ข่าวลือแพร่กระจายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสถาบันธรณีวิทยา
หญิงสาวมีความสุขเล็ก ๆ โดยคิดว่าเซี่ยชิงหยวนก็มีวันที่ต้องทุกข์ทนเช่นกัน
ในความเห็นของฉินซูอวี้ เธอไม่ใช่คนปล่อยข่าวลืออยู่แล้ว ดังนั้นทำไมต้องชี้แจงเรื่องของเซี่ยชิงหยวนให้คนอื่นฟังด้วยล่ะ?
ทว่าในวันนี้กระแสข่าวลือก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และทุกคนเริ่มมองเธออย่างแปลก ๆ แทน
คนที่เป็นประเด็นคือเซี่ยชิงหยวนชัด ๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?
ฉินซูอวี้รู้สึกงุนงง ด้วยอารมณ์หดหู่เช่นนี้ เธอจึงกลับบ้านหลังจากเลิกงานทันที
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือคนในเขตที่พักอาศัยก็มองเธอแปลก ๆ เช่นกัน!
ขณะที่เธอเดินผ่านถนนสายเล็ก จู่ ๆ เธอก็ได้ยินชื่อของตัวเอง
ฉินซูอวี้เห็นพวกป้าแม่บ้านคุยกันอยู่ตรงหัวมุมถนน หนึ่งในนั้นพูดว่า “นี่คุณฉินก็ชอบเลขาธิการเสิ่นด้วยเหรอ?”
มีคนตอบว่า “มันจะไม่ถูกต้องได้ยังไง? ข่าวลือเกี่ยวกับภรรยาของเลขาธิการเสิ่นในครั้งนี้ ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นคนแพร่ข่าวลือนะ!”
“ใช่เหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการเซี่ยที่เป็นคนสร้างข่าวลือนี่นา? มีคนบอกว่าเธอทำเพื่อเอาคืนให้คุณฉินที่เคยถูกรังแก”
“ไม่ใช่ ดูเหมือนว่านายน้อยฉีจะชอบคุณฉิน และคุณเซี่ยก็อิจฉาต่างหาก ดังนั้นคุณเซี่ยจึงจงใจใส่ร้ายคุณฉินไงล่ะ”
“เป็นไปได้ยังไง? คุณเซี่ยเป็นคนดีมากนะ เธอเคยเห็นคุณเซี่ยทะเลาะกับใครบ้างไหม? เธอจะวางแผนจัดฉากคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง?”
“ถูกต้อง ฉันเชื่อว่าคุณฉินเป็นคนทำ มีโอกาสสูงกว่าด้วย”
“นี่ แล้วพวกเธอคิดว่าเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของเลขาธิการเสิ่นนั้นจริงไหม? ฉันได้ยินมาว่า คุณฉินบอกว่าเธอเห็นคุณนายเสิ่นไปหาหมอฮวงเพื่อรับการรักษาด้วย”
“หมอฮวงที่อยู่ในโรงพยาบาลประจำมณฑลน่ะเหรอ? ที่เธอเชี่ยวชาญด้านนั้นใช่ไหม? …ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงนะเนี่ย”
หลังจากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว หลายคนก็เริ่มหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พูด เสียงของพวกเธอก็เบาลงและเบาลง
ฉินซูอวี้แอบรับฟังอยู่ในมุมลับตา และอดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอด
จื่ออี้!
เซี่ยจื่ออี้อีกแล้ว!
เซี่ยจื่ออี้เป็นคนที่บอกเธอก่อนหน้านี้ว่าเห็นเซี่ยชิงหยวนกำลังรับการรักษาจากหมอฮวง และบอกเธอว่าอย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะจะทำให้ชื่อเสียงของเซี่ยชิงหยวนเสียหาย
เธอไม่สนใจเรื่องนี้เลย และลืมมันไปนานแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องนี้จะหลุดจากปากของเธอ
และแน่นอน ฉินซูอวี้ไม่คิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะทำลายชื่อเสียงของตัวเองเพียงเพื่อจัดการกับตน
ท้ายที่สุด หากเซี่ยชิงหยวนมีความคิดนี้จริง มันจะเป็นการฉลาดกว่าไหมที่จะหยิบเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเตียนเฉิงมาปล่อยข่าวออกไป แทนที่จะทำให้ชื่อเสียงตัวเองถูกตั้งคำถามไปด้วย
ในความเห็นของเธอ ไม่มีใครอื่นนอกจากเซี่ยจื่ออี้ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้!
เซี่ยจื่ออี้ดีกว่าเธอในทุกเรื่องอยู่แล้ว แม้แต่แม่ของเธอเองก็ชอบเซี่ยจื่ออี้มากกว่า แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงยังไม่พอใจอีก?
หรือเพียงเพราะในวันนั้นถูกฉีจิ่นจือหมางเมิน และเขาก็มาพูดคุยกับเธอแค่สองสามคำก็เลยอิจฉา?
ผลักเธอให้ตกลงในนาอย่างเดียวไม่พอ แต่ยังจะทำลายเธอด้วยวิธีนี้อีกเหรอ?
และคนเหล่านั้น ทำไมพวกเขาถึงไม่คิดบ้างว่าเซี่ยจื่ออี้ก็สามารถทำเรื่องเลวทรามได้?
มันกลับกลายเป็นว่าพอมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น ทุกคนกลับมองว่าเธอทำได้เป็นเรื่องปกติ แต่เซี่ยจื่ออี้กลับไม่มีทางทำได้! ทำไม!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉินซูอวี้ก็โกรธมากจนเกือบจะเสียสติ
ความโกรธในอกของเธอล้นหลาม และหันไปทางบ้านของเซี่ยจื่ออี้เพื่อจะไปสอบถามรายละเอียด
ฉินซูอวี้ก้าวไปเพียงสองก้าวเท่านั้นก็พบกับเฟิงหว่าน ซึ่งกำลังเดินมาทางเธอโดยมีเถาเหนียนซีอยู่ในอ้อมแขน
เมื่อเฟิงหว่านเห็นฉินซูอวี้ เธอก็พยักหน้าทักทาย “คุณฉิน”
จากนั้นเฟิงหว่านก็เดินเข้ามาหยุดในระยะประชิด
เมื่อบรรดาป้าแม่บ้านที่รวมตัวกันได้ยินคำทักทาย พวกเธอก็ตกใจกลัวจนเงียบไปทันที
อะไรจะน่ากลัวกว่าการนินทาคนอื่นแล้วถูกคนนั้นได้ยินล่ะ?
พวกเธอไม่กล้าออกไป และเริ่มผลักกันเอง แต่จากนั้นก็รีบเดินหนีไปจากทางด้านข้าง
ฉินซูอวี้เห็นว่าเฟิงหว่านดูเหมือนมีอะไรจะถาม ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่กับที่ หายใจเข้าลึกและรอให้อีกฝ่ายพูดออกมา