กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 353 ไม่ต้องการให้เธอรู้ความลับนี้ที่สุด
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 353 ไม่ต้องการให้เธอรู้ความลับนี้ที่สุด
บทที่ 353 ไม่ต้องการให้เธอรู้ความลับนี้ที่สุด
บทที่ 353 ไม่ต้องการให้เธอรู้ความลับนี้ที่สุด
เฉินหลี่รีบกลับบ้านหลังจากได้รับโทรศัพท์จากฉินโย่วเหลียง
หลังจากแต่งงานมาหลายปี ฉินโย่วเหลียงตะโกนใส่เธอทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรกก็วันนี้
“ดูสิว่าคุณได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไปบ้าง! ตอนนี้คุณได้ทำร้ายลูกสาวของคุณแล้ว!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ลูกจะไปก่อเรื่องที่สำนักงานอัยการไหม!?”
“ลูกสาวก่อปัญหาขนาดนี้แล้วยังจะทำงานอยู่อีกทีรึไง? กลับมาจัดการความยุ่งเหยิงนี้ซะ!”
เมื่อเธอได้ยินว่าฉินซูอวี้ไปที่สำนักงานอัยการเพื่อสร้างปัญหาให้กับเซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยเจิ้งก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วย หัวของเฉินหลี่ก็แทบจะระเบิด
เธอขอลาหยุดทันทีและรีบกลับบ้าน ซึ่งโดยไม่คาดคิดเธอได้พบกับเซี่ยชิงหยวนและถูกเยาะเย้ยแบบนี้
เฉินหลี่ทั้งกังวลและโกรธมาก เธอไม่เคยพ่ายแพ้แบบนี้มาก่อน พลางยกมือขึ้นโดยไม่ยั้งคิดและตบหน้าเซี่ยชิงหยวน
ทว่าเซี่ยชิงหยวนหันไปด้านข้างเพื่อหลบการตบ ก่อนจะคว้าข้อมือของเธอไว้แล้วพูดอย่างประชดประชัน “คุณนายฉิน ทำไมคุณถึงกล้าตบคนอื่นในที่สาธารณะอย่างนี้ล่ะ? ดูเหมือนว่าลูกสาวของคุณจะได้เรียนรู้นิสัยจากคุณมาเต็ม ๆ เลยจริง ๆ สินะ”
“นิสัยแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ มันจะทำให้คนอื่นพากันเรียกว่าอันธพาล และจะหาใครแต่งงานด้วยไม่ได้เอานะ”
“แก!” เซี่ยชิงหยวนกำข้อมือของเฉินหลี่แน่น จนอีกฝ่ายไม่สามารถหลุดพ้นได้
เธอไม่คาดคิดเลยว่าเซี่ยชิงหยวนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ดูผอมบางมาก!
มันเหมือนกับมีไฟกำลังลุกโชนอยู่ในใจของเฉินหลี่ และไม่สามารถระงับมันได้ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
เธอยกแขนอีกข้างขึ้นและกำลังจะเหวี่ยงลูกตบอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนมองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่แล้ว เธอคว้าข้อมืออีกข้างของเฉินหลี่และจับล็อคไพล่หลัง
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เซี่ยชิงหยวนก็พูดโดยไม่หน้าแดงหรือหายใจหอบแม้แต่นิด “คุณนายฉิน คนในโรงพยาบาลของคุณรู้ไหมคะเนี่ยว่าคุณดุร้ายขนาดนี้?”
เฉินหลี่ถูกล็อคอย่างแน่นหนาโดยเซี่ยชิงหยวน มือทั้งสองข้างถูกจับไพล่หลัง และเธอก็อับอายมาก
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ การกระทำของทั้งสองคนดึงดูดความสนใจของคนรอบ ๆ แล้ว นอกจากผู้ป่วยก็ยังมีเพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมกับเธออีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยการแต่งกายและท่าทางของเซี่ยชิงหยวนได้แสดงให้คนอื่น ๆ เห็นแตกต่างออกไป มือของเฉินหลี่ที่ถูกล็อคไพล่หลังถูกร่างกายของเซี่ยชิงหยวนปิดบังอย่างชาญฉลาด คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าพวกเธอทั้งสองเพียงทะเลาะกันเล็กน้อย และยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
ใบหน้าของเฉินหลี่เปลี่ยนเป็นสีแดง และพยายามดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
แม้เธอจะอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบมาก แต่ก็ยังไม่มีความตั้งใจที่จะยอมแพ้
แทนที่จะปล่อยไป เซี่ยชิงหยวนยิ่งเพิ่มกำลังทำให้เฉินหลี่ขมวดคิ้ว “ถ้าฉันปล่อยคุณไปแล้วคุณกลับอยากจะตีฉันอีกล่ะ? คุณยิ่งเหมือนหมาบ้าที่ควบคุมยากอยู่ด้วยสิ”
เซี่ยชิงหยวนไม่กลัวที่จะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองอีกต่อไป
ตั้งแต่ตอนที่เฉินหลี่โจมตีหลินตงซิ่วโดยไม่มีเหตุผลที่ตลาดสด มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าทั้งสองครอบครัวจะไม่ปรองดองกัน
ประกอบกับสิ่งที่เฉินหลี่ทำในภายหลัง มันยิ่งยกโทษให้ไม่ได้มากกว่าเดิม
ดวงตาของเฉินหลี่เบิกกว้าง “ฉันจะฆ่าแก!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เดาะลิ้นแล้วพูดว่า “คุณฉิน คุณเป็นหมอนะคะ ทำไมถึงสามารถพูดว่าจะฆ่าคนอื่นได้อย่างเต็มปากขนาดนี้ล่ะ?”
การเสียดสีนี้รุนแรงมาก
เซี่ยชิงหยวนหมดความสนใจที่จะหยอกล้ออีกฝ่ายอีกต่อไป พลางปล่อยมือแล้วผลักเฉินหลี่ไปข้างหน้า
เฉินหลี่เดินโซเซสองสามก้าวก่อนจะสามารถทำให้ร่างกายของเธอมั่นคงได้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายต้องการจะกระโจนเข้ามาอีกครั้ง ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เฉินหลี่ ฉันแนะนำให้คุณอย่าทำอะไรโง่ ๆ อีกดีกว่า หากคุณไม่อยากสนุกไปกับการถูกจับกดหน้าคะมำไปที่พื้นตรงนี้ต่อหน้าทุกคน ก็เข้ามา”
คำพูดของเซี่ยชิงหยวนทำให้เฉินหลี่หยุดชะงักทันที
เมื่อมองดูดวงตาที่ขุ่นเคืองของเฉินหลี่แล้ว เซี่ยชิงหยวนก็พูดว่า “คุณต้องจำให้ชัดเจนว่าตั้งแต่ต้นจนจบ คุณคือผู้ที่กระทำผิดตั้งแต่แรกแล้ว”
หลังจากพูดอย่างนั้น เซี่ยชิงหยวนก็เพิกเฉยต่ออีกฝ่ายและเดินผ่านห้องโถงพร้อมกับตะกร้า เดินเข้าไปข้างในอาคารผู้ป่วยอย่างเฉยเมย
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนไปถึงหน้าห้อง ประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดอยู่ก่อนแล้ว
ฉีจิ่นจือไม่ได้นอนอยู่บนเตียงตามปกติ เขานั่งอยู่บนขอบเตียงโดยหันหลังให้กับประตู มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง เขาจึงได้ยินเสียงและหันกลับมาทัก “คุณมาแล้ว”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็รู้ว่าฉีจิ่นจือได้เปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดผู้ป่วยเป็นชุดของเขาเองแล้ว
เมื่อมองดูห้องที่ถูกเก็บกวาดอย่างดีอีกครั้ง เซี่ยชิงหยวนพลันรู้สึกประหลาดใจ “วันนี้คุณจะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ?”
ฉีจิ่นจือพยักหน้า “ใช่ คนขับรถของผมกำลังไปทำเรื่องปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลอยู่น่ะ”
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาและวางตะกร้าบนโต๊ะ “ไม่ใช่ว่าเป็นพรุ่งนี้เหรอ? คุณถอดไหมเย็บแผลออกแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นความกังวลในดวงตาของเซี่ยชิงหยวน ดวงตาที่เย็นชาของฉีจิ่นจือก็เริ่มอ่อนโยนขึ้น
เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “วันนี้หมอเอาออกให้แล้วน่ะ”
เขามองดูตะกร้าแล้วพูดว่า “วันนี้คุณทำอาหารอร่อย ๆ อะไรมาให้ผมบ้างล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนจับตะกร้า “คุณจะได้กลับบ้านอยู่แล้ว งั้นกลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ?”
อาหารที่บ้านน่าจะดีกว่าของเธอแน่นอน หญิงสาวพูดอย่างจริงใจ
ไม่ว่าอาหารที่เธอปรุงจะอร่อยแค่ไหน มันก็ไม่น่าจะดีกว่าอาหารที่ปรุงใหม่ ๆ จากครัวในบ้านแล้วได้ทานเลยมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลฉีน่าจะกำลังรอให้เขากลับไป แต่ถ้าเขาทานที่นี่มันคงไม่เหมาะนัก
มือของฉีจิ่นจือหยุดชั่วคราว
ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เซี่ยชิงหยวน “ไม่ว่าฝีมือของแม่บ้านผมจะดีแค่ไหน แต่ก็ยังไม่รู้สึกเหมือนอยู่บ้านอยู่ดี”
เมื่อฉีจิ่นจือพูดสิ่งนี้ เขาก็ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากราวกับว่าล้อเล่น แต่กลับกัน สีหน้าเขาดูจริงจังแทน
ในตอนท้ายของการหัวเราะ ริมฝีปากบางของเขาก็เม้มแน่น ทำให้ดูรู้สึกขมขื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแสงในดวงตาของเขาค่อย ๆ หรี่ลง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าไปด้วย
เซี่ยชิงหยวนคิดถึงข่าวลือที่ได้ยินเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของฉีจิ่นจือ แล้วใจของเธอก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
ดูเหมือนว่าเด็กชายคนนี้ค่อนข้างน่าสงสารไม่น้อยเลย
เธอจึงพูดสิ่งที่จะเสียใจไปอีกนานในอนาคตว่า “ไม่เป็นไร ยังไงซะเราก็อยู่ในเขตที่พักอาศัยเดียวกันทั้งนั้น ถ้าว่าง ๆ คุณก็สามารถมากินข้าวเย็นที่บ้านฉันได้นะ และอีกอย่างฉันก็มีร้านอาหารที่อยู่ตรงถนนอาหารซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ที่คุณต้องคอยลาดตระเวนไม่เท่าไหร่ คุณสามารถไปกินที่ร้านของฉันก็ได้”
ฉีจิ่นจือไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกเซี่ยชิงหยวนเรียกว่า ‘เด็กชาย’ สองครั้งแล้วในใจของเธอ เมื่อได้ยินคำเชิญนี้เขาจึงตอบโดยไม่ลังเล “ตกลง ขอบคุณครับคุณนายเสิ่น”
ฉีจิ่นจือตอบอย่างรวดเร็วจนเซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าตัวเองมองข้ามรายละเอียดบางอย่างไปหรือไม่
เธอมองอย่างตั้งใจ แต่ฉีจิ่นจือก็มองตาไม่กระพริบตาที่ตะกร้าของตนแล้ว
เธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ “สรุปคือคุณจะกินของในตระกร้าก่อนแล้วค่อยกลับเหรอ?”
ฉีจิ่นจือยิ้มด้วยความพึงพอใจ “ใช่แล้ว”
เซี่ยชิงหยวนนั่งเฉย ๆ รอให้ฉีจิ่นจือกินเหมือนที่เขาทำเมื่อหลายวันที่ผ่านมา
เมื่อเขากินใกล้จะเสร็จแล้ว คนขับรถก็เข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล
เมื่อคนขับรถเห็นเซี่ยชิงหยวนเขาก็ตกตะลึง
ฉีจิ่นจือแนะนำอย่างเฉยเมย “นี่คือคุณนายเสิ่น เลขาธิการเสิ่นขอให้เธอมาที่นี่น่ะ”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอบอุ่นในใจกับคำอธิบายของฉีจิ่นจือ
คนขับก้มหัวลงแล้วทักทาย “คุณนายเสิ่น”
เมื่อฉีจิ่นจือและคนขับกำลังช่วยกันขนของออกไปจากห้อง เซี่ยชิงหยวนเห็นกล่องไม้เล็ก ๆ วางอยู่ข้างเตียง หญิงสาวคิดเกี่ยวกับมันแล้วหยิบมันขึ้นมา และคิดจะช่วยเขาเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋า
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่เธอแตะกล่อง ฉีจิ่นจือก็รีบวิ่งมาคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว
เพราะความกังวล เขาจึงโน้มทั้งร่างเข้าหาเธอ ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนเซี่ยชิงหยวนได้กลิ่นจาง ๆ ของยาฆ่าเชื้อบนร่างกายของชายหนุ่ม
เมื่อเขาคว้ากล่อง ฝ่ามือเย็นของเขาบังเอิญกุมหลังมือของเซี่ยชิงหยวน จากนั้นจึงดึงกล่องออกจากฝ่ามือของเธอ
เขามีสีหน้าตื่นตระหนกซึ่งหาได้ยากให้เห็น “ขอบคุณนะ ผมจะทำเอง”
เซี่ยชิงหยวนพลันเห็นผ้าสีขาวชิ้นเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากขอบกล่องที่ปิดอยู่
หญิงสาวรู้สึกคุ้นเคยกับมันนิดหน่อย แต่ฉีจิ่นจือยัดมันลงในกระเป๋าของเขาเองก่อนที่เธอจะมองเห็นได้ชัดเจน
เซี่ยชิงหยวนขอโทษทันที “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันแค่อยากช่วย”
ปลายหูของฉีจิ่นจือจู่ ๆ กลายเป็นสีแดง “ผมเองก็กังวลจนเกินไปน่ะ”
นี่คือความลับของเขา และเขาไม่ต้องการให้เธอรู้ความลับนี้ที่สุด