กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 356 ฉินซูอวี้คือกรรมสนองของเธอ
บทที่ 356 ฉินซูอวี้คือกรรมสนองของเธอ
บทที่ 356 ฉินซูอวี้คือกรรมสนองของเธอ
หลังจบคำพูดของเฉินหลี่ก็มีความเคลื่อนไหวภายในห้อง ตอนแรกเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นและประตูก็เปิดจากด้านใน
ฉินซูอวี้มีใบหน้าเปื้อนน้ำตา ผมเผ้ายุ่งเหยิง และดวงตาแดงก่ำ เธอมองเฉินหลี่ราวกับว่ากำลังมองศัตรู
เฉินหลี่ถูกสายตาของฉินซูอวี้ทิ่มแทงอย่างรุนแรง ในตอนแรกเธอรู้สึกผิด แต่เมื่อจำได้ว่าตัวเองเป็นแม่และต้องรักษาศักดิ์ศรีที่อาวุโสกว่า เธอก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ซูอวี้ ลูกทำอะไรลงไป?”
ฉินซูอวี้หัวเราะเยาะ “หนูทำอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ล่ะ?”
“แก…” เฉินหลี่โกรธมาก
ฉินซูอวี้ไม่เคยพูดจาแบบนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวต่อต้านแบบนี้
เมื่อกี้ฉินโย่วเหลียงก็เพิ่งดุเดือดออกไป และการไม่เชื่อฟังของฉินซูอวี้ในตอนนี้มันยิ่งทำให้เฉินหลี่รู้สึกปวดหัว ทั้งยังอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
เฉินหลี่ผลักประตูให้เปิดออกกว้างขึ้นแล้วพูดว่า “เรามาคุยกันหน่อยซิ”
เสียงของเธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นข้าวของที่แตกเละเทะและความรกในห้อง
ขมับของเฉินหลี่กระตุกและนั่งลงบนขอบเตียงที่ยังสามารถใช้เป็นที่นั่งได้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ช่วยอธิบายให้แม่ฟังอย่างละเอียดหน่อยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น และทำไมลูกถึงไปสร้างปัญหาที่หน่วยงานของจื่ออี้?”
ฉินซูอวี้พิงประตูพลางมองดูแม่ของตนเองอย่างเย็นชา “ในใจแม่ตัดสินหนูไปแล้วนี่ ทำไมแม่ยังต้องให้หนูพูดอะไรอีกล่ะ?”
คำว่า ‘อธิบาย’ และ ‘สร้างปัญหา’ ได้เผยทัศนคติส่วนตัวของเฉินหลี่ไปแล้วในทันทีขณะที่เธออ้าปาก
เฉินหลี่สำลักคำพูดของตัวเองและถอนหายใจ “ดูความคิดของลูกตอนนี้สิ? สำนักงานอัยการเป็นสถานที่ที่ลูกสามารถไปสร้างปัญหาได้งั้นเหรอ? ลูกนี่ไม่รู้เลยสินะว่าท้องฟ้าอยู่สูงแค่ไหน!”
“ลูกคิดว่าพ่อของตัวเองอยู่ในสำนักงานมณฑลแล้วจะสามารถทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้หรือไง? ลูกคิดว่าเราทุกคนปกป้องลูกได้ทุกเรื่องเหรอ?”
“ความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลเซี่ยพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เพราะการกระทำของลูกในวันนี้!”
เนื่องจากเพื่อนของเธอที่เป็นภรรยาของเซี่ยเจิ้งตายไปแล้ว วิธีเดียวที่จะรักษาสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยไว้ได้ก็คือผ่านทางเซี่ยจื่ออี้เท่านั้น
เดิมทีตอนแรกที่เธอทำดีกับเซี่ยจื่ออี้นั้นเธอต้องการใช้เธอ
แต่หลังจากนั้นเซี่ยจื่ออี้กลับประพฤติตัวดี มีเหตุผล ทั้งยังเป็นเด็กดีมาก และเธอก็ค่อย ๆ ตกหลุมเด็กสาวคนนี้ เธอยังคิดว่าทำไมฉินซูอวี้ถึงเป็นแบบเซี่ยจื่ออี้ไม่ได้?
เธอค่อย ๆ มีความรู้สึกลำเอียงระหว่างเด็กทั้งสองโดยไม่รู้ตัว
ฉินซูอวี้ฟังคำพูดดูหมิ่นของเฉินหลี่และอดทนไม่ได้อีกต่อไป เธอตะโกนใส่แม่ “หนูไม่รู้ทั้งนั้นแหละว่าฟ้ามันอยู่สูงหรือแผ่นดินมันจะหนาแค่ไหน! มันไม่ใช่เพราะว่าหนูไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนรึไง พ่อแม่ของหนูเองกลับใช้เวลาทั้งหมดไปกับการประคบประหงมลูกสาวของบ้านอื่น!”
“จนถึงตอนนี้เคยห่วงหนูบ้างไหม?”
“เคยคิดจะถามหนูบ้างไหมว่าหนูทนทุกข์มากี่ครั้งแล้ว ไม่! แม่เอาแต่โทษหนูตั้งแต่เข้าประตูมาจนถึงตอนนี้!”
“คนที่แม่ห่วงใยคือเซี่ยจื่ออี้และตัวแม่เอง!”
“ถ้าแม่ทนไม่ไหวจริง ๆ ทำไมไม่ขอให้เซี่ยเจิ้งแต่งงานกับแม่ซะล่ะ แล้วแม่จะได้ภูมิใจกับลูกสาวคนนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิไง!”
ฉินซูอวี้รู้สึกดีขึ้นมากหลังจากตะโกนทุกอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจมาตลอด
แต่ในวินาทีถัดมาเพียงพริบตา ใบหน้าของหญิงสาวก็เกิดชา จากนั้นความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ ปะทุขึ้นมา
ใช่แล้วเธอเพิ่งถูกตบ!
เมื่อหันกลับมา ฉินซูอวี้เห็นใบหน้าที่มืดหม่นและโกรธเกรี้ยวของเฉินหลี่ชัดเจน
หน้าอกของเฉินหลี่ยุบและพองอย่างรุนแรง ริมฝีปากสั่น และน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นอยู่ที่ดวงตา
การกระทำของฉินโย่วเหลียงต่อเธอก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถทำให้โกรธได้ขนาดนี้เลย
ทว่าลูกสาวกลับพูดคำแบบนี้กับเธอจริง ๆ
หลังจากความโกรธพุ่งถึงขีดสุด ถัดมาก็เกิดความเสียใจและความผิดหวังอย่างหนัก
อารมณ์เป็นเหมือนตาข่ายขนาดใหญ่ที่พันเธอไว้แน่นจนหายใจไม่ออก
ฉินซูอวี้ไม่ได้มองเธออีกเลย ลูกสาวกระแทกไหล่ของเธอออกไปแล้ววิ่งลงไปชั้นล่าง
เฉินหลี่ไล่ตามเธอไปที่ประตูห้องแล้วตะโกนว่า “ซูอวี้!”
ฉินซูอวี้วิ่งออกไปโดยไม่หยุดแม้แต่น้อย
ในขณะนี้ ในที่สุดเฉินหลี่ก็ตระหนักได้อย่างเต็มที่ถึงประโยคที่เซี่ยชิงหยวนพูดให้เธอฟังว่า ‘ฉินซูอวี้คือกรรมสนองของเธอ!’
…
เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลฉินที่วุ่นวาย บรรยากาศในตระกูลเสิ่นนั้นมีความกลมกลืนและอบอุ่นมาก ทั้งครอบครัวนั่งกินข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน จากนั้นก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเสิ่นอี้หลินที่โรงเรียน
เสิ่นอี้โจวมองไปที่ท่าทางสงบสุขของเซี่ยชิงหยวน และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อเขาพบว่าบางทีเธอเหมือนกับคิดอะไรคนเดียวอยู่ เขาก็ตระหนักได้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับภรรยาแน่
เรื่องแรกเลย ข่าวลือพวกนั้นเงียบลงไปแล้ว
เพราะมันได้รับการแก้ไขแล้วไงล่ะ
ข่าวล่าสุดก็ไปถึงสำนักงานมณฑลแล้วเช่นกัน ซึ่งผู้คนที่ในตอนแรกหัวเราะเยาะก็มองเขาด้วยสายตาหลบเลี่ยงและขอโทษแทน
ฉู่ซิงอวี่กับหลิงเยี่ยต่างปิดปากเงียบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่คล้ายกันในเมืองเตียนเฉิง เมื่อครั้งที่แล้วทุกคนคิดว่ามันเป็นการแข่งขันประสงค์ระหว่างผู้หญิงสองคน โดยมีฉินซูอวี้และเซี่ยจื่ออี้มาเกี่ยวข้องกับเซี่ยชิงหยวน
แน่นอนว่าบางคนรู้สึกว่าการไม่มีลูกของเซี่ยชิงหยวนนั้นไม่ได้ไร้มูลเหตุ
สุดท้าย คนสองคนก็แต่งงานกันมาสองปีแล้ว และยังไม่มีลูกเลย นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้
แต่ตำแหน่งของเสิ่นอี้โจวก็ไม่ใช่เล็ก ๆ และในปีหน้าเขาจะได้รับช่วงต่อจากหยวนหงหลี่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเปิดเผยอะไรมากเกินไปต่อหน้าเขา
เมื่อฉู่ซิงอวี่รายงานเรื่องนี้กับเสิ่นอี้โจวในวันนี้ เขาก็พยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของนายมากนะ”
เขาดึงความคิดของตัวเองกลับมา และเสิ่นอี้โจวก็ตามเซี่ยชิงหยวนกลับไปที่ห้อง
เซี่ยชิงหยวนกำลังนั่งอยู่ที่ข้างอ่างอาบน้ำในห้องน้ำโดยวางถังน้ำร้อนไว้ข้าง ๆ ซึ่งเธอจะใช้ทุกครั้งที่สระผม
เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ “คืนนี้สระผมเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วตอบ “ใช่”
เสิ่นอี้โจวพูดต่อ “ให้ผมช่วยคุณนะ คุณไปเตรียมเสื้อผ้าเถอะ”
จากนั้นขายาวของเขาก็ก้าวเข้ามา
เมื่อกลับถึงบ้าน เขาถอดเสื้อคลุมออกและสวมเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้น
ขณะที่พูด เขาก็ปลดกระดุมข้อมือเสื้อ พับแขนเสื้อขึ้นถึงต้นแขน และนั่งยอง ๆ ข้างภรรยา
เสิ่นอี้โจวอดไม่ได้ที่จะถามเธออีกครั้ง “คุณไม่อยากอาบน้ำเหรอ? คุณเอาแต่จ้องที่ผมทำไม?”
เซี่ยชิงหยวนพลันกลับมาได้สติ
เธอตอบด้วยความตื่นตระหนก “เปล่า ไม่มีอะไร”
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นไปที่ห้องนอนเพื่อไปเอาชุดนอน
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับเข้ามาในห้องน้ำ น้ำในถังน้ำร้อนก็ถูกเติมใส่เข้าไปในอ่างแล้ว
หญิงสาวกอดเสื้อผ้าไว้ในอ้อมแขน “น่าจะได้แล้วล่ะ ขอบคุณนะ”
เธอส่งสัญญาณให้เสิ่นอี้โจวสามารถออกไปข้างนอกได้
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้นและยิ้ม “พอใช้กันเสร็จแล้วก็ไล่กันเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเขินอายขึ้นมา “แล้วฉันจะใช้คุณทำอะไรได้อีกล่ะ?”
“อ้อ?” เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้น “คุณตั้งใจจะตำหนิผม ที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวน “… ”
เธอเดินเข้าหาและดึงสามีเข้ามาใกล้ “อย่าแกล้งฉันสิ”
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวกุมมือภรรยาไว้ “ให้ผมช่วยคุณนะ”
จากนั้นเขากล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นคุณเหนื่อยมากแล้ว ผมแค่อยากช่วยคุณจริง ๆ”
น้ำเสียงที่จริงใจของเขาได้เผยเป็นนัย ๆ ว่า ‘ไม่อยากให้ผมรับใช้คุณเหรอ?’
ใช่ มันดูเป็นการอ้อนวอน
เซี่ยชิงหยวนไม่เคยทำอะไรได้เลยกับเสิ่นอี้โจวที่เป็นแบบนี้
เธอมองคิ้วและดวงตาของเขา มีเพียงความจริงใจและไม่มีความปรารถนาอื่นใด
เธอเชื่อเขา
ไม่ใช่ว่าเสิ่นอี้โจวไม่เคยสระผมให้เธอมาก่อน จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ได้ค่ะ”