กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 360 ยกเลิกการหมั้นหมาย
บทที่ 360 ยกเลิกการหมั้นหมาย
บทที่ 360 ยกเลิกการหมั้นหมาย
หลังจากที่เสิ่นอี้โจวและฉีจิ่นจือออกไปข้างนอก เซี่ยชิงหยวนก็เห็นเสื้อคลุมของฉีจิ่นจือที่ลืมทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน เธอจึงหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาและไล่ตามพวกเขาออกไป
แต่เมื่อเธอวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นแผ่นหลังของทั้งสองคน พวกเขาสูงและโดดเด่น
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังจะตะโกนเรียกหาพวกเขา เธอก็เห็นร่างของชายร่างทั้งสองกอดรัดกัน
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอตกใจมากจนปิดปากทันที เพราะกลัวว่าจะกรีดร้องออกไป
เธอเห็นอะไร?
หญิงสาวขยี้ตาอีกครั้ง
เมื่อลืมตาอีกครั้ง ทั้งสองก็แยกจากกันไปแล้ว
สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่รู้ว่าเธอควรก้าวไปข้างหน้าหรือไม่
ในขณะที่ลังเล เธอเห็นเสิ่นอี้โจวและฉีจิ่นจือแยกจากกัน ทั้งสองหันหลังกลับแล้วเดินแยกกันไป
เซี่ยชิงหยวนหันหลังกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน และวิ่งกลับบ้าน
เธอวิ่งกลับบ้านอย่างหายใจไม่ออก โยนเสื้อคลุมของฉีจิ่นจือลงบนโซฟา จากนั้นจึงนั่งลง หยิบหนังสือพิมพ์ที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาแล้วทำท่าอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
เมื่อเสิ่นอี้โจวเดินเข้าบ้านมา เซี่ยชิงหยวนก็เงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณกลับมาแล้วเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “อืม” และปิดประตูก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าโดยไม่มีสีหน้าใด ๆ
เขามานั่งข้าง ๆ เซี่ยชิงหยวน เหลือบมองเสื้อคลุมที่เธอโยนทิ้งไว้ และยิ้มขณะหยิบมันขึ้นมา “คุณซื้อมาให้ผมเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “มันเป็นของฉีจิ่นจือน่ะ”
แทบจะในทันที เสิ่นอี้โจวโยนเสื้อคลุมลงบนโซฟาอย่างไม่แยแส
ที่ที่มันถูกโยนลงไปนั้นเป็นขอบโซฟาแล้วมันก็ตกลงไปที่พื้น
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกสับสนกับการกระทำของเสิ่นอี้โจว
เธอลุกขึ้นก้มลงหยิบเสื้อคลุมแล้วปัด ๆ มัน “คุณทำอะไรเนี่ย?”
เสิ่นอี้โจวยักไหล่และพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “มือลื่นน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนก้าวไปข้างหน้า และจ้องมองเสิ่นอี้โจว “ทำไมคุณถึงต้องหน้าแดงด้วยล่ะ? หรือเพราะว่ามือลื่นเหรอ?”
เธอเริ่มมีความรู้สึกไม่ดีในใจ แม้ไม่อยากจะเชื่อก็ตาม
เสิ่นอี้โจวแตะแก้มตัวเองโดยไม่รู้ตัว และพบว่ามันอุ่นกว่าอุณหภูมิฝ่ามือของเขาจริง ๆ
เขาโบกมือให้ตัวเอง “แค่อากาศร้อนน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนกำลังจะร้องไห้
นี่มันไม่น่าเป็นไปได้เลย ทุกครั้งที่อยู่บนเตียง เขาทำตัวเหมือนสัตว์ร้ายที่หิวโหยกับเธอตลอดเวลา แล้วไหงมันกลับกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?
และตอนที่พวกเขากำลังกินข้าวกันวันนี้ ทั้งสองคนก็แทบจะฆ่ากันตายอยู่หลายรอบ
เป็นไปได้ไหมว่าทั้งหมดนั้นเป็นการแสร้งทำเพื่อสร้างความสับสนให้กับเธอ หรือเป็นสิ่งที่เรียกว่าทำให้ศัตรูตายใจ?
เซี่ยชิงหยวนม้วนผมอย่างฉุนเฉียวก่อนจะจับมือของเสิ่นอี้โจว “อี้โจว ตอบคำถามฉันอย่างจริงจังนะ”
เสิ่นอี้โจวตกตะลึงกับการแสดงออกที่จริงจังของภรรยา และพยักหน้าเป็นคำตอบ “ได้สิ คุณถามมาเลย”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยถาม “คุณรักฉันมากที่สุดใช่ไหม?”
เสิ่นอี้โจวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เขากอดเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบหลังเธอเหมือนปลอบเด็ก
“แน่นอน ผมรักคุณ ผมรักคุณมากที่สุด”
เขาพูดและจูบหน้าผากเธออย่างแรง
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจครึ่งหนึ่งของเซี่ยชิงหยวนก็หล่นลงท้องอย่างสบายใจเล็กน้อย
เธอไม่อยากจะถามคำถามต่อไปเลย เธอกลัวกับคำถามว่า ‘งั้นคุณคิดยังไงกับฉีจิ่นจือ?’ เพราะหญิงสาวกังวลว่าตอนนี้เสิ่นอี้โจวอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง ถ้าเธอย้ำเตือนเขา มันคงจะไม่ดีแน่ ชายหนุ่มอาจตื่นรู้ขึ้นมา ถ้าเธอเผลอไปกระตุ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอกอดเสิ่นอี้โจวแน่น “งั้นคุณต้องจำสิ่งที่คุณพูดในวันนี้ให้ดี ๆ นะ”
ท่าทางการพูดแปลก ๆ ของเซี่ยชิงหยวนในคืนนี้ทำให้เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณเนี่ย?”
จากนั้นเขาก็ถอยหลังก้าวหนึ่งเพื่อมองดูภรรยาของตัวเองชัด ๆ
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก” เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นกอดเขาแน่นและไม่ยอมปล่อย
ให้ตายเถอะ ตอนนี้เธอหัวเราะไม่ออกเลย เสิ่นอี้โจวสามารถเดาได้อย่างแน่นอนถ้าเขามองที่ใบหน้าของเธอ
เธอแค่เกลียดตัวเองที่พาหมาป่าเข้ามาในบ้าน ทำให้ผู้ชายของเธอเกือบจะถูกล่อลวง
เมื่อคิดถึงใบหน้าที่หล่อเหลามากเกินไปของฉีจิ่นจือ
เซี่ยชิงหยวนก็บอกตัวเองว่าจะต้องจับตาดูเสิ่นอี้โจวในอนาคตให้มากขึ้น
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉีหยวนซานไปที่บ้านของเซี่ยเจิ้ง
วันนี้เป็นวันเสาร์ ทุกคนล้วนพักผ่อนอยู่บ้าน
เมื่อแม่บ้านเปิดประตูแล้วเห็นฉีหยวนซาน เธอก็รีบต้อนรับเขาเข้ามาทันที “ผู้อำนวยการฉี เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ”
เซี่ยจื่ออี้ได้ยินเสียงและลงมาชั้นล่าง “คุณป้า ใครมาเหรอคะ?”
หลังจากเกิดปัญหากับฉินซูอวี้ คนที่มาเยี่ยมบ้านก็แทบไม่มีเลย โดยเฉพาะพวกเพื่อนสาวที่เมื่อก่อนชวนเธอไปเที่ยวบ่อย ๆ ตอนนี้หายหัวไปหมดแล้ว
แม่บ้านเดินมาอย่างรวดเร็วและตอบว่า “ผู้อำนวยการฉีมาค่ะ”
เซี่ยจื่ออี้รีบมองในกระจกทันทีที่ได้ยินแบบนี้ พอเห็นว่าชุดที่เธอใส่นั้นค่อนข้างดูดีอยู่แล้ว จึงลงไปชั้นล่าง
เธอยิ้มอย่างสุภาพและอ่อนโยน “คุณลุงฉี เชิญนั่งก่อนนะคะ”
เซี่ยเจิ้งที่กำลังเดินอยู่ในสนามก็เดินเข้ามาทันทีหลังจากได้ยินเสียง และรู้สึกไม่คาดคิดว่าคนที่มาเยี่ยมคือฉีหยวนซาน
สายตาของเขาจ้องมองไปยังของที่ฉีหยวนซานถือมาด้วย และเข้าใจอะไรบางอย่างทันที
เขาเดินเข้ามาโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าวันนี้ผู้อำนวยการฉีจะมาเยี่ยมบ้านของผม ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่ได้เตรียมการต้อนรับไว้ล่วงหน้า”
ฉีหยวนซานโบกมือ “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่มานั่งคุยไม่นาน ไม่ต้องมีพิธีรีตองขนาดนั้นหรอก”
เซี่ยจื่ออี้นำชามาให้ทั้งสองคน หลังจากชงเสร็จ เธอก็นั่งข้าง ๆ และวางแผนที่จะฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองด้วย
เมื่อตอนที่ตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ เปลือกตาขวาของเธอกระตุกอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้พอเห็นฉีหยวนซานมาที่บ้าน ความรู้สึกไม่สบายใจของเธอก็รุนแรงขึ้น
ทั้งสองคนเป็นคนเก่าแก่ในหน่วยราชการและพวกเขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไรเพียงแค่มองครั้งเดียวเท่านั้น
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของเซี่ยจื่ออี้ เซี่ยเจิ้งจึงพูดว่า “เช้านี้พ่อตากใบชาไว้ที่สนามหญ้า ลูกไปดูให้ทีสิว่ามันเปียกน้ำค้างแล้วรึยัง”
เซี่ยจื่ออี้รู้ว่าพ่อของเธอต้องการบังคับให้ตัวเองออกไป แต่แค่ทำมันแบบอ้อม ๆ เท่านั้น
แม้เธอกับพ่อจะคุยกันอยู่ทุกวันนี้ แต่น้ำเสียงของทั้งสองก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หากเธอไม่เชื่อฟังเขาตอนนี้ เธอกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวจะแย่ลงไปอีก
หญิงสาวเหลือบมองเซี่ยเจิ้งอย่างวิงวอนและพูดว่า “งั้นหนูจะไปดูให้พ่อเดี๋ยวนี้ค่ะ”
แววตาของเซี่ยจื่ออี้ถูกมองออกโดยเซี่ยเจิ้ง แต่เขาไม่ได้สนใจมากนักและพูดว่า “ไปเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยจื่ออี้เดินจากไปแล้ว ฉีหยวนซานก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ แต่ผมเชื่อว่าคุณคงรู้อยู่แล้วว่าทำไมผมถึงมาพบคุณวันนี้”
เซี่ยเจิ้งพยักหน้า “เอาละ คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลยเถอะ”
ฉีหยวนซานพูดขึ้น “วันนี้ผมมาที่นี่ด้วยใบหน้าไร้ยางอาย ผมอยากจะพูดกับคุณตรง ๆ ว่าการหมั้นหมายของเด็กทั้งสองคนของเราควรถูกยกเลิก”
เซี่ยเจิ้งหยุดชั่วคราวโดยเอามือวางไว้ที่เข่า “ผมขอเหตุผลได้ไหม?”
แม้เซี่ยเจิ้งจะเดาได้ถึงประเด็นที่ฉีหยวนซานจะพูดตั้งแต่แรก แต่การที่ลูกสาวของตัวเองถูกปฏิเสธการแต่งงานมันก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถปล่อยวางได้ง่าย ๆ เขาต้องถามให้ชัดเจนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ฉีหยวนซานคิดเรื่องนี้ทั้งคืนเพื่อที่เขาจะสามารถอธิบายได้อย่างมีเหตุผลที่เหมาะสมที่สุด “คุณก็น่าจะรู้ว่าลูกชายคนเล็กของผมโตมาโดยไม่มีผมและไม่พอใจผมมาเสมอ ก่อนที่จะมามณฑลอวิ๋นเขามีความสัมพันธ์กับใครบางคน แต่เนื่องจากครอบครัวของหญิงสาวไม่เห็นด้วยและบังคับให้เธอแต่งงานกับคนอื่น จิ่นจือก็ดื้อรั้นและไม่สามารถลืมเธอได้โดยบอกว่าเขาจะไม่มองใครอีก”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง “เดิมทีผมคิดว่าหนูจื่ออี้นั้นโดดเด่นมาก จิ่นจือจะชอบเธอแน่นอนถ้าพวกเขาได้ใช้เวลาศึกษากันสักพัก แต่ใครจะรู้ เมื่อคืนเขาทะเลาะกับผมอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“แทนที่จะปล่อยให้ลูก ๆ แต่งงานและทนทุกข์กับความอยุติธรรม เป็นการดีกว่าที่จะล้มเลิกตอนนี้ไม่ไปไกลถึงขั้นการแต่งงาน”
ฉีหยวนซานมองไปที่เซี่ยเจิ้ง “ตระกูลฉีของผมเสียใจต่อคุณในเรื่องนี้จริง ๆ หากคุณอยากได้ตำแหน่งของผมในอนาคต เพียงแค่ขอมาได้เลย”
ฉีหยวนซานใช้สัญญาเพื่อแลกกับการยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างทั้งสองครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้เขาคิดมาดีแล้ว
เพราะเขารู้จักนิสัยของเซี่ยเจิ้ง อีกฝ่ายไม่มีวันขอให้ตระกูลฉีทำอะไรหลังจากเหตุการณ์นี้แน่
นี่คือความภาคภูมิใจในตัวเองของเซี่ยเจิ้ง และเป็นสิ่งที่เขาชื่นชมมากที่สุดเกี่ยวกับตัวสหายคนนี้
แน่นอน เซี่ยเจิ้งกล่าวว่า “ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพูด ขนาดแตงโมช้ำนั้นยังไม่หวานนับประสาอะไรกับเรื่องสำคัญอย่างการแต่งงาน เราปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ และไม่ต้องพูดถึงมันอีกในอนาคตก็พอ”
“ท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงการตกลงกันส่วนตัวระหว่างเราสองคนเท่านั้น หากเด็กทั้งสองไม่ได้มีใจตรงกันจริง ๆ เราก็ควรทำให้ชัดเจนและเรื่องก็จะได้ยุติลง”
“พ่อคะ หนูไม่เห็นด้วย!” ในขณะเดียวกันนี้เซี่ยจื่ออี้รีบวิ่งเข้ามาจากประตูที่เชื่อมกับสนามหญ้า