กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 362 รสชาติของการไม่ได้เป็นที่ต้องการ
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 362 รสชาติของการไม่ได้เป็นที่ต้องการ
บทที่ 362 รสชาติของการไม่ได้เป็นที่ต้องการ
บทที่ 362 รสชาติของการไม่ได้เป็นที่ต้องการ
ย้อนกลับไปในเช้าวันเดิม
หลังจากที่เสิ่นอี้โจวไปทำงานในตอนเช้า เขาก็จำได้ว่าเซี่ยชิงหยวนบอกให้กลับบ้านเร็ว แล้วเขาก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง
ดังนั้นในตอนท้ายของวันเขาจึงรู้สึกมีแรงบันดาลใจอย่างล้นเหลือ และค่อนข้างรอคอยการมาถึงของตอนเย็น
ทว่าเมื่อกลับบ้านและมองไปยังบ้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง ชั่วขณะหนึ่งเขาสงสัยว่าตัวเองเข้าบ้านผิดหรือเปล่า
และทันทีที่เขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น “สุขสันต์วันเกิด!”
เสิ่นอี้โจว “…”
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อี้โจว สุขสันต์วันเกิดค่ะ”
เสิ่นอี้หลินสวมหมวกฟางที่หลิงหลินซื้อมาให้สำหรับเขา ซึ่งดูคล้ายกับคนป่าเถื่อนชาวแอฟริกันเล็กน้อย เด็กชายจับมือกับเถาเหนียนซีซึ่งแต่งตัวคล้ายกันกระโดดออกมา “โฮ่ โฮ่ พี่ใหญ่สุขสันต์วันเกิด!”
มีอยู่ชั่ววินาทีที่เสิ่นอี้โจวต้องการวิ่งหนี
แต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว พยักหน้าและยิ้มให้ทุกคน “ขอบคุณนะทุกคน”
ทันใดนั้นสายตาของเขาสะดุดที่ร่างสูงในกลุ่มคน และจ้องมองตาค้างโดยไม่ขยับ
ฉีจิ่นจือชูแก้วในมือให้เขา ดวงตาของอีกฝ่ายดูเฉยเมยและเกียจคร้าน
เสิ่นอี้โจวยกมุมริมฝีปากขึ้นและกึ่งยิ้มตอบ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองถูกจับตามองโดยเซี่ยชิงหยวน ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง
เมื่อกี้ทั้งสองคนนี้แอบส่งสายตาให้กันอย่างลับ ๆ รึเปล่าน่ะ?
พวกนายคิดว่าฉันตายแล้วรึไงหะ?
ต้องเป็นฉีจิ่นจือที่ริเริ่มติดต่อกับเสิ่นอี้โจวแน่ เมื่อกี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด ว่าแต่…ผู้ชายของเธอปกติอยู่แล้วใช่ไหม?
ด้วยความคิดนี้ หญิงสาวจึงยืนขวางตรงหน้าฉีจิ่นจือ ยิ้มให้เสิ่นอี้โจวแล้วพูดว่า “อาหารพร้อมแล้ว เราเริ่มกินกันเลยไหม?”
เซี่ยชิงหยวนเริ่มเตรียมอาหารมื้อนี้ตั้งแต่เช้า ป้าอู๋และหลิงหลินก็คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ต่อมาเมื่อหลายคนมาที่บ้านและเห็น จึงพากันมาช่วยและรวมตัวกันมากขึ้น
หลายคนมาร่วมช่วย พูดคุยสนุกสนานกัน บางคนก็ดูแลเด็ก ๆ กลิ่นหอมของอาหารในครัวก็หอมฟุ้งเข้าจมูกตลอดเวลา ดึงดูดแมลงตะกละไปทุกที่
เนื่องจากทุกคนมีการศึกษาที่ดี จึงห้ามใจไม่ให้เข้าไปในครัวเพื่อยกฝาหม้อขึ้นแอบดูได้
ทว่าก่อนจะถึงเวลาเลี้ยงฉลอง เซี่ยชิงหยวนก็เสิร์ฟอาหารที่เตรียมไว้บางส่วนออกมา และขอให้พวกผู้ใหญ่ป้อนอาหารให้เหล่าเด็ก ๆ ที่หิวโหยก่อน
ผู้ใหญ่ที่กำลังป้อนอาหารลูกหลาน พอเด็ก ๆ กินอาหารคำแล้วคำเล่าก็อยากจะกินสิ่งที่ป้อนบ้างเหลือเกิน ยิ่งเห็นก็ยิ่งท้องร้อง
แต่ด้วยมีคนมาร่วมงานจำนวนมากกว่าที่คิด หลิงเยี่ยจึงกลับไปที่บ้านของเขาอีกครั้งและขนโต๊ะยาว ๆ มาอีกตัวเพื่อให้เหล่าเด็ก ๆ ที่กินอิ่มแล้วนั่งที่โต๊ะแยก
โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารมากมายสะดุดตาสำหรับทุกคน อาหารบางจานแม้แต่ในร้านอาหารพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ
ตรงกลางมีต้มเครื่องในเนื้อวัวชามใหญ่ที่นำกลับมาจากร้าน และซุปไก่ใส่พุทราแดง ตั่งเซินและเห็ด ปกคลุมด้วยชั้นน้ำมันบางสีเหลือง
นอกจากนี้ยังมีหมูตุ๋นชาผูเอ่อร์ ซี่โครงหมูกระเทียม เนื้อแกะผัดต้นหอม หมูผัดเปรี้ยวหวาน เป็ดย่างเบียร์ ปลาย่างตะไคร้ กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียมหอม ฟองเต้าหู้ต้มนม หน่อไม้ดอง ผักโขม ส่วนอาหารหลักก็คือข้าว เส้นหมี่ผัดเปรี้ยวหวาน เส้นหมี่รสเผ็ด…มีทั้งแบบเผ็ดหรือไม่เผ็ด และมีทั้งแบบเสฉวนหรือกวางตุ้ง ซึ่งถูกใจทุกคน
เด็ก ๆ กำลังเล่นอยู่ในสนาม ผู้ใหญ่ก็กินข้าวและคุยกันอยู่ข้างใน บรรยากาศมีชีวิตชีวามาก
ด้วยโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร ทุกคนแทบจะต้องเกาะกำแพงเพื่อเดินได้อย่างสะดวกหลังกินเสร็จ
พวกผู้หญิงช่วยกันทำความสะอาดหลังกินเสร็จ ในขณะที่พวกผู้ชายดูแลเด็ก ๆ และพูดคุยกัน
เนื่องจากมีผู้หญิงและเด็กอยู่ที่นี่ด้วย ผู้ชายจึงไม่สูบบุหรี่ และถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับคนที่พวกเขารู้จักเพียงแค่ในที่ทำงานเท่านั้น
เมื่อเทียบกับเสิ่นอี้โจวที่กำลังนั่งอยู่ตรงกลาง ฉีจิ่นจือได้ออกไปที่ริมสนามบ้านแล้วสูบบุหรี่เพียงลำพัง
ชายหนุ่มพิงรั้วไม้ที่สร้างไว้ให้ไม้เลื้อยที่เซี่ยชิงหยวนปลูกไว้ ซึ่งตอนนี้กำลังพันอยู่เต็มรั้วและเบ่งบานไปด้วยดอกไม้ช่วงสุดท้ายของปี
เขาปรารถนาความรื่นเริง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบความรื่นเริง
เพราะเขารู้อยู่ในใจว่าถึงแม้ความรื่นเริงจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ไม่ว่าเขาจะเข้าใกล้มันแค่ไหน มันก็ไม่เคยเป็นของเขา
เช่นเดียวกับตอนที่เขายังเป็นเด็ก ในช่วงเทศกาลตรุษจีนเมื่อเห็นพ่อแม่ของเด็กคนอื่น ๆ รวมตัวกันหัวเราะคิกคัก
เขาก็มักจะแอบดูเงียบ ๆ อยู่ที่หน้าต่างและมองด้วยความอิจฉา
เมื่อโจวโม่รู้ เธอจะคว้าหูแล้วดุด่าเขาทันที “นั่นคือสิ่งที่แกควรจะอยากดูเหรอหะ? แกอิจฉาคนอื่นรึไง? ถ้าแกมีความสามารถนักก็ไปขอให้พ่อของแกกลับมาซะสิ! ไม่รู้รึไงว่าพ่อของแกไม่ต้องการแกแล้วน่ะ?”
“ผมรู้!” ฉีจิ่นจือยังเด็กและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดูบ้านของคนอื่นเฉลิมฉลองปีใหม่ไม่ได้ แต่เขากัดริมฝีปากและปฏิเสธที่จะหลั่งน้ำตา แม้จะถูกแม่ตัวเองตบหน้าแค่ไหนก็ตาม
เมื่อฟังเสียงหัวเราะในบ้าน ฉีจิ่นจือรู้สึกได้ถึงความแห้งเหือดในจิตใจที่อธิบายไม่ได้ เขาดับก้นบุหรี่และกำลังจะหาเหตุผลที่จะออกจากงาน แต่เมื่อหันหลังกลับ เขาเห็นเซี่ยชิงหยวนออกมาจากครัว
มือของเธอยังมีคราบน้ำอยู่ และยืนห่างออกไปไม่กี่เมตรแล้วมองดูเขา
แสงสว่างในสนามบ้านค่อนข้างสลัว แต่แสงจากห้องนั่งเล่นก็ชดเชยความสลัวนี้ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวถูกอาบด้วยแสงสว่าง
ใบหน้าที่เงียบสงบแต่ดูเป็นประกาย คิ้วขมวดและดวงตาที่เป็นกังวล ทำให้หัวใจของเขาสงบลงในทันที
มือของฉีจิ่นจือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างช้า ๆ พลางกำหมัดแน่น เขารู้สึกอยากจะทำอะไรสักอย่างแต่ก็สิ้นหวัง
ปลายเท้าของเขาหันไปในทิศทางของเซี่ยชิงหยวน แต่ทันทีที่เขาก้าวออกไป เฟิงหว่านก็เปิดประตูออกมาจากบ้านแล้วเอ่ยเรียก “ชิงหยวน ฉันเห็นว่าซุปของเธอดูเหมือนจะได้ที่แล้วน่ะ มาดูหน่อยไหม?”
เซี่ยชิงหยวนสะดุ้งและรีบตอบ “ได้ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อกี้ที่เซี่ยชิงหยวนเดินออกมา เธอเห็นฉีจิ่นจือสูบบุหรี่เพียงลำพัง และกำลังเหลือบมองไปทางห้องนั่งเล่น
เธอจึงมองไปยังห้องนั่งเล่นเช่นกัน และเห็นเสิ่นอี้โจวอย่างรวดเร็ว
หัวใจของเธอเต้นรัว สงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรเกี่ยวกับเสิ่นอี้โจวอีกหรือไม่
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เฟิงหว่านก็เรียกหาซะก่อน ซึ่งทำได้แค่พยักหน้าให้ฉีจิ่นจือแล้วเข้าไปในบ้าน
ฉีจิ่นจือมองไปยังแผ่นหลังอันสง่างามของเซี่ยชิงหยวน ลังเลที่จะพูดบางอย่าง และในที่สุดก็ไม่ได้หยุดเธอเอาไว้
เขาหัวเราะกับตัวเอง หมดความสนใจที่จะอยู่ต่อไป ชายหนุ่มเข้าไปอำลาทุกคนแล้วจากไปทั้งอย่างนั้น
เขาเดินคนเดียวบนถนนของเขตที่พักอาศัย แสงไฟสลัว ๆ ดูเหมือนจะปกปิดความเหงาของเขาได้ดีกว่า
เขามองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งแล้วหยุดชั่วคราว
เซี่ยจื่ออี้ยืนอยู่ตรงหน้าฉีจิ่นจือ
เธอปล่อยผมปลิวว่อนและสวมชุดสีขาว หากฉีจิ่นจือมีจิตใจไม่เข้มแข็งพอ เขาอาจจะตกใจและคิดว่าเป็นผีหิวโหยมาขอส่วนบุญไปแล้ว
ภายใต้แสงจันทร์และไฟถนน ดูเหมือนว่าจะมีน้ำตาอยู่บนใบหน้าของเธอ
ฉีจิ่นจือตั้งใจจะเมินเฉย
เขาหรี่ตาลงแล้วคิดจะเดินผ่านเธอไปโดยไม่แยแส
แต่เมื่อเขากำลังจะเดินพ้น เซี่ยจื่ออี้ก็พูดว่า “มันรู้สึกแย่มากใช่ไหมล่ะที่ไม่ใช่คนที่ถูกเลือก?”
ฉีจิ่นจือหยุดเพียงชั่ววินาที แล้วเดินไปข้างหน้าต่อไป
เซี่ยจื่ออี้หันกลับไปหาและพูดต่อ “แค่มองดูก็เจ็บปวดแล้วที่ไม่สามารถอ้างสิทธิ์เป็นของคุณเองได้ ใช่ไหม?”
เป็นแบบที่เธอคิด ในที่สุดฉีจิ่นจือก็หยุดหลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้
เซี่ยจื่ออี้มองดูแผ่นหลังที่เย่อหยิ่งของเขา และรู้สึกอยากแก้แค้น “คุณชอบเธอแล้วยังไง? เธอแต่งงานแล้ว! ถ้าคุณมีความสามารถนัก…อั่ก!”
ทันใดนั้นมือเรียวยาวที่เย็นชาข้างหนึ่งก็คว้าคอของเธอไว้
หญิงสาวอึดอัดมากจนพูดไม่ออก และเจ็บคออย่างรุนแรง
ฉีจิ่นจือมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ยังอยากแพร่ข่าวลือบ้าบออะไรอีกหะ?”