กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 364 ภักดีเพียงคุณตลอดไป
บทที่ 364 ภักดีเพียงคุณตลอดไป
บทที่ 364 ภักดีเพียงคุณตลอดไป
เป็นอีกครั้งที่เซี่ยชิงหยวนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นเธอจึงถามด้วยความหวังสุดท้ายที่อยู่ในใจ “ถ้าอย่างนั้นเฮ่ออวี้เฟิง… ยังชอบผู้หญิงคนนั้นอยู่รึเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวส่ายหัว “ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก ผมรู้แค่ว่าตั้งแต่เขาออกมาจากเรือนจำก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยมาอยู่รอบ ๆ ตัวเขาเลย”
ยังชอบผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกไหม? ยังคำนึงหาอยู่หรือเปล่า?
เรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอาเซียง
ถ้าเฮ่ออวี้เฟิงเป็นคนช่างพูดสักหน่อย มันจะง่ายกว่าในการพูดคุยกับเขา แต่เขากลับเป็นคนที่เงียบและเก็บตัวมากเกินไป
เกรงว่าแม้เขาจะสังเกตเห็นการแสดงออกของอาเซียง เขาก็คงเป็นเหมือนเดิม
เสิ่นอี้โจวกอดไหล่ภรรยา “เรื่องแบบนี้ล้วนมีด้วยตัวแปรมากมาย เราไปยุ่งมากไม่ได้หรอก”
เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเสิ่นอี้โจว “ใช่ ฉันคงทำได้แค่มองดูเท่านั้นสินะ”
“เป็นที่รักของเราแต่เป็นพิษสำหรับคนนอก แม้ว่าเมื่อมองจากมุมคนนอกมันจะเป็นกองเพลิง แต่คนที่มีความรู้สึกให้ก็ยินดีที่จะกระโดดเข้าไปด้วยความเต็มใจ”
หากคนเราสามารถฟังคำแนะนำของผู้อื่นได้อย่างมีเหตุผลตลอดเวลา คงไม่มีผู้ชายบ้า ๆ และผู้หญิงที่ต้องพบกับผิดหวังมากมายขนาดนี้ในโลกหรอก
เธอสามารถบอกเตือนอาเซียงได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ถลำลึกขนาดนั้น
แต่หากอาเซียงยังเลือกที่จะเดินต่อไปในเส้นทางนี้ เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะลองสนับสนุนเขาดู
ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเลือกบางอย่างจะสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้หลังจากที่ได้สัมผัสกับมันด้วยตัวเองแล้วเท่านั้น
…
ณ สถานีรถไฟ เซี่ยชิงหยวนไปถึงในบ่ายวันถัดมา
ครั้งนี้เดินทางจากคุนเฉิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลอวิ๋น พวกเธอใช้เวลาน้อยกว่าจากเตียนเฉิงครึ่งวันเท่านั้นเพื่อไปยังเมืองกว่างโจว
เมื่อเสิ่นอี้โจวมาส่งถึงสถานี เซี่ยชิงหยวนยังลังเลที่จะพูดบางอย่างอยู่ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดอย่างอ้อม ๆ “ช่วงที่ฉันไม่อยู่บ้านแล้วคุณต้องอยู่คนเดียว อย่าทำอะไรแปลก ๆ นะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้มออกมาหลังจากได้ยินภรรยาพูดแบบนั้น “อะไรที่เรียกว่าแปลกเหรอ?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามกลับเซี่ยชิงหยวน
เธอจะสามารถสื่อความหมายในคำพูดของตัวเองโดยไม่กระตุ้นความคิดอย่างนั้นของเสิ่นอี้โจวได้ยังไงกันนะ?
หญิงสาวคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ก็เช่น…พฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรมและศีลธรรม…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจวยิ่งสดใสยิ่งขึ้น “อย่ากังวลไปเลย ผมจะภักดีเพียงคุณตลอดไป”
ประโยคนี้ทำให้หัวใจของเซี่ยชิงหยวนมีความสุขมาก
เสิ่นอี้โจวดึงเธอเข้ามากอดไว้ใต้เสื้อคลุมของเขา “คุณดูดเวลาและพลังงานทั้งหมดของผมไปแล้ว ผมจะมีความคิดอื่นได้ยังไงกัน หืม?”
เมื่อเขาพูดว่า ‘หืม’ มือใหญ่ก็ทาบลงมาบนแผ่นหลังของเธอ
แล้วสัมผัสจากฝ่ามือก็ไล่ลงจากเอวไปที่บั้นท้ายอันกลมกลึง
คนภายนอกจะมองไม่เห็นอะไรเลยเพราะเสื้อคลุมยาวของเสิ่นอี้โจวที่ปกปิดอยู่ แต่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้เซี่ยชิงหยวนหน้าแดงได้แล้ว
พอคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับเธอเมื่อคืนนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พยายามผลักตัวเองออกจากเขา พร้อมเบือนหน้าหนีด้วยความอายและรำคาญในดวงตาของเธอ “ปล่อยฉันนะ”
เสิ่นอี้โจวไม่ได้ทำอะไรต่ออีก เขาเพียงจูบหน้าผากอันเรียบเนียนของภรรยาแล้วปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด
จากนั้นจึงจับมือไว้แทน “คราวนี้เฮ่ออวี้เฟิงจะรอรับคุณที่สถานีปลายทางนะ ส่วนผมจะรอคุณกลับมา”
เซี่ยชิงหยวนไม่กล้าสบตาเขาแล้วพูดว่า “อื้ม”
…
ตั๋วรถไฟของเซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงเป็นคันเดียวกัน และที่นั่งก็หันหน้าเข้าหากัน โดยมีเพียงช่องว่างตรงกลางระหว่างที่นั่งคั่นกลางอยู่เท่านั้น
เวลาส่วนใหญ่ที่อยู่บนรถไฟคือการพักผ่อน แต่บางช่วงก็นั่งคุยกัน
เมื่อไปถึงสถานีรถไฟเมืองกว่างโจวก็เป็นเวลาเย็นแล้ว
ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ฟ้าจึงมืดเร็ว พอหกโมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว ทันทีที่อาเซียงเห็นเฮ่ออวี้เฟิงเธอก็โบกมืออย่างตื่นเต้น
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ข้าง ๆ และเฝ้าดู ทำได้เพียงแอบถอนหายใจเท่านั้น
เธอยังเหลือบมองอีกด้วย แม้ว่าใบหน้าของเฮ่ออวี้เฟิงจะไม่หล่อเป็นพิเศษ แต่เขาก็มีเสน่ห์แบบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ในตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาก็ดูลึกล้ำยิ่งขึ้น ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้หญิงบางคนจะชอบแบบนี้
ด้วยบุคลิกแบบนี้ทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางผู้คนไม่น้อย
เฮ่ออวี้เฟิงก้าวมาข้างหน้า ช่วยถือกระเป๋าเดินทางของทั้งสองสาวอย่างเป็นธรรมชาติแล้วพูดว่า “รถของผมจอดรออยู่ข้างนอก ผมจะพาพวกคุณไปที่พักก่อนแล้วกัน”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “ขอบคุณมากค่ะ และต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนอีกแล้วนะคะ”
อาเซียงจับแขนของเซี่ยชิงหยวนแล้วนั่งเบาะหลังด้วยกัน ในขณะที่สนทนา อาเซียงก็เหลือบมองเฮ่ออวี้เฟิงจากมุมหางตาของเธอเป็นครั้งคราว
แต่เฮ่ออวี้เฟิงยังคงขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแน่นและขับรถอย่างตั้งใจ
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เจออาเซียงมาเกือบเดือนแล้ว และเด็กสาวก็สวยกว่าเดิมด้วย
แม้สีผิวจะยังคงเหมือนเดิม แต่ใบหน้ากลับดูมีมิติและดูละเอียดอ่อน มีเสน่ห์มากขึ้น แม้จะดูไม่น่าทึ่งในตอนแรกแต่ยิ่งมองก็ยิ่งดึงดูดสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ
ต้องบอกว่าอาเซียงเป็นสาวชาวไตที่สวยที่สุดเท่าที่เซี่ยชิงหยวนเคยเห็นมาเลย
เฮ่ออวี้เฟิงจัดให้ทั้งสองคนพักอยู่โรงแรมเดียวกับที่มาเมื่อครั้งที่แล้ว เขาช่วยพวกเธอยกสัมภาระไปที่ห้องและวางแผนที่จะออกไปทันที
เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกมากแล้ว เซี่ยชิงหยวนจึงพูดว่า “พี่เฮ่อ คืนนี้มาทานอาหารเย็นด้วยกันนะ”
เฮ่ออวี้เฟิงอุตส่าห์มาช่วยส่งแถมยังช่วยยกของขึ้นมาบนห้องอีก พวกเธอไม่สามารถปล่อยให้เขากลับไปทั้ง ๆ ที่ท้องว่างแบบนี้เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นได้
เฮ่ออวี้เฟิงหยุดและพูดว่า “ขอบคุณครับ แต่ผมต้องกลับไปทำอาหารให้แม่ ท่านรออยู่ที่บ้านน่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยชิงหยวนได้ยินเฮ่ออวี้เฟิงพูดถึงครอบครัวของเขา
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้คิดมาก “งั้นถ้าสะดวกเมื่อไหร่ ฉันขอเชิญพี่กับคุณป้ามาทานอาหารด้วยกันนะคะ เรามากว่างโจวหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รู้จักคนที่บ้านของพี่เลย”
มันไม่ใช่ว่าเซี่ยชิงหยวนอยากผูกสัมพันธ์ให้สนิทกับเขา แต่เฮ่ออวี้เฟิงมักจะมีใบหน้าที่เย็นชาราวกับว่าไม่ต้องการพูดอะไรเลยสักคำในชีวิตนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
ทว่าเฮ่ออวี้เฟิงยังคงปฏิเสธ “อย่าดีกว่าครับ แม่ของผมสายตาไม่ค่อยดี เลยไม่สะดวกที่จะออกจากบ้าน ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณมากครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และอาเซียงก็เปิดปากด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
มันไม่ใช่การดูถูกหรืออะไรเลย แต่เป็นเพราะจู่ ๆ เฮ่ออวี้เฟิงก็พูดเกี่ยวกับสถานการณ์ของแม่เขาขึ้นมา
เซี่ยชิงหยวนอยากจะพูดว่า ‘ไม่เป็นไร มาด้วยกันเถอะ’ แต่ก็พูดออกไปไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้เพียงแค่การที่เธอเอ่ยปากพูดเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่รู้ว่าสายตาคุณป้าไม่ค่อยดีน่ะค่ะ”
หลังจากหยุดชั่วคราว เธอก็ยิ้มอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “เพื่อเป็นการสะดวกต่อคุณและคุณป้า งั้นฉันขอไปเยี่ยมท่านแทนไม่ทราบว่าจะได้ไหมคะ?”
ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้เรื่องบ้านของเขา แต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะทำแบบนี้
เฮ่ออวี้เฟิงพยักหน้าและไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก “พวกคุณพักผ่อนกันเถอะ ผมขอตัวก่อน”
เซี่ยชิงหยวนส่งเฮ่ออวี้เฟิงที่ประตูและหันมายิ้มกับอาเซียง “ไป เราไปกินข้าวกันเองเถอะ”
เนื่องจากเหล่าไต้ได้รับสายโทรศัพท์ของเซี่ยชิงหยวนก่อนหน้านี้แล้ว เขาจึงยุ่งอยู่กับการหาสินค้าให้เธอตลอดทั้งวัน โดยก่อนที่หญิงสาวออกเดินทาง เขาโทรมาบอกแล้วว่าเขาอยู่นอกเมือง ไม่สามารถไปรับเธอได้และขอโทษ
ดูเหมือนว่าอาเซียงจะยังไม่ออกจากภวังค์ของข้อมูลที่เธอเพิ่งได้รู้เมื่อกี้นี้ หญิงสาวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า “ค่ะพี่เซี่ย”
พอเห็นท่าทางของอีกฝ่าย เซี่ยชิงหยวนจึงคิดว่าจะใช้โอกาสนี้บอกอาเซียงว่าเธอรู้อะไรเกี่ยวกับเฮ่ออวี้เฟิงจากเสิ่นอี้โจวมาบ้าง
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักในการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่เธอเป็นคนพาอาเซียงออกมาเจอโลกภายนอกเอง และความรู้สึกของอาเซียงก็เริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนตัวแล้วเธอหวังว่าอาเซียงจะมีชีวิตที่ดีและมีความสุขสบายใจอยู่ตลอด ดังนั้นการรู้เรื่องของเฮ่ออวี้เฟิงล่วงหน้าย่อมดีกว่าที่จะรู้ทีหลังเมื่อประสบปัญหา
เซี่ยชิงหยวนพูดขึ้น “ก่อนที่จะมา พี่ได้คุยกับพี่เขยของเธอเกี่ยวกับพี่เฮ่อมาด้วย”
อาเซียงพยักหน้าพลางส่งเสียง “อืม” และเธอก็เงียบลง
เซี่ยชิงหยวนพูดต่อ “พี่ได้ยินมาว่าครั้งหนึ่งเฮ่ออวี้เฟิงต้องเข้าคุกเพราะผู้หญิงคนหนึ่งน่ะ”