กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 386 คุณนายเสิ่นเป็นคนจริงใจ!
บทที่ 386 คุณนายเสิ่นเป็นคนจริงใจ!
บทที่ 386 คุณนายเสิ่นเป็นคนจริงใจ!
เซี่ยชิงหยวนซ่อนความตื่นตระหนกของตนไว้พลางเอื้อมมือไปรวบผม ดูเหมือนจะประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน “จริงเหรอ? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันเคยไปมีมิตรภาพเก่ากับคุณชายฉีตอนไหนนะคะ”
เธอมองไปที่เซี่ยจื่ออี้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ไม่สู้คุณเซี่ยช่วยบอกให้ฟังสักหน่อยสิคะว่าฉันไปรู้จักกับคุณชายฉีได้ยังไง?”
เธอไม่รู้ว่าเซี่ยจื่ออี้รู้เรื่องนี้ได้ยังไง เพราะถึงยังไงเธอต้องไม่ยอมรับว่าตัวเองและฉีจิ่นจือเคยพบกันที่เมืองกว่างโจว
หากเรื่องไปถึงหูของฉีหยวนซานเข้า เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเอาได้
โชคดีที่อาเซียงออกไปซื้อแยมให้เธอ ถ้าหญิงสาวอยู่ที่นี่ด้วย บางทีเซี่ยจื่ออี้อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างแน่
เซี่ยจื่ออี้ยกริมฝีปากขึ้น “ฉันเองก็เพียงบังเอิญไปได้ยินมาครั้งเดียวเท่านั้นน่ะค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าคุณนายเสิ่นไปรู้จักกับคุณฉีได้ยังไง”
“โอ้” เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ที่แท้ คุณเซี่ยก็ไปได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งนี่เอง แล้วคาดเดาไปตามที่ใจคิดสินะคะ”
หญิงสาวถอนหายใจพลางทำเสียงจุ๊ ๆ “คุณเซี่ย ไม่คิดเลยนะคะว่าลูกสาวของท่านเซี่ยอย่างคุณจะมีนิสัยแย่ ๆ แบบนี้”
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนพูดแบบนี้ออกมา ทุกคนจึงมองไปยังเซี่ยจื่ออี้ด้วยท่าทีสนใจ
เรื่องราววุ่นวายระหว่างเซี่ยจื่ออี้และฉินซูอวี้ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ผู้คนในชุมชนละแวกนี้ต่างก็เคยได้ยินมาไม่มากก็น้อย
มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นเซี่ยจื่ออี้ และตอนนี้พวกเธอได้เห็นหล่อนตัวเป็น ๆ แล้ว ทุกคนย่อมอยากรู้อยากเห็น
เซี่ยจื่ออี้นั้นดูมีความเป็นผู้ดี แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนตีสองหน้า
“เธอ…” เซี่ยจื่ออี้ระงับความโกรธเอาไว้ ก่อนจะแสดงสีหน้าท่าทีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมออกมา “คุณนายเสิ่น ฉันเองย่อมไม่พูดอะไรที่ไม่มีหลักฐานหรอกนะคะ เพียงแต่ใครเป็นคนบอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้นั้น ต้องขออภัยที่ไม่อาจทรยศอีกฝ่ายได้ค่ะ อีกฝ่ายบอกฉันว่าคุณนายเสิ่นจะไม่ยอมรับอย่างแน่นอนหากได้ยินเรื่องนี้ เดิมทีฉันก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ”
เธอเหลือบมองที่เผ่ยเยว่ ซึ่งดูเหมือนจะยังคงงุนงงและพูดต่อว่า “อันที่จริง การรู้จักกันในอดีตของคุณนายเสิ่นกับคุณชายฉีก็ไม่ใช่เรื่องไม่สมควรอะไร คุณนายเสิ่นไม่จำเป็นต้องอ่อนไหวขนาดนั้นหรอกมั้งคะ”
เซี่ยชิงหยวนเมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยจื่ออี้ก็อดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความโมโหไม่ได้
หญิงสาวลูบท้องของเธอพลางเตือนตัวเองว่าอย่าโกรธ
เซี่ยจื่ออี้สังเกตเห็นทีท่าของเซี่ยชิงหยวน สายตาของหล่อนพลันมองไปยังท้องของเธอ จ้องมองอยู่เงียบ ๆ
เซี่ยชิงหยวนกอดอกพร้อมเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “คุณเซี่ย สิ่งที่คุณพูดนั้นน่าสนใจจริง ๆ ค่ะ ไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ฉันอยากให้คุณเซี่ยช่วยตอบคำถามของฉันสักสองข้อก่อน”
“ข้อแรก ในเมื่อคนคนนั้นต้องการให้คุณเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วทำไมคุณถึงยังหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลล่ะคะ? หากฉันต้องการให้คนขายข่าวลือรายนี้รับผิดชอบ เขาหรือเธอคนนั้นจะทำยังไง? ในเมื่ออีกฝ่ายเชื่อใจคุณ การที่คุณทำแบบนี้ ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำให้อีกฝ่ายตกไปอยู่ในความผิดบาปหรอกเหรอ?”
“ข้อที่สอง แม้ว่าคุณชายฉีกับฉันจะรู้จักกัน แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่ฉันจะประจบประแจงเขา แล้วทำไมฉันจะต้องปฏิเสธด้วย? ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นคุณที่ปลุกปั่นเรื่องนี้ขึ้น ฉันได้แสดงออกอะไรมากมายหรือเปล่า? คุณเจอฉันแค่ไม่กี่ครั้งก็รู้จักฉันดีขนาดนี้เลยเหรอคะ? หรือคุณเป็นคนที่ชอบเอาแต่คิดร้ายกับคนอื่น?”
คนที่สามารถซื้อเสื้อผ้าในร้านยามต้องมนต์ได้ล้วนไม่ใช่คนโง่ ถ้อยคำของเซี่ยชิงหยวนนั้นทรงพลังเสียจนทำให้พวกเธอพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากบรรดาลูกค้าเก่าแล้ว ยังมีลูกค้าใหม่ที่มาที่นี่เพราะชื่อเสียงของร้าน และพวกเธอต่างมีความประทับใจอันดีต่อเซี่ยชิงหยวน ประกอบกับทุกคนยังเคยได้ยินเรื่องของเซี่ยจื่ออี้มาก่อน ดังนั้นพวกเธอจึงมองหล่อนด้วยความอคติไปโดยปริยาย
เซี่ยจื่ออี้ยากที่จะรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ เธอพลันเม้มปากเล็กน้อย “ฉันก็แค่พูดเล่น ๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ ไม่คิดว่าคุณนายเสิ่นจะคิดจริงจังใหญ่โตเลยนะคะ”
เธอดึงตัวเผ่ยเยว่มาใกล้และพูดว่า “ทุกคนบอกว่าคุณนายเสิ่นนั้นใจดีอ่อนโยน ที่วันนี้ฉันอยากพาเธอมาสักหน่อย เพราะคิดว่าบางทีด้วยความสัมพันธ์ของคุณนายเสิ่นกับคุณชายฉี ไม่แน่ว่าสองคนอาจกลายเป็นเพื่อนกันในอนาคตก็ได้”
เธอทำหน้าลำบากใจและถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดซะแล้ว”
เผ่ยเยว่ยิ้มพลางส่ายหัว “ไม่หรอก เธอไม่ได้คิดผิด คุณนายเสิ่นเป็นคนใจดีอ่อนโยนจริง ๆ”
หญิงสาวเดินไปข้างเซี่ยชิงหยวน นิ้วเรียวยาวจับเข้าที่แขนของเซี่ยชิงหยวนและมองอย่างแรงกล้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ฉันคิดว่าคุณนายเสิ่นเป็นคนจริงใจจริง ๆ !”
เซี่ยจื่ออี้ “…”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังใบหน้าเซี่ยจื่ออี้ที่มืดหม่นมากขึ้น ทำเอาเธอเกือบจะหัวเราะออกมา
เธอเอื้อมมือไปตบหลังมือเผ่ยเยว่ “ฉันก็ชอบน้องสาวมาก ๆ เหมือนกันนะ”
เซี่ยจื่ออี้ต้องการทำลายภาพลักษณ์ของเธอที่อยู่ในใจของเผ่ยเยว่ แต่ไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นคนที่ล้มไม่เป็นท่าเสียเอง สิ่งนี้ทำให้เธอเบิกบานใจอย่างยิ่ง
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามีคนในชุมชนไม่มากนักที่รู้เรื่องที่ว่าครั้งหนึ่งตระกูลฉีและตระกูลเซี่ยตั้งใจจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน การที่เธอจะพูดออกมานั้นย่อมไม่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นเธออาจถือโอกาสในวันนี้เพื่อใช้เหตุการณ์นี้ในการตบหน้าเซี่ยจื่ออี้ไปแล้ว
เธอมองไปยังใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเผ่ยเยว่ หน้าตาของหญิงสาวดูฉลาดปราดเปรื่องและมีความเจ้าเล่ห์ปะปนอยู่
ดูเหมือนว่าหลานสาวของตระกูลเผ่ยคนนี้ไม่ใช่คนโง่ อีกทั้งคุณนายเผ่ยเองก็ไม่ใช่คนอ่อนแอไร้ความสามารถ เกรงว่าเซี่ยจื่ออี้จะคำนวณผิดพลาดเสียแล้ว
ใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้ดำคล้ำ ทั้งยังซีดขาว จึงทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมเท่านั้น “เสี่ยวเยว่ เธอเจอเสื้อผ้าที่เหมาะกับเธอบ้างไหม ถ้าเกิดว่าเธอไม่ชอบ พวกเราไปดูร้านอื่นกันดีไหม?”
เซี่ยจื่ออี้ส่งผ่านความคาดหวังในแววตาของเธอไปยังเผ่ยเยว่อย่างไม่สงวนท่าที โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะออกจากที่นี่ไปพร้อมกับเธอ
แต่ใครจะรู้ว่าเผ่ยเยว่กลับพยักหน้าเสียอย่างนั้น “มีสิคะ เสื้อผ้าในร้านนี้หลายชุดที่ฉันดู ๆ แล้วชอบหมดเลย”
เซี่ยชิงหยวนรับบทสนทนา “ทางร้านมีสินค้ามากมายสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารักแบบคุณด้วยนะคะ และในโกดังยังมีบางสไตล์ที่ยังไม่ได้นำออกมา หากคุณเชื่อใจฉัน ฉันจะช่วยแนะนำให้ค่ะ”
เผ่ยเยว่รีบพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณนายเสิ่นแล้วค่ะ!”
เมื่อหญิงสาวตอบรับ เซี่ยชิงหยวนจึงบอกกับเฉิงสี่จวี๋ว่า “พี่สี่จวี๋ช่วยไปที่โกดังแล้วนำเสื้อผ้าหลาย ๆ แบบที่เราวางแผนจะนำมาขายในวันพรุ่งนี้มาให้คุณเผ่ย รวมถึงลูกค้าคนอื่น ๆ ได้เลือกชมหน่อยได้ไหมคะ?”
เฉิงสี่จวี๋ซึ่งได้ยินการปะทะฝีปากกันของเซี่ยชิงหยวนและเซี่ยจื่ออี้เมื่อสักครู่นี้ ทำให้เธอรู้สึกประทับใจเซี่ยชิงหยวนอย่างยิ่ง ก่อนจะรีบดึงสติและตอบว่า “ได้ค่ะ”
ลูกค้าที่เหลือต่างดีใจกันมากเช่นกัน “เรากำลังคิดว่าจะรอสักสองวันแล้วค่อยกลับมาอยู่เลยค่ะ แต่วันนี้เราได้อานิสงส์จากคุณเผ่ยซะแล้วสิ”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ “เดิมทีมีเสื้อผ้าที่เก็บไว้อีกสิบกว่าแบบค่ะ แต่ในวันนี้ เพื่อเป็นการผูกมิตรกับพวกคุณทุกคน ฉันจะนำเสื้อผ้าพวกนั้นออกมาให้ทุกคนได้เลือกชมกันก่อนเวลานะคะ”
ทุก ๆ สองสามวัน ร้านยามต้องมนต์จะมีเสื้อผ้าแบบใหม่ ๆ เข้ามา ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าประจำรู้กันดี ดังนั้นพวกเธอจึงไม่มีปัญหากับเซี่ยชิงหยวน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคัดค้านอะไรในเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกว่าพวกเธอมาได้ถูกวันแล้ว
ความสนใจของทุกคนดูเหมือนจะถูกดึงดูดด้วยเสื้อผ้า พากันพูดคุยด้วยความสนุกสนาน โดยมีเซี่ยชิงหยวนเป็นจุดศูนย์กลาง ส่วนเซี่ยจื่ออี้นั้นถูกกันออกไปอยู่รอบนอก
เซี่ยจื่ออี้ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความสนใจมาตั้งแต่เด็กพลันกำหมัดแน่น ในขณะที่เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เซี่ยชิงหยวนก็เป็นเพียงบุคคลที่ขายรอยยิ้มเท่านั้น มีอะไรให้น่าจดจำกัน!
กล้าดียังไงมาเป็นเพื่อนกับเธอ ทั้งยังไม่กลัวที่จะเสียฐานะไปอีก!
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ” เฉิงสี่จวี๋กอดกองเสื้อผ้าไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะชนเข้ากับร่างของเซี่ยจื่ออี้ “ช่วยถอยไปหน่อยนะคะ”
คำพูดขอโทษออกมาจากปาก แต่สีหน้ากลับไม่มีความรู้สึกผิดใด ๆ
แม้ว่าฉินซูอวี้จะทำเรื่องวุ่นวายใหญ่โต แต่ทุกคนก็แค่ตีตัวออกหากไป เมื่อไหร่กันที่คนพวกนี้ทำหน้าไม่ดีใส่เธออย่างโจ่งแจ้งแบบนี้?
เซี่ยจื่ออี้ไม่ขยับ แต่เฉิงสี่จวี๋เองก็ไม่มีความอดทนที่จะเสียเวลาไปกับหญิงสาว จึงข้ามไปหาเซี่ยชิงหยวนเพื่อต้อนรับแขก
เซี่ยจื่ออี้ยืนอยู่ที่นั่น นัยน์ตาเย็นยะเยือก
สติสัมปชัญญะบอกเธอว่าควรจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้ดีกว่า แต่ความหยิ่งยโสของเธอไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
เธอจะไม่วิ่งหนีด้วยความอับอายเช่นนี้ เธอเป็นเจ้าหญิงที่เป็นที่รักของทุกคน!