กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 396 ไม่สนใจ
บทที่ 396 ไม่สนใจ
บทที่ 396 ไม่สนใจ
“หลิงหลิน!” หลิงเยี่ยหยุดน้องสาวตัวเองและส่งสายตาว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ
หลิงหลินไม่ยินยอม “พี่สาวชิงหยวนเป็นภรรยาของเขานะ จะไม่ให้รู้เรื่องนี้ได้ยังไง? เธอมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แถมกำลังจะออกไปทำงานกินอยู่ร่วมกัน พี่สาวชิงหยวนมีสิทธิ์ที่จะรู้!”
อันที่จริงมีผู้นำระดับสูงหลายคนที่ทำเรื่องไม่ดีข้างนอกโดยใช้ข้ออ้างว่าทำงาน แต่ทุกคนก็ระมัดระวังและไม่มีเรื่องอื้อฉาวให้เป็นข่าว
เพียงแค่คราวนี้ทุกคนนำภรรยาไปด้วย บรรดาคนที่ติดตามเสิ่นอี้โจวมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระสับกระส่ายแทน
ในมุมมองผู้ชายจะยกย่องในความทะเยอทะยาน แต่ในฐานะผู้หญิง พวกเธอไม่ชอบสิ่งนี้มากที่สุด
ฉู่ซิงอวี่อธิบายอย่างรวดเร็ว “คุณนายครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เดิมทีผู้ที่จะติดตามไปด้วยเป็นเพื่อนร่วมงานชายอีกคน แต่จู่ ๆ ชายคนนั้นมีเรื่องด่วนก่อนจะออกเดินทางเมื่อเช้านี้ ดังนั้นเพื่อนร่วมงานหญิงอีกคนจึงต้องไปแทนที่เขาน่ะครับ”
หลิงเยี่ยยังพูดเสริมอีกว่า “เลขาธิการเสิ่นแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้ นอกจากพวกเขายังมีผู้ติดตามคนอื่น ๆ ด้วย มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนครับ”
เซี่ยชิงหยวนไม่พูดอะไรในขณะนี้
หากเสิ่นอี้โจวเป็นคนบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เธอจะไม่รู้สึกอึดอัดเลย
แต่ตอนนี้เมื่อรู้จากคนอื่นแทน มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย
หญิงสาวปลอบใจตัวเองว่าเสิ่นอี้โจวคงไม่ได้ตั้งใจปกปิด เพราะการเปลี่ยนตัวผู้ติดตามนี้มันก็เกิดขึ้นอย่างปุบปับ
และการมีผู้ช่วยหญิงตามไปอยู่ข้าง ๆ ก็คงไม่ต่างอะไรกับเวลาเธอไปเมืองกว่างโจว โดยที่เสิ่นอี้โจวจัดให้เฮ่ออวี้เฟิงคอยปกป้องเธอ
สามีและภรรยาจะต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นปกติ ไม่มีอะไรที่จะต้องไม่พอใจ
เธอสงบลง พยักหน้า และพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”
หลิงหลินอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่หลิงเยี่ยมองเธอเป็นการเตือน และคราวนี้เธอก็หุบปากอย่างเชื่อฟัง
แต่ขณะที่หลิงหลินจ้องมองที่ปลายรองเท้าของตัวเอง เธอก็เม้มริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับนิสัยของผู้ชายที่ชอบลบล้างสิ่งผิดเหล่านี้
ฉู่ซิงอวี่พูดว่า “คุณนายจะกลับเข้าบ้านเลยไหมครับ? ให้เราเดินเข้าไปส่งคุณไหมครับ?”
หลิงหลินยังกังวลว่าเซี่ยชิงหยวนจะไม่มีความสุข จึงพูดว่า “จริงด้วย ฉันไม่ได้ไปที่บ้านของพี่สาวนานแล้ว พอดีเลย วันนี้เราจะได้มารวมตัวกันด้วย”
เซี่ยชิงหยวนไม่ปฏิเสธและกลับบ้านพร้อมกับทั้งสามคน
เธอแนะนำให้ทั้งสามคนรู้จักกับปี่เหลาซานและปี่ฟู่หมาน จากนั้นทุกคนก็นั่งคุยกัน
ปี่เหลาซานมองไปที่หลิงหลินครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เขาถาม “สาวน้อย ปีนี้เธออายุเท่าไหร่น่ะ?”
หลิงหลินตอบด้วยความเขินอาย “ปีนี้ฉันอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้วค่ะ อายุน้อยกว่าพี่สาวชิงหยวนสองเดือนค่ะ”
ปี่เหลาซานยิ้ม “โอ้ ศิษย์พี่หญิงสิเนี่ย นั่นไม่ได้เป็นปัญหาเลย”
หลิงหลิน “…”
หลิงเยี่ย “…”
ฉู่ซิงอวี่ “…”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ เหลือบมองปี่ฟู่หมานที่ไม่ค่อยเขินอาย แล้วพูดกับปี่เหลาซาน “อาจารย์คะ ใจร้อนเกินไปแล้วค่ะ ศิษย์น้องยังไม่เป็นผู้ใหญ่เลยนะ”
ปี่เหลาซานลูบเคราและหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันก็แค่อยากถามน่ะ ก็แค่อยากถามเอง”
เซี่ยชิงหยวนขัดจังหวะในเวลาที่เหมาะสม เมื่อหัวข้อตัดจบลงในที่สุด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ความตึงเครียดของหลิงหลินก็ผ่อนคลายลง
คนที่บ้านกระตุ้นให้เธอและหลิงเยี่ยหาคู่อยู่ทุกวัน มากจนหลิงเยี่ยไม่เคยกลับไปกินมื้อย็นอีกเลย
หลิงเยี่ยมีที่ซ่อน แต่ในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิง เธอไม่สามารถไปซ่อนบ้านคนอื่นได้ตลอดเวลา เมื่อเผชิญกับความกดดัน เธอก็ทำได้เพียงจัดการกับมันอย่างไม่ระมัดระวัง
ปี่เหลาซานเล่าประสบการณ์ของเขาในธุรกิจหยกตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้ทุกคนฟัง
ชายชราออกไปตระเวนข้างนอกตั้งแต่ยังเด็ก และรักการผูกมิตร มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ทุกคนชื่นชอบมากมาย
เซี่ยชิงหยวนฟังสักพักก็รู้สึกเหนื่อยล้า เธอจึงนั่งเฉย ๆ อย่างไม่สนใจมากนัก
ฉู่ซิงอวี่เอาใจใส่และค่อย ๆ นำหมอนโซฟามาให้เธออย่างเงียบ ๆ และโบกมือให้หญิงสาววางมันไว้ด้านหลังเอว
เซี่ยชิงหยวนรับหมอนมา ยิ้มอย่างขอบคุณ และรับฟังเรื่องเล่าของปี่เหลาซานอีกครั้ง
หลิงหลินสังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาของเธอมืดลง และเมื่อเธอเงยอีกครั้ง มันก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
…
สองวันต่อมา เซี่ยชิงหยวนได้เคลียร์สินค้าคงเหลือของร้านยามต้องมนต์ และให้วันหยุดแก่อาเซียงกับเฉิงสี่จวี๋
นอกเหนือจากให้เงินเดือนตามปกติแล้ว เซี่ยชิงหยวนยังมอบโบนัสให้ทั้งสองคน คนละห้าสิบหยวนด้วย
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ปีหน้ามาทำงานเมื่อไหร่ ก็มาหาฉันเพื่อเอาอั่งเปาด้วยนะ”
มีธรรมเนียมในเมืองกว่างโจวที่ก่อนเริ่มทำงานต้องได้รับโชค
ในวันที่กลับมาทำงานหลังตรุษจีน เจ้านายห ผู้นำ และคนที่แต่งงานแล้วจะต้องแจกอั่งเปา
โดยทั่วไปแล้ว หัวหน้าหรือคนที่มีสถานะเป็นผู้นำไม่สามารถหนีเรื่องนี้ได้ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม ส่วนผู้ที่แต่งงานแล้วจะแจกอั่งเปาตามมิตรภาพของพวกเขา
ซองอั่งเปาในเมืองกว่างโจวมีไว้เพื่อเจตนาดีเท่านั้น และโดยทั่วไปแล้ว จำนวนเงินจะไม่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะถือว่ามีน้ำใจ
ปี่ฟู่หมานช่วยทำความสะอาดร้านยามต้องมนต์ ปิดประตูอีกครั้ง และแปะกระดาษสีแดงไว้ที่ประตู ซึ่งบอกว่าจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 16 ของปีหน้า
เซี่ยชิงหยวนไปดูร้านตรอกเก่าอีกครั้ง
ร้านค้าบางแห่งในถนนอาหารปิดตัวลงในช่วงปีใหม่ ร้านตรอกเก่าจึงสะดุดตาเป็นพิเศษเมื่อยังเปิดอยู่ที่ต้นถนน
หลายคนเลือกกินอาหารในร้านตรอกเก่า เฉิงซวงจือและป้าอีกคนที่มาช่วยงานทั้งคู่เป็นคนท้องถิ่นในมณฑลอวิ๋น ดังนั้นจึงยังอยู่ที่มณฑลอวิ๋นเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่
พวกเธอยินดีจะพักผ่อนจนถึงวันที่ 29 ของปีและรับค่าจ้างเพิ่มอีกสองสามวัน
เซี่ยชิงหยวนเห็นด้วย และหลังจากเสร็จสิ้นงานทั้งหมดนี้หญิงสาวก็รู้สึกเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์
ปี่ฟู่หมานที่มาด้วยกันเพราะปี่เหลาซาน สังเกตเห็นความเศร้าโศกของเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “หากคุณกังวลเกี่ยวกับพี่เขย ผมสามารถเดินทางไปดูให้ได้นะว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วค่อยส่งข้อความมาบอก อะไรประมาณนั้นน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความกังวลของนายนะฟู่หมาน แต่ไม่จำเป็นหรอก เขาจะกลับมาในอีกสองวันนี้แล้ว”
ยิ่งไปกว่านั้น แม้เธอจะรู้ว่าเสิ่นอี้โจวอยู่ที่ไหน แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่จะต้องใช้ให้ปี่ฟู่หมานไปลำบากเพื่อเธอด้วยเหตุผลไร้สาระ
แม้จะมีความอ่อนไหวทางอารมณ์ในระหว่างตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอและเขาห่างกันนานเสียหน่อย เพราะงั้นก็แค่รอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปเท่านั้น
ปี่ฟู่หมานเกาหัวของตน อยากบอกให้เธอไม่ต้องสนใจ แต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะพูดแบบนั้น และมันทำให้ปลายหูของเขากลายเป็นสีแดงเล็กน้อย
เขาปลอบโยนเธอ “อย่ากังวลเลย พี่เขยของผมไม่ออกไปทำตัวยุ่งข้างนอกหรอก แต่ถ้าเขากล้า ผมจะทุบตีเขาให้เอง”
ขณะที่พูด เขาก็ยกแขนขึ้นทำท่าทาง
ตามปกติแล้วปี่เหลาซานและเซี่ยชิงหยวนบางครั้งก็จะไม่พยายามพูดเรื่องนี้ต่อหน้าปี่ฟู่หมานเ แต่ถึงอย่างนั้นปี่ฟู่หมานก็เข้าใจทุกสิ่งที่ตัวเองควรรู้อยู่ดี
หลังจากปี่เหลาซานตระเวนไปรอบ ๆ เขาก็ได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับทุกสิ่งตั้งแต่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไปจนถึงเรื่องครอบครัว
หลังจากที่ปี่ฟู่หมานพูดแบบนี้ อารมณ์หดหู่ของเซี่ยชิงหยวนก็ดีขึ้นในที่สุด เธอยิ้มและพูดว่า “ไปช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้ากันเถอะ ดูว่านายอยากได้อะไร พี่สาวคนนี้จะซื้อให้หมดเลย”
เมื่อวานนี้เธอมองดูกระเป๋าเดินทางของอาจารย์และศิษย์น้อง และวางแผนที่จะดูว่ามีอะไรขาดไปบ้างจะได้ซื้อให้พวกเขา
แต่แล้วเธอก็พบว่าทุกสิ่งขาดไปหมด แม้แต่กล่องข้าวอะลูมิเนียมที่พวกเขามักจะใช้กินก็ยังบุบบี้จนเสียรูป
ปี่ฟู่หมานยิ้มและพูดว่า “ผมไม่ได้พูดคำพวกนั้นเพื่อโน้มน้าวให้คุณซื้อของให้ผมนะ”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ “พี่รู้น่า ไม่ต้องกังวลหรอก”
ขณะที่เสียงของทั้งสองค่อย ๆ ห่างออกไป ร่างของศิษย์พี่สาวและศิษย์น้องชายก็ค่อย ๆ หายไปภายใต้แสงตะวันที่กำลังตกดิน
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยชิงหยวนก็ได้รับโทรศัพท์จากกงเหลียนซิน
ทางโทรศัพท์ กงเหลียนซินรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย “ชิงหยวน เมื่อคืนนี้พี่รองของเธอกลับมาด้วย!”