กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 40 มารยาหญิง
บทที่ 40 มารยาหญิง
บทที่ 40 มารยาหญิง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เซวียไฉ่เฟิ่งรู้สึกผิดอยู่ครู่หนึ่ง
แต่เมื่อคิดว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลย เธอจึงยืดตัวให้ตรงอีกครั้ง
เธอส่งเสียงกระแอมแล้วยิ้มให้เซี่ยชิงหยวน “ช่างบังเอิญจริง ๆ ตั้งแต่นี้ไปพวกเราจะได้เป็นเพื่อนบ้านกัน ฉันรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี ถ้าเธออยากออกไปเดินเล่นหรือทำอะไร ก็มาหาฉันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
การกระทำนี้เรียกว่า มือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้*[1] เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรร้ายแรง เธอจึงต้องล่าถอยออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก
แต่หากมีครั้งต่อไป อย่าโทษที่เธอทำตัวหยาบคายแล้วกัน
เซี่ยชิงหยวนเพียงพยักหน้าให้อีกฝ่าย ก่อนจะกลับเข้าไปในบ้าน
สิ่งนี้ทำให้เซวียไฉ่เฟิ่งโกรธมาก
เธอมองทิศทางที่อีกฝ่ายจากไป ก่อนจะกระทืบเท้าแล้วสบถออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ยัยบ้าเอ๊ย! สวยไปก็เท่านั้น ถ้าควบคุมผู้ชายไม่ได้มันก็ไร้ประโยชน์! เมื่อถึงเวลา ฉัน…”
หญิงสาวคล้ายจะนึกอะไรบางอย่างออก ทันใดนั้นเธอก็หยุดพูด ก่อนจะมองไปรอบ ๆ แล้วเดินกลับบ้านพักด้วยความขุ่นเคือง
เซี่ยชิงหยวนกลับเข้ามาในบ้าน แล้วนำของที่เสิ่นอี้โจวซื้อมาจัดให้เป็นระเบียบ
เธอเปิดตู้เสื้อผ้าและพบว่าเสื้อผ้าของเธอกับเสิ่นอี้โจวถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อย
ชายหนุ่มมีเสื้อผ้าไม่มากนัก มีเพียงสองตั้งเท่านั้นและพับไว้ด้านบน ซึ่งเธอเอื้อมหยิบไม่สะดวก
ส่วนเสื้อผ้าของเธอจัดเก็บไว้ในที่ที่เอื้อมหยิบได้ง่าย เสื้อผ้า กางเกง และชุดชั้นในถูกจัดแยกเป็นประเภทต่าง ๆ และกระโปรงบางส่วนก็แขวนไว้บนไม้แขวนเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยชิงหยวนนึกถึงตู้เสื้อผ้าในหมู่บ้านซีสุ่ยซึ่งมีเสื้อผ้าของเธออยู่เกือบเต็ม ในขณะที่เสื้อผ้าของเสิ่นอี้โจวถูกเก็บใส่กระเป๋าเดินทางหรืออยู่เพียงมุมเล็ก ๆ ของตู้ทุกครั้งที่เขากลับมา
หญิงสาวก็รู้สึกอยู่หลายครั้งว่าตัวเองก็สุดโต่งเหมือนกันนะ
เสียงเปิดประตูขัดจังหวะความคิดของเธอ เสิ่นอี้โจวกลับมาแล้ว
เขาถือกล่องข้าวเหล็กสองกล่องเข้ามาแล้วพูดว่า “รีบกินตอนที่มันยังร้อนอยู่เถอะ”
เขาเปิดกล่องข้าวแล้วพูดว่า “มีข้าวกับโจ๊ก มาดูสิว่าคุณชอบอะไร”
เขาเปิดกล่องข้าวกล่องหนึ่งขึ้นมา ซึ่งมีข้าวสวยครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นผัก มะเขือเทศผัดไข่ และซี่โครงหมู่ตุ๋น
ส่วนกล่องข้าวอีกกล่องคือ โจ๊กเนื้อไม่ติดมันผสมกับผักกาดเขียวเล็กน้อยและโรยด้วยต้นหอมสับ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เธอชอบ
จากนั้นชายหนุ่มก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้งและหยิบเอาไข่เค็มสีขาวอมน้ำเงินสองฟองออกมาด้วย
อาจเป็นเพราะมันร้อนเกินไปเขาจึงรีบถูมือที่เพิ่งวางไข่เค็มลง
หญิงสาวไม่คาดคิดว่าเสิ่นอี้โจวผู้ไม่เคยแสดงอาการทุกข์ร้อนกับสิ่งใด กลับทนความร้อนไม่ได้แบบนี้ เมื่อคิดอย่างนั้น มุมปากของเธอก็ยกยิ้มบาง
เสิ่นอี้โจวดูงงงวย จากนั้นเขาก็สัมผัสใบหน้าของตน “มีอะไรเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่มีอะไร กินข้าวกันเถอะ”
ระหว่างมื้ออาหาร เสิ่นอี้โจวกล่าวกับเธอว่า “บ้านข้าง ๆ เป็นบ้านของครอบครัวหลี่กวงหัว เขาอยู่แผนกเดียวกันกับผม ส่วนเซวียไฉ่เฟิ่งที่คุณเห็นวันนี้คือภรรยาของเขา ถ้าเจอพวกเขา คุณก็แค่ทักทายก็พอ”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้าคุณต้องการออกไปเดินเล่น ผมไปเป็นเพื่อนคุณได้นะ หรือไม่ก็ไปหาเจียงเพ่ยหลาน ภรรยาของหลินจื้อเฉียงที่อยู่บ้านในซอยข้างหลังเราหลังที่สองจากมุมกำแพงนะ”
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
เซวียไฉ่เฟิ่งกับสามีไม่ใช่คนที่ควรจะยุ่งเกี่ยวด้วยมากนัก เธอควรหลีกเลี่ยง
ในขณะที่ครอบครัวของเจียงเพ่ยหลาน เธอสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจ
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ปฏิเสธความใจดีของชายหนุ่มและกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
…
ในเขตที่อยู่อาศัยของครอบครัวพนักงาน น้ำประปายังไม่ได้เชื่อมต่อถึงทุกหลังคาเรือน แต่จะมีการติดตั้งก๊อกน้ำไว้ที่หน้าบ้านหลังแรกของแต่ละซอยเพื่อจัดเตรียมไว้สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
บ้านของพวกเขาค่อนเข้ามาข้างใน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกหากบ้านของพวกเขาจะไม่มีน้ำประปาใช้
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว เสิ่นอี้โจวก็ออกไปข้างนอกตั้งแต่ยังไม่ค่ำ เพื่อไปรองน้ำมาสองถังใหญ่ แล้วเทลงในถังน้ำสะอาดขนาดใหญ่ในสวนหลังบ้าน
จากนั้นเขาก็ต้มน้ำร้อนให้เซี่ยชิงหยวน และพาเธอไปที่สวนหลังบ้านด้วยกัน
เขาพูดว่า “วันนี้เราอาบน้ำแบบนี้กันก่อน หลังจากที่ผมเลิกงานในพรุ่งนี้ เราค่อยมาช่วยกันทำห้องน้ำ”
งั้นหมายความว่า วันนี้เธอต้องอาบน้ำในที่โล่งแบบนี้น่ะเหรอ
มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอจริง ๆ
ทว่าหญิงสาวไม่ใช่คนขี้อาย เธอจึงตอบกลับไปว่า “อื้ม”
ในใจของเธอจินตนาการไว้อยู่แล้วว่า ตัวเองอยากจะได้ห้องน้ำแบบไหนและต้องสร้างยังไง
เมื่อเธออาบน้ำเสร็จ เสิ่นอี้โจวก็มาอาบน้ำต่อ
วันนี้เซี่ยชิงหยวนสวมชุดนอนสีชมพูรากบัว ซึ่งมาพร้อมเสื้อคลุมยาวและกางเกงผ้าบางขาสั้นเหนือเข่า
เธอนั่งหวีผมอยู่บนเตียง ในขณะที่รอเสิ่นอี้โจว
แม้ใบหน้าของหญิงสาวจะสงบนิ่ง แต่ในใจกลับว้าวุ่นเหลือเกิน
คืนนี้คงจะไม่มีเหตุผลให้อี้โจวค้างคืนที่อื่นหรอกใช่ไหม?
เธอควรฉวยโอกาสนี้กดเขาลงกับเตียงดีไหมนะ?
แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในความทรงจำในชาติที่แล้ว มันก็ทำให้เธอหวาดกลัว
รูปร่างของเธอเพรียวบาง ส่วนเสิ่นอี้โจวนั้นสูงใหญ่ หากว่ากันด้วยรูปร่างแล้ว พวกเขาสองคนมีความแตกต่างกันมาก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงแขนอันทรงพลังของเสิ่นอี้โจวและรูปร่างทรงสามคว่ำ*[2]
กล้ามเนื้อที่เต่งตึงนั้นดูมีพละกำลังราวกับเสือดาวที่กำลังจ้องจะตะครุบเหยื่อ
ถ้าเธอต้องตกไปเป็นเหยื่อเหมือนในตอนนั้น เธอคงรู้สึกไม่ดีเป็นแน่
เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เขาจะพยายามควบคุมตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว แต่มันก็ยังเจ็บมากจนทำให้เธอร้องไห้
หลังจากนั้น เมื่อเสิ่นอี้โจวเข้าหาเธอ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
แต่ครั้งนี้ถ้าเธอไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้ยังไง
แต่บางคนบอกว่าความเจ็บปวดจะหายไปหลังจากผ่านไปสองสามครั้ง?
เซี่ยชิงหยวนกัดฟัน “ต้องทำ!”
“ทำอะไร?” เสิ่นอี้โจวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จผลักประตูเข้ามา และได้ยินเซี่ยชิงหยวนโพล่งประโยคนี้ออกมาพอดี
หญิงสาวแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง และโบกมือไปมาอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไร ๆ”
เธอจะไม่บอกเขาหรอกว่า เธอกำลังคิดว่าจะจับเขาโยนลงเตียงอย่างไร
ผมของเสิ่นอี้โจวตัดสั้นอยู่แล้ว เพียงเช็ดแค่ไม่กี่ครั้ง และเป่าลมอีกเล็กน้อย ผมของเขาก็แห้งแล้ว
เขาหยิบเสื้อออกมาจากตู้ สวมมัน ก่อนจะพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “คืนนี้คุณล็อกประตูให้ดีนะ ผมจะไปตรวจสอบที่สำนักงานสักหน่อย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของผู้เป็นสามี ก็ทำให้หญิงสาวโกรธมาก
เธออุตส่าห์ตามเขามาที่เตียนเฉิง แต่อีกฝ่ายกลับยังต้องการหลบหน้าเธอ
หญิงสาวจำสิ่งที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ได้ว่า ผู้หญิงต้องอ่อนโยนเหมือนน้ำและผู้ชายก็จะกลายเป็นนิ้วมือที่อ่อนนุ่ม
การแสดงความอ่อนแอก็เป็นขั้นตอนหนึ่งเช่นกัน
เธอจึงนั่งลงบนเตียง บิดผมด้วยมือเรียวเล็กทั้งสองแล้วมองดูเขาอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่วันแรกเลยยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ อีกอย่างนอนคนเดียวตอนกลางคืน มันน่ากลัวจะตาย”
ในตอนท้าย เธอลากเสียงขึ้นจมูก
เมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของผู้เป็นภรรยา ชายหนุ่มก็รีบหันไปมองตาเธออย่างรวดเร็ว
ดวงตาคู่งามของหญิงสาวในตอนนี้รื้นด้วยน้ำตา เธอกัดริมฝีปากบางด้วยฟันขาวไว้แน่น ราวกับทำอะไรไม่ถูกทั้งยังดูน่ารัก
เซี่ยชิงหยวนยังใช้ประโยชน์จากที่เสิ่นอี้โจวกำลังมองเธอ บีบน้ำตาให้มากกว่าเดิมด้วยความสิ้นหวัง
แม้น้ำตาจะไม่ได้ไหลออกมา แต่เธอรู้ว่ามันจะน่าดึงดูดใจมากกว่าถ้าน้ำตาไม่ไหลริน
ทันใดนั้น เธอเห็นนิ้วที่กำลังติดกระดุมเสื้อของตัวเองของเสิ่นอี้โจวหยุดลง
เขาเดินเข้าหาเธอทีละก้าวด้วยขาที่เรียวยาวคู่นั้น
[1] มือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ หมายถึง การทำผิดแล้วยอมรับผิดแต่โดยดี อีกฝ่ายย่อมไม่อาจใจแข็งทำอะไรรุนแรง
[2] รูปร่างทรงสามเหลี่ยมคว่ำ จะมีช่วงไหล่กว้าง แผงอกใหญ่ และแผ่นหลังหนา รวมถึงขาเรียวสวย