กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 417 ห้าปีของการเป็นสามีภรรยา ขออย่าได้พบกันอีก
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 417 ห้าปีของการเป็นสามีภรรยา ขออย่าได้พบกันอีก
บทที่ 417 ห้าปีของการเป็นสามีภรรยา ขออย่าได้พบกันอีก
บทที่ 417 ห้าปีของการเป็นสามีภรรยา ขออย่าได้พบกันอีก
ตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน เพื่อหลีกเลี่ยงความฝันอันยาวนานในยามค่ำคืน*[1] มีคนสองสามคนวิ่งโร่ไปโวยวายที่สำนักงานกิจการพลเรือน
ส่วนจางต้าหู่และภรรยาของเขาถูกผู้ใหญ่บ้านจางกดดันให้กลับไปที่หมู่บ้านตระกูลจางเพื่อพาตัวจางอวี้เจียวมา
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลจาง แม่เฒ่าจางเกือบจะเป็นลมทันทีเมื่อได้ยินว่าเธอต้องตัดสัมพันธ์กับลูกหลานของตัวเอง ซ้ำยังต้องจ่ายเงิน 200 หยวนให้กับตระกูลเซี่ย
จางต้าหู่กดไปยังร่องเล็ก ๆ ระหว่างจมูกและริมฝีปากบนเพื่อเรียกสติหญิงชรากลับมา
เมื่อแม่เฒ่าของตระกูลฟื้นคืนสติ ก็เอ่ยขึ้นว่า “สวรรค์ จะให้ครอบครัวเราไปรวบรวมเงินสองร้อยหยวนมาจากไหน? นี่ไม่ใช่การบังคับให้ไปตายหรอกรึไง?”
หญิงชราโกรธมากจนชี้ไปยังผู้ใหญ่บ้านจางและสาปแช่ง “ไอ้แก่ตายยาก ขอบคุณเสียจริงที่แกเป็นลุงของตระกูลเรา มีใครที่เป็นผู้อาวุโสแล้วทำแบบแกไหม? ตระกูลเซี่ยไปหาแก แต่แกกลับไม่ได้ส่งจดหมายมาบอกเราล่วงหน้าสักฉบับด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราก็คงได้เตรียมตัวไว้บ้าง และคงไม่ต้องมาถูกบังคับแบบนี้หรอก!”
ผู้ใหญ่บ้านจางนั้นอายุอานามไม่น้อยแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกชี้หน้าด่า ใบหน้าของเขาพลันเขียวครึ้มขึ้นมา
เขาเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “รีบไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนพร้อมอวี้เจียวซะ” จากนั้นเขาก็ส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธออกมา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ครอบครัวจำต้องเป็นหนี้สินเพราะเรื่องของจางอวี้เจียว ทำให้จางต้าหู่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และตอนนี้แม่เฒ่าจางยังมาก่อเรื่องวุ่นวายอีก นั่นยิ่งทำให้เขารำคาญมากขึ้น
สีหน้าเย็นชาของเขาฉายชัดขึ้นมาพลางเอ่ยตะคอก “หากไม่ใช่เพราะแม่ละโมบหวังเงินทองของตระกูลเซี่ยตั้งแต่แรก และปล่อยให้อวี้เจียวไปแทรกอยู่ข้างเซี่ยจิ่งเฉิน เรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นไหมล่ะ?”
เขาพูดกับจางอวี้เจียวผู้ที่ไม่ได้มีปากเสียงอะไรเลย “เก็บข้าวของแล้วรีบไปกับฉัน”
ใบหน้าของจางอวี้เจียวในตอนนี้ดูซีดเซียว อีกทั้งตัวเธอก็ดูโทรมกว่าตอนที่อยู่ในตระกูลเซี่ยไม่น้อย
เธอพยักหน้า “ไม่มีอะไรต้องเก็บ ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน!” แม่เฒ่าจางเมื่อเห็นว่าจางอวี้เจียวกำลังจะตามไปจึงรีบตะโกนให้หยุด
หญิงชราลุกจากเตียงไปขัดขวางเอาไว้ ก่อนก่นด่า “แกสมองทึ่มรึยังไงหะ? พวกเขาบอกจะเอาเด็กไป แกก็ยอมให้งั้นเหรอ? แกไปบอกตระกูลเซี่ยเลยนะว่าถ้าพวกเขาต้องการเด็ก ก็จ่ายให้เงินเรามาซะ!”
ก่อนที่จางอวี้เจียวจะทันได้เอ่ยอะไร จางต้าหู่ก็เอ่ยเยาะ “แม่ยังกล้าเรียกร้องให้ตระกูลเซี่ยจ่ายเงินให้อีกเหรอ? พวกเขาเขียนบัญชีออกมาแล้ว และเราเป็นหนี้พวกเขามากกว่าแปดร้อยหยวน! ยังดีที่พวกเขาไม่ได้ให้เราจ่ายเงินคืนทั้งหมด แต่แม่กลับยังจะไปเอาเงินของพวกเขามาอีกเนี่ยนะ! แม่ มาถึงจุดนี้แล้ว คนที่ตาบอดคือแม่ต่างหาก!”
เอ่ยจบก็ดึงจางอวี้เจียวออกไป
แม่เฒ่าจางตกใจกับคำพูดของจางต้าหู่เสียจนต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อหญิงชราตอบสนอง จางต้าหู่ก็จูงจางอวี้เจียวไปที่ประตูแล้ว
หญิงชราไม่อาจยอมแพ้ได้ จึงรีบวิ่งไปจับทั้งสองคนไว้ แววตาของแม่เฒ่าฉายให้เห็นถึงความบ้าคลั่ง “เด็กคนนั้นไม่ใช่ของคนของพวกเขาด้วยซ้ำ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องการตัวเด็กด้วย? บางทีตระกูลเซี่ยอาจจะพยายามใช้เด็กเพื่อควบคุมเราก็ได้! ไม่สิ เพื่อเป็นการแก้แค้นเรา พวกเขาก็เลยจะขายเด็กไป! ไหน ๆ ก็จะขายเด็กไปอยู่แล้ว ไม่สู้ให้เด็กกับครอบครัวเราดีกว่ารึไง เราก็พอจะหาสามีดี ๆ ให้เธอไปแต่งงานด้วยได้ เงินสินสอดก็เอามาจ่ายคืนให้กับตระกูลเซี่ยได้พอดีไม่ใช่เหรอ?”
จางอวี้เจียวมองไปที่แม่เฒ่าจางพลางเอ่ยเย้ยหยัน “แม่ แม่เป็นยายแท้ ๆ ของซือถงนะ”
แม่เฒ่าจางพลันรู้สึกไม่สบายใจอยู่ครู่หนึ่งหลังได้ยิน ก่อนเอ่ย “ฉันเป็นยายแท้ ๆ แล้วยังไง? ก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงชีพตัวเองเหมือนกันนะ แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าตระกูลเซี่ยไม่ได้คิดแบบเดียวกัน? บางทีพวกเขาอาจขายเด็กให้กับพ่อม่ายเฒ่าด้วยซ้ำ!”
พี่สะใภ้จางซึ่งอยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยสมทบด้วยเช่นกัน “จริงสิ ครอบครัวเราเป็นฝ่ายไปหาพวกเขา งั้นก็ควรจะลดจำนวนเงินให้สักหน่อยสิ คืนพวกเขาไปแค่ร้อยหยวนก็พอ ให้พวกเขาขาดทุนมากหน่อย”
จางอวี้เจียวมองดูทั้งสองคนด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ตระกูลเซี่ยแตกต่างจากพวกแม่นะ พวกแม่กับพี่ทำให้ฉันอยากจะอาเจียนชะมัด”
นับตั้งแต่หย่าร้าง ชีวิตของเธอนั้นดำดิ่งลงทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการนอนหรือไปเล่นไพ่
เธอพยายามวางยาสลบตัวเองเพื่อที่จะได้ลืมชีวิตที่น่าขันและน่าสมเพชนี้
ทุกครั้งที่เห็นเซี่ยซือถง เธอจะหวนนึกถึงคืนนั้นและพ่อของลูกที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร เหมือนกับหนามที่ทิ่มแทงอยู่ในใจของเธอ ทั้งดึงไม่ออกและไม่อาจลืมเลือนได้
ดังนั้นเธอจึงเกลียดเซี่ยซือถง ทั้งยังส่งความเกลียดชังของตัวเองให้กับเซี่ยซือถงเช่นกัน แม้ว่าจะเห็นว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ รวมถึงหลานสาวหลานชายของเธอกลั่นแกล้งเด็กสาว เธอก็ล้วนแล้วแต่เมินเฉย
เธอคิดเพียงว่าไม่ตีให้ถึงตายก็พอแล้ว
หรือถ้าตายก็ถือเป็นการพ้นทุกข์
เธอต้องการใช้วิธีนี้เพื่อทำให้เซี่ยจิ่งเฉินเสียใจ
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อจางต้าหู่กลับมาในวันนี้และบอกว่าตระกูลเซี่ยได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้สิทธิ์การเลี้ยงดูเซี่ยซือถง หัวใจที่ตายไปแล้วของเธอก็เริ่มเต้นอีกครั้ง
ไม่ว่าเซี่ยจิ่งเฉินจะเกลียดเธอขนาดไหนก็ตาม แต่เขายังคงรักลูก
แม้จะรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา แต่เขาก็ยังเต็มใจที่จะเลี้ยงดู
เธอพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
คนในตระกูลเซี่ยนั้นจิตใจดี ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าสองคนที่อุ้มชูเซี่ยซือถง หรือเซี่ยชิงหยวนที่จะคอยช่วยเหลือเด็กสาวในอนาคต เซี่ยซือถงย่อมมีชีวิตที่ดีได้แน่นอน
ดีกว่าการอยู่ข้างกายเธอมากนัก
พี่สะใภ้ตระกูลจางต้องการพูดมากกว่านี้ แต่จางต้าหู่ขัดจังหวะไว้
ตอนนี้เขาหมดความอดทนแล้ว “ทางฝั่งนั้นเขาก็บอกแล้วนี่ว่าต้องการทั้งเด็กและเงิน แทนที่จะเถียงกันที่นี่ ควรไปคิดว่าจะหาเงินมาจากไหนดีกว่าไหมหะ!”
เขามองจางอวี้เจียวด้วยความเกลียดชัง “ถ้าหารวบรวมเงินมาไม่ได้ ก็ขายเธอซะ!”
หากไม่ใช่เพราะตระกูลเซี่ยยืนกรานที่จะเลี้ยงดูเด็ก เขาก็อยากจะขายเด็กสาวเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้อยู่เหมือนกัน
ผู้ใหญ่บ้านจางซึ่งยืนอยู่หน้าประตูได้ยินคำพูดของเขา จึงเอ่ยก่นด่าอีกครั้ง “จางต้าหู่ ไอ้สารเลว อย่าให้ฉันได้ยินว่าจะขายน้องสาวจากปากแกอีกนะ!”
ใบหน้าของจางต้าหู่แดงก่ำ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงมองจางอวี้เจียวด้วยสายตาน่าขนลุก
จางอวี้เจียวไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป เธอหันหลังและเดินออกจากบ้านไป
เมื่อผู้ใหญ่บ้านจางเห็นเธอออกมา น้ำเสียงของเขาก็เบาลงเล็กน้อย “ไปกันเถอะ”
จางอวี้เจียวสับสนมาครึ่งชีวิตแล้ว แต่ในช่วงเวลาวิกฤต เธอไม่สับสนอีกต่อไป
เขาแนะนำว่า “เห็นได้ชัดว่าตระกูลเซี่ยนั้นเป็นคนดี อาและอาเขยของเด็กเองก็เป็นคนที่เยี่ยมยอด การที่เด็กได้อยู่ที่บ้านของพวกย่อมไม่ต้องทนทุกข์”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของจางอวี้เจียวพลันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำตาเอ่อไหลขึ้นมาในหัวใจของเธอ หญิงสาวเพียงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
เมื่อผู้ใหญ่บ้านจางเห็นเธอแบบนี้ ถ้อยคำตำหนิจึงถูกกลืนลงไป
จางอวี้เจียวเองก็เป็นคนที่น่าสงสาร เธอตกเป็นเหยื่อของแม่และพี่ชาย
เฮ้อ!
….
เซี่ยจิ่งเฉินรออยู่ที่ทางเข้าสำนักงานกิจการพลเรือนพร้อมกับผู้ใหญ่บ้านหยวน ในขณะที่เสิ่นอี้โจวได้รับคำเชิญอย่างลับ ๆ จากหัวหน้าของที่นั่น
เดิมทีคิดว่าจะต้องใช้ความพยายามพอสมควรเพื่อให้ตระกูลจางมาที่นี่ แต่ใครกันจะคาดคิดว่าพวกเขากลับมาถึงในเวลาเพียงไม่นาน
ผู้ใหญ่บ้านจางกล่าวว่า “ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็เข้าไปข้างในกันเถอะ”
เซี่ยจิ่งเฉินพยักหน้ารับ “ต้องรบกวนผู้ใหญ่บ้านจางแล้วครับ”
เขาเหลือบมองไปยังจางอวี้เจียวที่ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย ก่อนจะหันหน้าเข้าไปข้างในพลางถอนหายใจ
หลังจากจัดการเรื่องใบรับรองสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเซี่ยซือถงแล้ว พวกเขาก็มองหน้ากันอีกครั้งโดยไร้ซึ่งคำเอื้อนเอ่ยใด ก่อนจะพากันออกจากห้อง
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังผอมบางของจางอวี้เจียว เซี่ยจิ่งเฉินพลันรู้สึกขมขื่นในใจ และในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้น “อวี้เจียว ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
เงิน 200 หยวนคือความตั้งใจของเสิ่นอี้โจวที่จะลงโทษตระกูลจาง ไม่ว่าจะในทางอารมณ์หรือเหตุผล พวกเขาไม่สามารถร้องขอความเมตตาได้ เนื่องจากตระกูลจางสมควรได้รับแล้ว
เพียงแต่กับภรรยาของจางต้าหู่และแม่เฒ่าจางแล้ว ไม่อาจรู้ได้เลยว่าทั้งสองจะทำอะไรกับเธอ
เสียงฝีเท้าของจางอวี้เจียวหยุดชะงัก เธอก้มหน้าลงโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
น้ำตาที่กักเก็บไว้ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป เธอกัดริมฝีปากไว้แน่นเพราะไม่อยากให้เขาเห็น
เธอหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยตอบเบา ๆ “อืม”
ก่อนจะเดินจากมาอย่างไร้ซึ่งความลังเล
5 ปีของการเป็นสามีภรรยา ขออย่าได้พบกันอีกเลย
[1] หลีกเลี่ยงความฝันอันยาวนานในยามค่ำคืน หมายถึง หากเรื่องราวยังไม่ถูกจัดการแก้ไข ในอนาคตอาจเกิดปัญหาขึ้นได้