กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 421 ลวดลายที่คล้ายกัน
บทที่ 421 ลวดลายที่คล้ายกัน
บทที่ 421 ลวดลายที่คล้ายกัน
ปี่เหลาซานขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรหลังจากได้ยิน
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ของเซี่ยชิงหยวน เขาก็ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของเธอมากได้นัก
ชายชราถอนหายใจ “ช่างเถอะ ๆ ยังไงพวกเธอก็ไม่ได้เจอกันบ่อยนักหรอก ผ่านไปสักพักเรื่องราวก็คงดีขึ้นเอง”
ในใจของเขาคิดว่าคงไม่มีความบาดหมางข้ามคืนระหว่างพ่อแม่กับลูกหรอก พ่อแม่คนไหนมันจะไปมีความแค้นกับลูกอยู่เสมอได้ยังไงกันล่ะ?
…
เซี่ยชิงหยวนสงบอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว
หลังจากนอนอยู่บนเตียงได้สองวัน เธอก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที และเริ่มเขียนแผนธุรกิจเสื้อผ้า หรือไม่ก็คิดถึงสไตล์เสื้อผ้าที่เธอเคยออกแบบมาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว
ไม่ว่ายังไงแบบเสื้อผ้าเหล่านี้มันก็เป็นผลงานของเธอเอง ซึ่งทำให้กับหมานต๋าในอีกไม่กี่ปีต่อไปจากช่วงเวลาเดียวกันของชาติที่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการโจรกรรม
วันหนึ่งเหล่าไต้โทรมา
เขาอวยพรปีใหม่ให้เธอจากปลายสายก่อนจะพูดว่า “มีสิ่งดี ๆ กำลังเกิดขึ้นด้วยนะ ซึ่งเธอน่าจะได้ประโยชน์มากเลย”
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “คืออะไรเหรอ? เล่าให้ฉันฟังที”
เหล่าไต้พูดต่อ “ฉันได้ยินมาจากเพื่อนที่ทำเสื้อผ้าน่ะ ว่าวันที่สิบห้าจะมีนิทรรศการเสื้อผ้าจัดขึ้นที่เมืองกว่างโจว เธออยากมาดูไหม?”
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนเปล่งประกายขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน
แต่เมื่อนึกถึงคำแนะนำของหมอฮวง เซี่ยชิงหยวนก็ทำได้แต่ถอนหายใจ
“คราวนี้เกรงว่าฉันคงไปร่วมงานไม่ได้น่ะ ร่างกายของฉันไม่พร้อมเท่าไหร่”
เหล่าไต้กังวลทันทีและถามว่า “ร่างกายเหรอ? เธอเป็นอะไรรึเปล่า? มีอะไรร้ายแรงไหม?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “มันไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก แค่ฉันมีเจ้าตัวเล็กอีกสองชีวิตอยู่ในท้องก็เท่านั้นเองน่ะ”
เหล่าไต้ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรู้ตัวและยิ้มขึ้นมา “เธอนี่โชคดีมากจริง ๆ เธอมีลูกสองคนพร้อมกันเลยแหะ!”
เซี่ยชิงหยวนมีอารมณ์ร่วมไปกับเสียงหัวเราะของเขาเช่นกัน และพูดว่า “ขอบคุณมากนะ แม้ว่ามันจะลำบากกว่าเดิมสองเท่าแต่ก็คุ้มค่าเลยล่ะ”
จากนั้นเธอครุ่นคิด “แต่สำหรับงานนิทรรศการเสื้อผ้าครั้งนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ไปด้วยตัวเอง แต่คุณช่วยบอกเวลาจัดงานให้ฉันทีนะ เดี๋ยวฉันจะให้อาเซียงไปกับคุณแทน”
ชาติที่แล้วตอนเธอทำงานที่โรงงานตัดเย็บหมานต๋า เธอเคยติดตามถานม่านไปนิทรรศการเสื้อผ้ามากมาย ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าเธอจะพลาดการไปในชาตินี้สักครั้งหรือสองครั้ง เพราะเธอสามารถปล่อยให้อาเซียงไปที่นั่นและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีกว่าได้
เหล่าไต้เห็นด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย และทั้งสองพูดคุยสั้น ๆ เกี่ยวกับการเรื่องงานก่อนที่จะวางสายโทรศัพท์
เซี่ยชิงหยวนเดินไปที่ห้องครัว เห็นหลินตงซิ่ว ปี่ฟู่หมาน และเสิ่นอี้หลินกำลังปั้นขนมทังหยวนจากแป้งข้าวเหนียว จากนั้นเธอก็จำได้ว่าวันนี้เป็นเทศกาลโคมไฟ
เมื่อเทียบกับทังหยวนจากภูมิภาคอื่น ผู้คนในมณฑลยูนนานชอบกินทังหยวนไส้ถั่ว
วิธีก็คือใช้แป้งข้าวเหนียวห่อไส้ถั่วแดง แล้วเอาไปต้มให้สุกในหม้อ เวลาจะกินก็ค่อยราดน้ำตาลทรายแดงลงไป มันจะมีกลิ่นหอมหวานและรสสัมผัสเหนียวหนึบ
เซี่ยชิงหยวนล้างมือและวางแผนที่จะช่วยคนอื่น ๆ ทำ
หลินตงซิ่วรีบหยุดเธอทันที “นี่ไม่ใช่เรื่องยากหรอก ลูกแค่ดูเฉย ๆ ก็พอน่า”
ปี่ฟู่หมานยังพูดอีกว่า “ใช่แล้ว อย่าสร้างปัญหา”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอยื่นมือออกไปและคว้ามือของเขาไว้ “เด็กคนนี้นี่พูดจาไม่น่ารักเลย”
ปี่ฟู่หมานหันหน้าหนีทันที “คนท้องไม่ควรใช้ความรุนแรงนะ เข้าใจไหม?”
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ และรู้สึกเบื่อ “เฮ้อ นายนี่ไม่น่ารักเท่าอี้หลินของฉันจริง ๆ”
ที่ปลายหูของเสิ่นอี้หลินเป็นสีแดงทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง!”
ปี่ฟู่หมานกลอกตาไปที่ทั้งสองคน “ผมขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงกับคุณแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนมองไปรอบ ๆ ทั้งซ้ายและขวาแต่ไม่เห็นปี่เหลาซาน “แล้วอาจารย์ล่ะ?”
ปี่ฟู่หมานพยักหน้าไปทางนอกบ้านแล้วพูดว่า “ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วน่ะ”
ปี่เหล่าซานไปหลายที่ ได้พบกับผู้คนมากมายรวมทั้งบุคคลสำคัญและคนธรรมดา ระหว่างที่เขาอยู่มณฑลอวิ๋น ชายชรามักจะออกไปเดินเล่นพบหากับพวกเพื่อนเก่า
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าแสดงว่าเธอเข้าใจ
ในเวลานี้หลินตงซิ่วพูดขึ้นว่า “วันนี้ตอนที่แม่ไปซื้อของชำ แม่ได้พบกับคุณชายฉีคนนั้นด้วยนะ”
“แม่ได้ยินมาว่าตั้งแต่ตรุษจีนจนถึงตอนนี้ เขาอาศัยอยู่แต่ในหน่วยงานอย่างโดดเดี่ยวเลยล่ะ เขาช่างน่าสงสารจริง ๆ ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้อยู่กับพ่อตัวเอง ตอนนี้พอได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วกลับยังไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายภายในบ้าน”
“เดี๋ยวหลังจากนี้ลูกไปหาเขาทีนะ ให้เขามากินข้าวเย็นที่บ้านของเราเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถบอกหลินตงซิ่วเกี่ยวกับเรื่องราวภายในของตระกูลฉีได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่พยักหน้า “หนูจะให้อี้โจวไปคุยกับเขาให้นะคะ”
ตามปกติแล้วเธอจะได้พบกับฉีจิ่นจือที่ร้านเสื้อผ้าหรือไม่ก็ที่บ้าน เธอไม่รู้หมายเลขโทรศัพท์ของเขา แม้แต่บ้านของตระกูลฉีเธอก็ไม่รู้ว่าเป็นหลังไหน ดังนั้นให้เสิ่นอี้โจวไปเรียกหาจะดีกว่า
…
ในช่วงบ่าย เสิ่นอี้โจวโทรกลับมาและบอกว่าเขาจะมากับฉีจิ่นจือในตอนเย็น
อาการแพ้ท้องของเซี่ยชิงหยวนดีขึ้นมากแล้ว เธอจึงไปที่ห้องครัวเพื่อช่วยหลินตงซิ่ว
จริง ๆ แล้วยกเว้นเรื่องปริมาณเครื่องปรุงที่ต้องใส่ในอาหารที่ต้องให้เซี่ยชิงหยวนคอยกำกับ หลินตงซิ่วสามารถจัดการทำส่วนที่เหลือได้ด้วยตัวเองทั้งหมด
หลินตงซิ่วยิ้ม “อาหารที่แม่ทำไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่ คนอื่นทุกคนต่างชอบกินอาหารที่ลูกทำกันทั้งนั้นเลย”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “นั่นเป็นเพราะแม่ทนไม่ได้ที่จะเติมเครื่องปรุงลงไปเยอะ ๆ นี่คะ แต่ถ้าแม่กล้าใส่เครื่องปรุงแบบหนู แม่ก็สามารถทำให้อร่อยได้เท่าหนูเหมือนกัน”
แม่สามีกับลูกสะใภ้ล้อเล่นกันสักพัก และเมื่อพวกเธอได้ยินเสิ่นอี้หลินทักใครสักคน ก็เป็นตอนนั้นเองที่เสิ่นอี้โจวและฉีจิ่นจือกลับมา
หลินตงซิ่วไล่เซี่ยชิงหยวนออกไป “ลูกออกไปรับแขกเถอะ เดี๋ยวแม่จัดการในครัวเอง”
เซี่ยชิงหยวนเห็นว่าอาหารใกล้จะพร้อมแล้ว เธอจึงหันหลังกลับและออกจากห้องครัวไป
ฉีจิ่นจือยังคงสวมเครื่องแบบของเขา และมีเพียงเสื้อคลุมทับอยู่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากลับมาทันทีหลังเลิกงาน
เขาดูโทรมกว่าเดิมไม่น้อย ผอมลงแถมยังมีรอยคล้ำใต้ดวงตา
เมื่อเขาเห็นเซี่ยชิงหยวน เขาก็ยิ้มและกล่าวทักทาย
เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบ “คุณชายฉี”
ฉีจิ่นจือหยิบถุงกระดาษสวย ๆ ออกมาจากด้านข้างของเขาแล้วยื่นให้เธอ “นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมแกะสลักไว้ตอนที่ผมว่างไม่มีอะไรทำน่ะ ผมคิดว่าอยากจะเอาไว้มอบให้เด็ก ๆ ในท้องของคุณได้เล่นพวกมันสักหน่อย”
เซี่ยชิงหยวนรับถุงมาและเห็นกล่องไม้แกะสลักอยู่ข้างใน ซึ่งในกล่องไม้มีหนูตัวน้อยที่แกะสลักจากไม้น่ารักอยู่สองตัว และพวกมันดูน่ารักมาก
พวกมันทำจากไม้เนื้อดีไม่มีกลิ่น ทั้งยังถูกขัดจนเรียบและกลมมนได้สัดส่วน ซึ่งจะไม่มีอันตรายต่อเด็กแน่นอน
เด็กทั้งสองที่เกิดปีนี้ก็ตรงกับปีชวดพอดีเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถวางมันลงได้เลย “ขอบคุณนะคะสำหรับของพวกนี้”
ฉีจิ่นจือมองที่รอยยิ้มของเธอและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ตราบใดที่คุณชอบมันผมก็ดีใจ”
เสิ่นอี้โจวเองก็ยังยิ้มและพูดว่า “ในอนาคตลูก ๆ จะต้องชอบพวกมันแน่นอน”
…
ปี่เหลาซานโทรมาบอกว่าจะกลับมาทีหลัง และให้พวกเขากินข้าวกันไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ เพียงเหลือแบ่งไว้ให้เขาบ้างก็พอ
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังคีบอาหารเก็บไว้ให้ปี่เหลาซานก่อน จู่ ๆ ฉีจิ่นจือก็ช่วยคีบตูดไก่ย่างใส่ชามของปี่เหลาซานที่อยู่ในมือเธอเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังตูดไก่ย่างในชามของอาจารย์เธอ และความรู้สึกแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นในใจ แต่ความรู้สึกมันผ่านไปเร็วเกินไปและเธอจับใจความมันไม่ทันนัก
บรรยากาศของมื้ออาหารนี้ค่อนข้างกลมกลืนกันมาก ไม่ใช่แค่เสิ่นอี้หลิน แม้แต่ปี่ฟู่หมานก็มีความประทับใจที่ดีต่อฉีจิ่นจือ ในทุกครั้งฉีจิ่นจือจะสามารถพูดคุยหัวข้อที่ปี่ฟู่หมานพูดถึงได้ และสามารถเริ่มหัวข้อใหม่ที่น่าสนใจได้อย่างไหลลื่น ทั้งสองคนคุยกันได้ดีจนดูเหมือนพวกเขารู้จักกันมาหลายปีแล้ว
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่พวกเขาทั้งสอง และความรู้สึกแปลก ๆ ในใจของเธอก็กลับมาอีกครั้ง
หลังจากกินอาหารเสร็จ เสิ่นอี้โจวก็ไปส่งฉีจิ่นจือ และเซี่ยชิงหยวนก็กลับไปที่ห้องเพื่อเล่นกับหนูแกะสลักตัวน้อยสองตัวที่ฉีจิ่นจือเพิ่งมอบให้เธอ
ยังเร็วเกินไปที่จะเอาพวกมันออกมา ดังนั้นเธอจึงเก็บพวกมันกลับเข้าไปในกล่องและเอากล่องไม้ของฉีจิ่นจือวางไว้ข้าง ๆ กับกล่องไม้ที่ปี่ฟู่หมานให้ไว้เมื่อครั้งที่แล้ว
ทันใดนั้นเธอค้นพบบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ งานแกะสลักของกล่องทั้งสองนั้นคล้ายกันมาก โดยเฉพาะลวดลายของยอดใบไม้ ซึ่งทั้งสองกล่องถูกม้วนงออย่างประณีตคล้ายกัน
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นรัว เธอรีบหยิบกล่องสองใบขึ้นมาและมองดูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
เธอพลิกกล่องทั้งสองไปรอบ ๆ และพบลวดลายเมฆมงคลขนาดเท่าเล็บมือเล็ก ๆ อยู่ที่มุมขวาล่างของใต้กล่อง!
เธอนำทั้งสองลวดลายมาเทียบกัน แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่ามันเหมือนกันทุกประการ แต่มีความคล้ายคลึงกัน 80% หรือ 90%!
เธอรู้สึกเหมือนได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่าง!
เซี่ยชิงหยวนรีบใส่รองเท้าแตะ แล้วหยิบกล่องแล้ววิ่งออกจากห้องทันที