กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 431 ฉีหยวนซานหมดสติ
บทที่ 431 ฉีหยวนซานหมดสติ
บทที่ 431 ฉีหยวนซานหมดสติ
ตั้งแต่ตั้งท้อง วัน ๆ เซี่ยชิงหยวนก็คิดแต่เรื่องกินและนอนทุกวัน เธอรู้สึกว่าสมองเหนื่อยล้าไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้อีกแล้ว
แต่สำหรับฉีหยวนซาน พฤติกรรมของเซี่ยชิงหยวนถือเป็นการหลบเลี่ยง
สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธเซี่ยชิงหยวนเช่นกัน
หากเธอสามารถควบคุมผู้ชายของตัวเองได้ เสิ่นอี้โจวจะยังพยายามขโมยตัวลูกชายของเขาอยู่อีกรึเปล่า?
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงต้องรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง!
เขาเกือบจะพูดอย่างจริงจังว่า “คุณนายเสิ่นยังจะหนีอยู่อีกเหรอ? สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้คือการรั้งผู้ชายของตัวเอง แทนที่จะเมินเฉยและปล่อยให้เขาทำทุกอย่างที่เขาต้องการ!”
เขามองอีกครั้งที่เสิ่นอี้โจวและกระแอมในลำคอ “เลขาธิการเสิ่น ผมรู้ว่าปู่ของคุณทำเพื่อประเทศชาติเอาไว้มาก และผู้บังคับบัญชาของคุณก็ชื่นชอบคุณเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ทำสิ่งนั้นไม่ได้!”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ สีหน้าของฉีหยวนซานน่าเกลียดขึ้นมาก “ไม่ว่ายังไง ในอนาคตคุณก็จะเป็นผู้เข้ามารับตำแหน่งแทนหยวนหงหลี่ มีคนกี่คนกันที่จ้องมองคุณ หวังให้คุณทำผิดพลาด”
“แต่ดูคุณตอนนี้สิ ไม่ใช่ว่าเหมือนกำลังพาตัวเองและคนชราอย่างผมเข้าสู่กองไฟด้วยหรอกเหรอ?”
“พอแล้ว คุณหยุดจินตนาการได้ไหม?” ฉีจิ่นจือไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป “ผมแค่มาที่นี่เพื่อกินอาหารค่ำ มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรอย่างที่คุณคิดสักหน่อย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการมากินข้าวบ้านคนอื่น มันกลายเป็นเรื่องแย่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฉีหยวนซานไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เมื่อเห็นฉีจิ่นจือเถียงกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเสิ่นอี้โจว
เขาตบโต๊ะเสียงดัง “พวกนายไม่ใช่แค่กินข้าวด้วยกัน แต่ยังไปอาบน้ำเข้าห้องน้ำด้วยกัน!”
ไปเข้าห้องน้ำด้วยกันเหรอ?
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนมองไปยังฉีจิ่นจือและเสิ่นอี้โจวด้วยความสนใจ
เสิ่นอี้โจวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้มือปิดตาเธอแล้วพูดว่า “ผมและผู้อำนวยการฉียังต้องมีเรื่องต้องคุยกันต่อ คุณลงไปชั้นล่างนั่งรอก่อนเถอะ”
ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการให้เธออยู่ฟังด้วย
เซี่ยชิงหยวนพูดลาอย่างเสียดาย เธอพยักหน้าให้ฉีหยวนซาน แล้วจึงเดินออกจากห้องหนังสือไป
ดวงตาที่เย็นชาของเขามองไปยังฉีหยวนซานด้วยความไม่พอใจ “ผมเคารพผู้อำนวยการฉีมาโดยตลอด แต่คืนนี้ผู้อำนวยการฉีบุกเข้ามาที่บ้านผมและพูดยุแยงผมกับภรรยา ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าความตั้งใจของผู้อำนวยการฉีคืออะไรกันแน่?”
ฉีหยวนซานสำลัก และอารมณ์ของเขาก็ดุเดือดเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป “ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเลขาธิการเสิ่นและลูกชายที่ไม่ได้เรื่องของผม…”
เขาหยุดครู่หนึ่งราวกับว่ามันยากมากที่จะพูด “ผม…ลูกชายของผมแค่หน้าตาดีเท่านั้น แต่เขาไม่เหมาะสมกับเลขาธิการเสิ่นจริง ๆ หรอก ผมแค่อยากจะขอให้เลขาธิการเสิ่นทำตัวมีเกียรติแล้วปล่อยเขาไปดีกว่า”
ในใจของฉีหยวนซาน เขาได้สร้างเรื่องราวขึ้นมาเองเกี่ยวกับรักสามเส้าของบ้านนี้
เขาเสียใจที่มาเร็วไป
เขาควรจะทำสิ่งที่เรียกว่าการจับชู้บนเตียง ถ้าเป็นเช่นนั้นเสิ่นอี้โจวจะไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้อีกต่อไป
แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นเหมือนคนผิดที่กล่าวหาผู้อื่นอย่างเลื่อนลอย
“โอ้? ปล่อยเขาไปเหรอ?” เสิ่นอี้โจวเหลือบมองฉีจิ่นจือและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ในความเป็นจริง เขาค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เซี่ยชิงหยวนยังสงสัยว่าเขาและฉีจิ่นจือมีสัมพันธ์แบบผิด ๆ กัน ดูเหมือนว่าในสายตาของคนนอกจะมองว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ สินะ และผู้คนก็เข้าใจกันผิดไปหมด
แค่ว่าเขาไม่อยากรับผิดจริง ๆ
เขาเอนหลังบนโซฟาและมองฉีหยวนซานอย่างสบาย ๆ “ทำไมผู้อำนวยการฉีไม่พูดมาตรง ๆ ก่อนล่ะว่าผมทำอะไรกับคุณชายฉี?”
ฉีจิ่นจือจับหน้าผากของเขาอย่างพูดไม่ออกและเอนตัวลงบนโซฟาเช่นกัน
ฉีหยวนซานรู้สึกหนักใจเมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวของคนทั้งสองที่มีความสอดคล้องกันมากแบบนี้
ภาพในสายตาเขามืดลง และรีบเอนตัวไปข้างหลัง
ไม่มีทาง เขาจะต้องโกรธจนตายโดยคนผิดแผกพวกนี้แน่
เขาชี้ไปที่ฉีจิ่นจือ “มาที่นี่และนั่งตรงนี้!”
ฉีจิ่นจือลืมตาขึ้น เหลือบมองชายชราอย่างเกียจคร้าน และเปิดริมฝีปากบางของเขาเบา ๆ “ไม่”
ฉีจิ่นจือไม่คาดคิดเลยว่าฉีหยวนซาน ผู้ซึ่งเด็ดขาดสามารถฆ่าใครก็ได้ที่ตัวเองต้องการจะเป็นแบบนี้ สับสนกับสิ่งต่าง ๆ อย่างง่ายดายจนน่าหัวเราะ
ลูกน้องของตัวเองพูดเองเออเองตามที่คิด และก็สร้างปัญหากับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดทั้งวัน มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ
เขาต้องการทำให้ฉีหยวนซานโกรธ ดังนั้นเขาจึงจงใจขยับเข้าใกล้เสิ่นอี้โจวมากขึ้น และมองดูพ่อตัวเองราวกับจะเยาะเย้ย
“แก…แก…” ฉีหยวนซานรู้สึกตื่นตระหนกกับภาพตรงหน้ามาก เขากุมหน้าอก และใบหน้าเปลี่ยนเป็นดำมืด
ทันใดนั้นเขาก็กลอกตาและเป็นลมไป
“ตาเฒ่า?” ฉีจิ่นจือตกใจเมื่อเห็นฉีหยวนซานหมดสติ
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณชายฉี ที่นี่คือบ้านของผมนะ!”
มันหมายความว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉีหยวนซานที่นี่ มันจะเป็นการยากที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับคนอื่นเข้าใจได้
ฉีจิ่นจือพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าเขาจะโกรธมากขนาดนี้”
ปกติแล้วฉีหยวนซานดูแข็งแรงมากอยู่ตลอด ใครจะคิดว่าเป็นลมไปแบบนี้ได้จริง ๆ
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจ “ส่งเขาไปโรงพยาบาลเร็ว ๆ เถอะ”
ขณะที่พูด เขาก็ไปที่ด้านข้างเพื่อโทรหาและจัดเตรียมคนขับรถ ในขณะที่ฉีจิ่นจือตรวจสอบฉีหยวนซาน
ฉีจิ่นจือพบว่าฉีหยวนซานโกรธมากจนเป็นลมไปจริง ๆ ซึ่งทำให้รู้สึกโล่งใจได้เล็กน้อย
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “เขาห่วงใยคุณจริง ๆ”
ความกังวลในดวงตาของฉีจิ่นจือหายไปทันที “เขาแค่กลัวว่าจะสูญเสียทายาทของเขาเท่านั้นแหละ!”
ฉีหยวนซานไม่เต็มใจที่จะยอมยกอำนาจของตัวเองให้ผู้อื่น และตอนนี้เขาเหลือทายาทแค่ฉีจิ่นจือเท่านั้น ฉีหยวนซานคงจะไม่สนใจฉีจิ่นจือเลยถ้าลูกชายคนโตของเขาไม่ได้เสียชีวิต
เสิ่นอี้โจวไม่ได้แสดงความคิดเห็นมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้และตบไหล่ฉีจิ่นจือเพื่อแสดงการปลอบใจ
คนขับรถกับฉีจิ่นจือช่วยฉีหยวนซานขึ้นรถ และเสิ่นอี้โจวก็วางแผนที่จะไปด้วยกัน
ฉีจิ่นจือปฏิเสธทันที “คุณควรอยู่บ้านนะ เดี๋ยวพอเขาตื่นทีหลังเขาอาจจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกก็ได้”
อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกอับอายเหมือนกัน เขาอยู่ในบ้านของศิษย์น้องหญิงตัวเองแท้ ๆ แต่กลับแสดงละครว่ามีสัมพันธ์กับสามีของศิษย์น้องหญิงตัวเอง
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวด้วย”
ฉีหยวนซานที่เพิ่งตื่นขึ้นได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองก็กลอกตาอีกครั้ง และเป็นลมหมดสติไปอีกรอบ
เขาไม่ต้องการเห็นความรักระหว่างพวกขบถนี้อีกต่อไป!