กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 446 ขโมย
บทที่ 446 ขโมย
บทที่ 446 ขโมย
เธอมองไปทางตู้กระจกเล็ก ๆ ที่ตั้งโชว์อยู่ตรงประตูแผงขายอาหาร และพนักงานคนหนึ่งกำลังผสมหนังปลากับน้ำยำด้วยมือ
มีคนรวมตัวกันอยู่หน้าตู้กระจก ดูเหมือนทุกคนกำลังรอให้พนักงานผสมหนังปลาแล้วห่อกลับบ้าน
ด้านหลังคนเหล่านี้ มีชายร่างผอมถือแหนบอยู่ในมือ และกำลังคีบกระเป๋าเงินที่ทำจากผ้าลายดอกไม้ออกมาจากกระเป๋าของหญิงชราคนหนึ่ง
เมื่อคีบกระเป๋าเงินของหญิงชราคนแรกได้แล้ว ชายร่างผอมคนนั้นก็รีบเอากระเป๋าเงินใส่ลงในเป้สะพายข้างแล้วยื่นแหนบออกไปอีกครั้งไปทางผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อจะขโมยของอีกรอบ
ดูเหมือนว่าจะเป็นมิจฉาชีพมืออาชีพเลยล่ะ
เหล่าไต้สาปแช่งด้วยเสียงแผ่วเบา “ให้ตายเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนมองดูและพูดว่า “เหล่าไต้ ใจเย็น ๆ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม…”
แต่ก่อนที่จะพูดจบ เธอก็เห็นเหล่าไต้ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาชายร่างผอมคนนั้นแล้ว
แม้เหล่าไต้จะมีร่างกายที่อ้วน แต่เขาก็มีความคล่องตัว จริง ๆ เขารวดเร็วมากจนเซี่ยชิงหยวนไม่สามารถรั้งไว้ได้ทัน
ตอนนี้เธอท้องอยู่ เลยไม่กล้าตามเขาไปเพราะกลัวจะเกิดอันตรายกับลูกในท้องจากการกระทบกระทั่งครั้งนี้ จึงทำได้แต่นั่งบนเก้าอี้และเฝ้าดูอย่างกังวลใจเท่านั้น
เหล่าไต้ซึ่งคุ้นเคยกับพื้นที่เมืองกว่างโจวก้าวไปข้างหน้า และคว้าชายร่างผอมคนนั้นไว้ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดังว่า “นี่เสพติดการลักขโมยมากเลยใช่ไหมหะ?”
แหนบของชายร่างผอมคีบอะไรบางอย่างได้แล้ว และเขากำลังจะหยิบออกไป แต่พอเหล่าไต้พูดทัก เขาก็รีบปล่อยมือออกไปพร้อมกับแหนบทันที
เขาสะบัดมือออกแล้วพูดว่า “นายพูดเรื่องไร้สาระอะไร! ฉันขโมยของใครที่ไหน อย่ามาพูดใส่ร้ายคนอื่นอย่างนี้นะ!”
ขณะที่ชายร่างผอมพูดแบบนี้ เขาก็อยากจะวิ่งหนีไปท่ามกลางฝูงชนซะเลย
ทว่าเหล่าไต้คว้าคอเสื้อด้านหลังของชายร่างผอมไว้แล้วตะโกน “ขโมยของได้แล้วก็คิดจะหนีเหรอ? ไม่มีทาง!”
เหล่าฝูงชนที่ยืนออกันเพื่อรอหนังปลาก็หันหน้ามองชายร่างผอมคนนั้นและเหล่าไต้ จากนั้นลูกค้าชายคนอื่น ๆ ก็ก้าวมาข้างหน้าและล้อมรอบชายร่างผอมพร้อมกับเหล่าไต้เอาไว้
เมื่อชายร่างผอมเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็เริ่มตื่นตระหนกทันที
เขาตวาดลั่น “นายบอกว่าฉันขโมยของแล้วนายมีหลักฐานไหม!?”
เหล่าไต้พูดว่า “ฉันเห็นนายซ่อนกระเป๋าเงินของหญิงชราคนนี้ไว้ในกระเป๋าเป้นั่น นายกล้าหยิบมันออกมาแสดงให้ทุกคนเห็นไหมล่ะ?”
หญิงชราที่ถูกขโมยเงินแต่งตัวดูเรียบหรู เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบแตะกระเป๋าเงินตัวเองแล้วพบว่ากระเป๋าเงินของตัวเองหายไปแล้ว!
หญิงชรากังวลมากจนแทบจะร้องไห้ “ในกระเป๋าเงินนั้นมีของสำคัญมากสำหรับฉันนะ!”
เมื่อทุกคนได้ยินก็ช่วยกันจับชายร่างผอมเพื่อที่จะเปิดกระเป๋าเป้ดู
ชายร่างผอมพูดกับเหล่าไต้อย่างเดือดดาล “ก็ได้ ฉันจะเปิดเป้แล้วแสดงให้นายดู แต่ถ้านายกล่าวหาฉันล่ะก็ นายต้องก้มหัวยอมรับความผิดพลาดต่อหน้าทุกคนแล้วเรียกฉันว่าปู่ด้วย!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหล่าไต้ก็ยิ้มอย่างมีความสุข
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นโจรแสร้งเล่นละครได้ใหญ่โตขนาดนี้
เขาพูดว่า “ได้เลย แต่ถ้ากระเป๋าเงินของหญิงชราอยู่ในตัวนาย นายก็จงรอตำรวจอยู่ตรงนี้ได้เลย!”
ชายร่างผอมหัวเราะอย่างชั่วร้ายและเปิดซิปกระเป๋าเป้ของเขาออก ไม่มีอะไรในนั้นนอกจากธนบัตรสองสามใบมูลค่าหนึ่งหยวนกับอีกไม่กี่เหมา
เขามองไปที่เหล่าไต้ “นี่ไง กระเป๋าเงินที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนล่ะ?”
สีหน้าของเหล่าไต้เปลี่ยนไปทันที “เป็นไปไม่ได้! นายต้องซ่อนมันไว้ที่อื่นแน่!”
ตอนนี้ชายร่างผอมไม่ได้ตื่นตระหนกเลย
เขาล้วงกระเป๋ากางเกงออกมาด้วยซ้ำ “เบิกตาดูให้ดีว่ามีที่ไหนหะ?”
กระเป๋ากางเกงของชายร่างผอมว่างเปล่ายิ่งกว่ากระเป๋าเป้ของเขาซะอีก มันไม่มีอะไรเลย
ไม่เพียงแต่เหล่าไต้เท่านั้น แต่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าด้วย
เหล่าไต้ชี้ไปยังแหนบที่ยังคาอยู่ในกระเป๋าของผู้หญิงวัยกลางคน “แล้วไอ้แหนบนี่ล่ะ นายจะอธิบายยังไง?”
ชายร่างผอมยิ้ม “ให้ฉันอธิบายอะไร? ฉันจะรู้ได้ยังไงว่ามันมาจากไหน?”
ชายร่างผอมหยุดชั่วครู่และมองดูเหล่าไต้ “บางทีนายอาจจะเป็นโจรตัวจริงก็ได้ และหาว่าคนอื่นเป็นแทนเพื่อเล่นละครตบตาไง!”
จู่ ๆ สถานการณ์ก็กลับแย่ลง
สีหน้าของเหล่าไต้ซีดลง “อย่ามาพูดใส่ร้ายคนอื่นนะ!”
เขาเห็นชายร่างผอมใส่กระเป๋าเงินไว้ในกระเป๋าเป้อย่างชัดเจน แต่มันกลับหายไปได้ยังไง?
ชายร่างผอมเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “ยังไงล่ะ? เมื่อกี้นายสัญญากับทุกคนแล้วนะว่าถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าฉันเป็นคนขโมย นายจะคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน”
จากนั้นชายร่างผอมก็มองดูผู้เห็นเหตุการณ์แล้วพูดต่อ “ทุกคนเป็นพยานให้ฉันด้วยและส่งเขาไปที่สถานีตำรวจซะ”
ชายข้าง ๆ เห็นด้วย “ไม่มีปัญหา”
เมื่อคนหนึ่งพูดขึ้น คนที่เหลือก็ตกตะลึง
รูปลักษณ์ของเหล่าไต้ดูไม่ใช่คนที่น่าจะเป็นขโมยเลย แต่ทำไมความเป็นจริงมันกลับเป็นอีกแบบได้ล่ะ?
เมื่อเห็นว่าเหล่าไต้ไม่ขยับ ชายร่างผอมจึงเร่งเร้าว่า “เร็วเข้า ปู่คนนี้รอให้นายคุกเข่าอยู่นะ!”
“คุณคือคนที่ถูกจับว่าขโมยใช่ไหม?”
ขณะที่เหล่าไต้เหมือนกำลังขี่เสือและเดือดร้อนก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นอย่างชัดเจน
เขาเห็นเซี่ยชิงหยวนลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ และเดินมายืนอยู่หน้าโต๊ะ
ชายร่างผอมมองเซี่ยชิงหยวนอย่างดุเดือด “ฉันแนะนำให้เธออย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นดีกว่านะ!”
“เหอะ” เซี่ยชิงหยวนใช้มือปิดท้องของเธอ “จำเป็นต้องโกรธมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
ทันใดนั้นเธอก็ยืดตัวออก ยื่นมือออกมาแล้วชี้นิ้วเรียวขาวไปยังชายร่างสูงอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างชายร่างผอม แล้วพูดว่า “กระเป๋าเงินที่เขาขโมยไปเพิ่งถูกแอบโยนไปให้ชายคนนั้น”
ใบหน้าของชายร่างสูงที่ถูกเซี่ยชิงหยวนชี้เปลี่ยนไปอย่างมาก “อย่ากล่าวหาคนอื่นแบบนี้นะ!”
เซี่ยชิงหยวนไม่ตื่นตระหนก “จะใช่หรือไม่แค่ค้นตัวดูก็รู้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมบางอย่างอยู่ตรงกลางเสื้อแจ็กเกตของเขาด้วย”
เมื่อกี้ขณะที่ทุกคนกำลังล้อมรอบชายร่างผอมอยู่นั้น เธอเห็นชายร่างสูงคนนี้เดินเข้าประชิดชายร่างผอมและพวกเขาก็แอบส่งกระเป๋าเงินให้กัน
อันที่จริงนี่เป็นกลวิธีทั่วไป มิจฉาชีพพวกนี้จะทำงานเป็นกลุ่มโดยมีหนึ่งคนปฏิบัติการและอีกคนหนึ่งคอยเฝ้าระวัง
ชายร่างสูงคือผู้ที่คอยเฝ้าระวังและช่วยหลบหนี
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนว่า “ลองค้นดูสิว่ามีของในตัวเขารึเปล่า!”
ชายร่างสูงและชายร่างผอมไม่กล้าอยู่ต่ออีกต่อไป พวกเขารีบวิ่งออกจากฝูงชนเพื่อหนีทันที
แต่เขาจะหนีไปได้ยังไง? มีคนมากมายอยู่ล้อมอยู่รอบ ๆ ทุกคนรีบก้าวไปข้างหน้าและจับพวกเขาไว้
จากนั้นก็พบเครื่องมือก่ออาชญากรรมและกระเป๋าเงินบนตัวทั้งสอง
ถัดมาหัวขโมยทั้งสองจึงถูกกลุ่มคนลากตัวไปที่โรงพัก
หญิงชราคว้ากระเป๋าเงินที่หายไปยึดไว้กับอกแน่น และหลั่งน้ำตาอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเธอได้พบสมบัติอันล้ำค่าที่สุดแล้ว
เธอเปิดกระเป๋าเงินของตัวเอง หยิบเงินทั้งหมดที่อยู่ในนั้นออกมาแล้วส่งให้เซี่ยชิงหยวน “สาวน้อย ขอบคุณมาก ๆ เลยนะสำหรับวันนี้ ถ้าไม่มีเธอ รูปในกระเป๋าคงหายไปแล้ว”
ขณะที่พูดอย่างนั้น เธอก็หยิบภาพถ่ายขาวดำขนาด 1 นิ้วออกมาจากในกระเป๋าเงิน