กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 448 รีบอาบน้ำไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัด
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 448 รีบอาบน้ำไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัด
บทที่ 448 รีบอาบน้ำไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัด
บทที่ 448 รีบอาบน้ำไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัด
เสิ่นอี้โจวปลดกระดุมสองเม็ดบนปกเสื้อ พับแขนเสื้อขึ้นถึงต้นแขน หยิบอ่าง เทน้ำร้อน ทดสอบอุณหภูมิของน้ำแล้วพูดว่า “คืนนี้คุณอยากสระผมไหม?”
เซี่ยชิงหยวนคิดก่อนจะส่ายหัว “คืนนี้ดึกแล้ว ฉันค่อยสระพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ตกลง”
เขานั่งยอง ๆ ตรงหน้าเธอ ใช้ผ้าชุบน้ำจนชุ่มและค่อย ๆ เช็ดหน้าของภรรยา
ตา จมูก ริมฝีปาก แก้ม และหลังหู ทุกตำแหน่งถูกเช็ดอย่างระมัดระวังด้วยแรงที่อ่อนโยน ทำให้เซี่ยชิงหยวนหลับตาลงอย่างสบาย ๆ
หลังจากเช็ดหน้าแล้วจึงขัดผิวกาย
จู่ ๆ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งแบบนี้แล้วให้เขาอาบให้
เธอพยายามขืนตัว “ให้ฉันทำเองไหม?”
เสิ่นอี้โจวจุ่มมือของเธอในน้ำอุ่นและล้างนิ้วให้อย่างระมัดระวัง มือใหญ่ของเขาโอบรอบมือเล็ก ๆ นั้น สีผิวน้ำผึ้งของเขาและสีผิวขาวของเธอตัดกัน ความสวยงามนี้ทำให้ดวงตาของเธอตกตะลึง
เสียงของเขาอ่อนโยน “ไม่มีม้านั่งที่สูงเท่ากันเนี่ยสิ ไม่อย่างนั้นผมคงวางอ่างได้ แล้วจะสะดวกกว่าเดิมมากเลย”
ขณะที่พูด เขาก็ล้างมือซ้ายของเธอแล้วเคลื่อนไปทางขวา “พรุ่งนี้ผมจะไปขอม้านั่งที่สูงขึ้นอีกจากพนักงานมานะ คืนนี้เราทนแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน”
เขาจับมือเธอออกจากอ่างแล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดให้แห้ง จากนั้นโอบไปที่คอของเธอ แล้วปลดกระดุมเสื้อออก
สีหน้าของเขามุ่งความสนใจไปที่การกระทำของตัวเอง และการเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ช้าหรือเร็ว แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นราวกับกวางน้อย
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้คือสามีของเธอ และเขาก็หล่อมาก
เธอโน้มตัวไปข้างหน้าและจูบเขา
ริมฝีปากของเธอบดเบียดริมฝีปากของเขาเบา ๆ จากนั้นปลายลิ้นของเธอก็ลูบไล้ไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ทำให้เกิดอาการสั่นไหวเล็กน้อย
วินาทีก่อนที่เธอจะต้องการจะผลักออกไป เขาก็คว้าที่หลังคอของเธออย่างรวดเร็ว ก้มศีรษะลงแล้วจูบเธอ
เซี่ยชิงหยวนส่งเสียง “อื้ม!” และโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอไป ดวงตาของเขาน่าหลงใหล “น้ำเริ่มเย็นแล้วนะ”
ปลายหูของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ และเธอก็ก้มหัวลง “ใช่”
“ก๊อก ก๊อก” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เสิ่นอี้โจว “มันดึกขนาดนี้แล้วนะ ใครมาหาคุณอีกเนี่ย?”
เสิ่นอี้โจวจัดคอเสื้อให้เธอ “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไปดูก่อน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินออกจากห้องน้ำและเปิดประตูห้อง
ผู้มาเยือนคือตงวั่งชุน เธอยืนอยู่ที่ประตูพร้อมด้วยชามน้ำแกงร้อน ๆ บนถาดในมือ
เมื่อเธอเห็นเสิ่นอี้โจว สายตาก็จับจ้องไปที่คอเสื้อของชายหนุ่มทันที จากนั้นดวงตาของเธอก็มืดลง “เลขาธิการเสิ่นคะ ห้องครัวปรุงน้ำแกงแก้สร่างเมาไว้น่ะค่ะ ฉันเลยเอาส่วนหนึ่งมาให้คุณ”
ขณะที่พูดนั้น เธอก็มองเข้าไปข้างในราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจ
แต่ก่อนที่เธอจะมองเห็นได้ชัดเจน เสิ่นอี้โจวก็หันไปด้านข้างเพื่อบังไม่ให้เธอเห็น
เขามองดูชามที่อยู่ตรงหน้าและตอบว่า “ขอบคุณ แต่คืนนี้ผมดื่มแค่นิดหน่อยเท่านั้น และเสี่ยวฉู่คือคนที่เมา”
ตงวั่งชุนก้มหัวลงด้วยความรำคาญทันทีหลังได้ยิน “ฉันขอโทษเลขาธิการเสิ่นด้วยค่ะ ฉันแค่คิดว่าคุณอาจรู้สึกไม่สบาย ฉันจึงเอาน้ำแกงนี้มาให้น่ะค่ะ”
เสิ่นอี้โจวพูดเบา ๆ “ไม่เป็นไร วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเสี่ยวฉู่ก็น่าจะมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นคอยดูแลอยู่แล้ว ผมจะไม่รบกวนคุณหรอก”
หลังจากพูดจบ เขาก็พยักหน้าให้เธอแล้วปิดประตู
ตงวั่งชุนมองไปประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้า เธอไม่สามารถรักษารอยยิ้มของตัวเองได้อีกต่อไปและดวงตาก็มืดลงทันที
เธอหันหลังกลับและเดินกลับไปในทิศทางที่ตัวเองมา
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงหน้าต่างและประตูปิดของห้องที่อยู่ติดกัน ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลมกระโชกแรงพัดผ่านยอดไม้และปอยผมบนหน้าผากของเธอ ราวกับว่ามันกำลังหัวเราะเยาะหญิงสาว
เซี่ยชิงหยวนเห็นเสิ่นอี้โจวเข้ามาจึงเอ่ยถาม “ผู้ช่วยตงเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและเดินเข้ามาในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว “รีบอาบน้ำกันเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัด”
เซี่ยชิงหยวน “หือ?”
…
ช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นอี้โจวก็ออกไปข้างนอกเช่นเดิม
กว่าที่เซี่ยชิงหยวนจะตื่นนอน ก็เป็นตอนเวลาแปดโมงกว่าแล้ว
หลังจากล้างหน้าช้า ๆ เหล่าไต้ก็โทรมา
ทั้งสองไปกินมื้อเช้าแบบกวางตุ้งด้วยกัน รวมถึงโจ๊กเรือ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ตีนไก่นึ่งแห้ง และตีนไก่นึ่งซอสถั่วดำ
โจ๊กเรือเดิมทีถูกสร้างขึ้นโดยชาวตั้นหมิน ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในสามเหลี่ยมทองคำในอดีต หรือที่เรียกกันว่าคนที่มีบ้านอยู่บนน้ำ ต่อมามันได้รับความนิยมในกว่างโจว เป็นโจ๊กที่ต้มให้ข้นก่อนแล้วจึงใส่เนื้อสับไม่ติดมัน หมี่กรอบ, ถั่วลิสง, ต้นหอมสับ, หนวดปลาหมึก, หอย, แมงกะพรุน และอื่น ๆ โดยโจ๊กจะมีรสเรียบง่ายแต่อร่อย และเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น
ก๋วยเตี๋ยวหลอด ทำโดยการเอาแป้งข้าวลงบนแม่พิมพ์เหล็กแล้ววางลงในหม้อนึ่ง หลังจากนึ่งจะเกิดชั้นผิวโปร่งแสงบางๆ ของแป้งที่สุกแล้ว โดยปกติจะใส่ไข่, เนื้อชิ้น, หมูย่าง, ตับหมู เครื่องเคียงอื่น ๆ จะถูกเติมในระหว่างการนึ่ง และสุดท้ายราดด้วยเครื่องปรุงรสสูตรพิเศษ รสชาติกลมกล่อม และอร่อยอย่าบอกใคร
นอกจากนี้ยังมีอาหารนึ่งแห้งและขนมจีบ ซึ่งเป็นอาหารเช้ายอดนิยมของชาวกว่างโจว
เซี่ยชิงหยวนชิมโจ๊กเรือและรู้สึกว่าท้องของเธออุ่นขึ้นอย่างทั่วถึง
หญิงสาวหยิบตีนไก่ขึ้นมา พลางจิบน้ำแกงรสเค็มก่อนแล้วค่อยดูดกระดูกก็หลุดออก
เธอพูดว่า “คงจะดีมากถ้ามีคนเปิดร้านอาหารแบบนี้ในมณฑลอวิ๋นนะเนี่ย”
ร้านอาหารกวางตุ้งบนถนนสายอาหารดูเหมือนจะไม่มีเลย
เหล่าไต้พูดว่า “ช่วยไม่ได้นี่ รสชาติอาหารของมณฑลอวิ๋นแตกต่างจากที่นี่มากเกินไป”
คนที่มณฑลอวิ๋นชอบอาหารรสเผ็ดร้อน ในขณะที่คนในกว่างโจวให้ความสำคัญกับรสชาติที่เบาและดั้งเดิม มันเป็นรสนิยมที่แตกต่างมากจริงๆ
แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนจะลงใต้มาทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนจากหูหนาน เสฉวน และที่อื่น ๆ ที่ชอบรสเผ็ดร้อน บางครั้งพวกเขาจะผัดพริกจนได้กลิ่นทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ซึ่งคนกว่างโจวที่ไม่กินเผ็ดก็ต้องปิดหน้าต่างระหว่างจาม
“เผ็ดอะไรขนาดนี้เนี่ย…ฮัดชิ่ว! โอ๊ยให้ตายเถอะ ฮัดชิ่ว!”
เซี่ยชิงหยวนกินอาหารอีกคำ “ในอนาคตถ้าฉันรวย ฉันจะเปิดร้านอาหารสไตล์กวางตุ้งด้วยเลย”
ถ้าทำเองไม่ได้ เธอก็จะจ้างพ่อครัวมาทำแทน
“เธอคิดที่จะมาอยู่ที่นี่เพื่อพัฒนาธุรกิจของตัวเองบ้างไหม?” เมื่อพูดถึงธุรกิจเสื้อผ้า สำหรับมณฑลยูนนานแล้วก็ถือว่าล้าหลังจากที่นี่อยู่พอสมควร
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ฉันไม่อยากอยู่ห่างจากครอบครัวของฉันน่ะ”
เหล่าไต้หัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “พอเป็นแม่คนแล้วก็แตกต่างไปจริง ๆ”
หลังจากที่ทั้งสองกินมื้อเช้าแล้ว ทั้งสองก็เดินไปที่โรงน้ำชา ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายกับรองผู้อำนวยการโรงงานผ้าไหมหงเหมียน
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังรู้สึกเบื่ออยู่พอดี เหล่าไต้ก็สะกิดเธอแล้วพูดว่า “มาแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนหันศีรษะไปมองและอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง “เขาคือรองผู้อำนวยการของโรงงานผ้าไหมหงเหมียนเหรอ?”