กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 480 ร้อยปีไม่เปลี่ยนแปลง
บทที่ 480 ร้อยปีไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อเทียบกับเซี่ยชิงหยวนที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตลูกชาย ตัวเขาที่อยู่ข้างนอกห้องได้ตัดสินใจยอมแพ้แล้ว หากใครจะรู้สึกผิดมันต้องเป็นเขาเพียงคนเดียว
ใบหน้าของหวังผิงซีดผิดปกติ เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า “นั่นคือความจริง! มีผู้หญิงคนไหนในโลกบ้างที่สามารถให้กำเนิดลูกให้กับผู้ชายของตัวเองแบบนี้ได้? ลูกคือผู้มีพระคุณของตระกูลเสิ่น ถ้าพวกเขากล้าตำหนิลูกที่พยายามมากขนาดนี้ก็ถือว่าไร้หัวใจแล้ว!”
“นอกจากนี้ ลูกจะตาบอดเอานะถ้าร้องไห้มาก ๆ ในช่วงที่อยู่ไฟ ดังนั้นหยุดร้องไห้ได้แล้ว”
บรรยากาศเศร้าในตอนแรกเปลี่ยนไปทันทีเนื่องจากคำพูดของหวังผิง
เซี่ยชิงหยวนแข็งค้างก่อนจะพยักหน้า และยกมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ
เซี่ยโยว่หมิงขยิบตาให้หวังผิง ส่งสัญญาณให้เธอหยุดพูด
หญิงชราคนนี้ไม่รู้จักคิดก่อนพูดเลยจริง ๆ แม้จะเห็นได้ชัดว่าเธอพูดด้วยความกังวลเกี่ยวกับลูกสาว แต่ประโยคที่พูดออกมามันไม่น่าฟังเลย
เสิ่นอี้โจวยิ้มโดยไม่แสดงความโกรธแม้แต่น้อย และพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “แม่ก็เป็นห่วงคุณเหมือนกันนะ”
จากนั้นเขาก็หันไปหาคนสองสามคนแล้วพูดว่า “อาจารย์ครับ พ่อ แม่ พวกคุณเหนื่อยกับการอยู่เฝ้าชิงหยวนที่โรงพยาบาลมากแล้ว พวกคุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมจะอยู่เฝ้าเองที่นี่”
หวังผิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างมากกว่านี้ แต่เซี่ยโหย่วหมิงก็หยุดเธอไว้
จากนั้นเขาพูดกับเซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน พ่อกับแม่จะกลับกันไปก่อนนะ แล้วจะมาหาลูกใหม่หลังจากพักผ่อนเอาแรงแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบ “พ่อกับแม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ มีอี้โจวอยู่ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เซี่ยโยว่หมิงมองไปยังเสิ่นอี้โจวแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ก็ลำบากสักหน่อยแล้วนะ ไอ้ลูกชาย”
เสิ่นอี้โจวโบกมือ “ไม่มีปัญหาครับ ช่วงนี้ก็ลำบากสำหรับพ่อเหมือนกัน”
ปี่เหลาซานเองก็ไม่ได้ยืนกราน “งั้นเสี่ยวเสิ่นอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวช่วงบ่ายเราจะส่งคนมาแทนนะ”
เขาพูดกับเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง “เด็กน้อย อย่าเอาแต่ใจ ฟังหมอและเสี่ยวเสิ่นนะรู้ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะอาจารย์”
ส่วนปี่ฟู่หมานเองยังพูดอีกหลายคำ เพื่อขอให้เซี่ยชิงหยวนใส่ใจสุขภาพของเธอเองก่อนจะเดินไปหาเสิ่นอี้หลินและพากลับไป
เสิ่นอี้หลินหลบการจับของเขา และยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับ
ในขณะนี้ทุกคนเพิ่งตระหนักว่าเสิ่นอี้หลินมีน้ำตาคลอเบ้า
ปี่ฟู่หมานถามเขา “อี้หลิน เกิดอะไรขึ้น?”
เสิ่นอี้หลินหันหน้าไปทางด้านข้างทันที เช็ดน้ำตาด้วยหลังมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่มีอะไร”
จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูห้องพักโดยไม่รอปี่ฟู่หมานเลย
“อี้หลิน” เซี่ยชิงหยวนเรียกเขาจากด้านหลัง
แผ่นหลังเล็ก ๆ ของเสิ่นอี้หลินสะดุ้ง และเขาก็หันกลับมามองเธอ
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เขาและพูดว่า “พรุ่งนี้มาโรงพยาบาลเพื่อดูหลานสาวของนายด้วยนะ ตกลงไหม?”
เสิ่นอี้หลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแย้มพลางพยักหน้าอย่างหนัก และสำลักด้วยเสียงสะอื้น “ครับ!”
ช่วงหลายวันที่เซี่ยชิงหยวนอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ใหญ่ในบ้านส่วนใหญ่มาอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบทั้งวัน ซึ่งมีเพียงเขา ปี่ฟู่หมานและป้าอู๋ที่ผลัดกันมาส่งอาหารตรงเวลาเท่านั้น
เขาถูกพามาโรงพยาบาลสองครั้งโดยปี่ฟู่หมาน และตกใจมากเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนนอนนิ่ง ทั้งยังหน้าซีดเผือด
ในช่วงปีที่ผ่านมา ในที่สุดเขาก็ได้สร้างความสัมพันธ์กับพี่สะใภ้ของตัวเองแล้ว และเขากลัวว่าพี่สะใภ้แสนดีของเขาจะตายแบบนี้
เมื่อมองดูใบหน้าที่หนักอึ้งของผู้ใหญ่ เขาก็ไม่กล้าถามอะไร ทำได้เพียงกลั้นไว้คนเดียว หรือรอจนถึงกลางคืนแล้วแอบร้องไห้คนเดียวเท่านั้น
จนสุดท้าย ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี และพี่สะใภ้ของเขาก็สบายดี
ส่วนหลานชายตัวน้อยที่นอนอยู่ในตู้ปลอดเชื้อก็สบายดีเช่นกัน
หลินตงซิ่วยิ้ม “เด็กคนนี้…ตอนที่ลูกยังไม่ตื่น เขาแอบร้องไห้เงียบ ๆ อยู่หลายครั้งเลยล่ะ”
จากนั้นเธอก็พูดว่า “แม่จะกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ทำอาหารทุกอย่างที่ลูกอยากกินมาให้เอง”
เซี่ยชิงหยวนตอบ “ทำอะไรมาก็ได้ค่ะ ทุกอย่างที่แม่ทำอร่อยทั้งนั้นเลย”
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ทำให้หวังผิงตาแดงก่ำ
นั่นคือลูกสาวที่เธอคลอดออกมาจากท้องแท้ ๆ แต่ทำไมเวลามองตนกลับมองด้วยสายตาห่างเหิน แต่พอมองแม่สามีที่ขี้ขลาดคนนี้กลับมองอย่างอบอุ่นแบบนั้นกัน?
เซี่ยโยว่หมิงรู้ว่าหวังผิงกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเขาเห็นท่าทางของภรรยา ขืนเขาปล่อยให้เธอพูดอะไรอีกครั้ง เกรงว่าคงจะไม่พูดอะไรดี ๆ ออกจากปากแน่
เขาพูดกับเสิ่นอี้โจว “พ่อกับแม่จะกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วเราจะมาใหม่ทีหลังนะ”
จากนั้นเขาก็ดึงหวังผิงออกไปด้วย
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องพักแล้ว เสิ่นอี้โจวก็ก้มลงและกอดเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ จากนั้นใช้แรงเพิ่มขึ้นอีกเพื่อกอดเธอให้แน่นขึ้น
สำหรับเขา เธอคือสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก ถ้าไม่มีเธอ ทุกสิ่งจะมีความหมายอะไร?
เมื่อสัมผัสได้ว่าเซี่ยชิงหยวนน้ำหนักลดลงไปมากในเวลาเพียงไม่กี่วัน เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์ปั่นป่วนของเสิ่นอี้โจวที่พยายามระงับอารมณ์ตัวเอง เซี่ยชิงหยวนจึงกอดเขากลับและตบหลัง “อย่ากังวลเลย ฉันสบายดีค่ะ”
สิ่งที่ตอบเธอกลับคือความชื้นอันอบอุ่นแถวต้นคอ โดยไม่คาดคิดเสิ่นอี้โจวกำลังร้องไห้
การค้นพบครั้งนี้น่าตกใจมากจนเซี่ยชิงหยวนลืมตบหลังปลอบเขา และสิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
หลังจากนั้นไม่นานเสิ่นอี้โจวก็ปล่อยภรรยาไปและพูดว่า “สัญญากับผมนะ ว่าถึงแม้จะทำเพื่อลูก แต่คุณต้องปรึกษาผมก่อนตัดสินใจอะไรในอนาคต ตกลงไหม?”
เขามองเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ตกลง”
เสิ่นอี้โจวยื่นนิ้วก้อยออกไป “เกี่ยวก้อยสัญญาก่อน”
เมื่อมองดูพฤติกรรมเด็ก ๆ ของเขา เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก
ทว่าหลังจากที่ผ่านอารมณ์ไร้สาระไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้เช่นกัน
เธอเกี่ยวนิ้วกับสามีตรงหน้า และสะอื้น “ฉันขอโทษ ฉันทำให้ทุกคนกลัวสินะ”
เสิ่นอี้โจวกระชับนิ้วของเขา “แม่พูดถูกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษใครทั้งนั้น คุณคือผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเสิ่นอย่างแท้จริง”
ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับสิ่งที่หวังผิงพูด และเขาก็เชื่อว่าหลินตงซิ่วก็เห็นด้วยเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ว่านี่คือความรักอันแรงกล้าของหวังผิงที่มีต่อลูกสาว ดังนั้นเขาจะโกรธได้ยังไง?
เขาหยุดแล้วเอาหน้าผากแนบกับเธอ “แน่นอนว่าพวกเราต่างกลัว แต่สิ่งที่เราต้องการมากกว่าก็คือเราอยากทนความเจ็บปวดนี้แทนคุณ หรือไม่ อย่างน้อยผมก็อยากจะเข้าไปอยู่กับคุณ ไม่ปล่อยให้คุณสู้อยู่คนเดียว”
เขาเกี่ยวนิ้วของเธอแล้วส่ายมัน “เกี่ยวก้อยสัญญาแล้วนะ ผมไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงเป็นเวลาร้อยปี”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลง”