กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 496 ขอลูบ ๆ คลำ ๆ เดี๋ยวเดียว
บทที่ 496 ขอลูบ ๆ คลำ ๆ เดี๋ยวเดียว
เซี่ยชิงหยวนหลับตาแล้วจับมือของเสิ่นอี้โจวที่วางบนเอวของเธอ “ลูกชายของเราอยู่ที่ไหนแล้วน่ะ?”
เสิ่นอี้โจวล็อกภรรยาไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา และยังคงวางฝ่ามือใหญ่ไว้บนเอวเรียวของเธอ “อี้หลินกำลังดูเขาให้อยู่”
เพราะแน่นอนว่าคนโปรดคนที่สองของเสิ่นทิงอวิ๋นนอกจากแม่ของตนแล้ว ก็ไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากเสิ่นอี้หลิน
ถ้าเสิ่นอี้โจวไม่ได้คำนึงถึงว่าน้องชายของเขายังไม่โตพอและจะต้องไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น เสิ่นอี้โจวคงโยนลูกชายให้น้องชายดูแลเป็นส่วนใหญ่โดยไม่ลังเลแล้ว
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันตลก “อี้หลินยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ”
เสิ่นอี้โจวเอาขาของเขาเกี่ยวให้ตัวภรรยาหันหน้ามาหา และโอบรัดไว้ทั้งตัว “เขาไม่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นอาแล้วนะ”
ปฏิกิริยาของเซี่ยชิงหยวนช้าไปครู่หนึ่ง เธออุทานออกมา “นี่”
จากนั้นหญิงสาวก็รู้สึกว่ามีมือใหญ่กำลังเลิกชุดนอนของเธออยู่
เธอรีบจับมือของเขาลงทันที “นี่ยังไม่ดึกเลยนะ!”
เสิ่นอี้โจวก้มศีรษะลงแล้วใช้ริมฝีปากบางของเขาลูบไล้ตามริมฝีปากเย็น ๆ ของเธอ “หมายความว่าคืนนี้ได้ใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ส่ายหัว “เอาไว้ก่อนเถอะ ให้เวลาฉันสักหน่อย ฉันยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย”
เธอใช้เวลากับลูก ๆ ทั้งวันทุกวัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เซี่ยชิงหยวนจะรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอด
เสิ่นอี้โจวไม่ได้บังคับและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นขอลูบ ๆ คลำ ๆ ก่อนเดี๋ยวเดียวก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนกลัวว่าจะมีใครพาเด็กเข้ามาหรือไม่ก็เด็กอาจจะร้องไห้ขึ้นมา
เธอเหยียดเกร็งหลังเท้าตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นก็รีบหน่อยแล้วกัน”
มือของเสิ่นอี้โจวหยุดชั่วครู่ “ที่รัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณพูดคำพวกนี้ ผมคงทำให้คุณร้องคร่ำครวญไปแล้วนะ”
จากนั้นเขาก็จับเธอลูบ ๆ คลำ ๆ ไปเรื่อย
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนเธอกอดคอเขาแน่นแล้วอุทาน “เสิ่นอี้โจว!”
เธอเหลือบมองลงข้างล่างแล้วพูดว่า “เสื้อผ้าของฉันเปียกหมดแล้วนะ!”
ลูกชายคนเล็กของเธอกินนมไปไม่มาก หน้าอกจึงยังคงบวมอยู่ ดังนั้นหลังจากถูกสัมผัสเช่นนี้…
คิ้วของเสิ่นอี้โจวเลิกขึ้น “ไม่เป็นไร ผมจะช่วยคุณทำความสะอาดเอง”
หลังจากนั้น เขาก็เลิกเสื้อผ้าของภรรยาขึ้นและก้มศีรษะลงทันที
เซี่ยชิงหยวน “!”
นี่เขากล้าทำอะไรแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?
ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าชายคนนี้เรียนรู้มาจากที่ไหน!
เธอทำได้เพียงจ้องมองไปในทิศทางของประตูเผื่อจู่ ๆ มีใครเปิดประตูเข้ามา
อารมณ์ตึงเครียดนี้เกิดขึ้นได้ไม่นานก่อนที่เสิ่นอี้โจวจะเริ่มสำลัก
เขายืนขึ้นใช้หลังมือเช็ดน้ำนมที่มุมริมฝีปาก แล้วมองดูเธออย่างเงียบ ๆ พร้อมกับหลับตา
ขณะเดียวกัน เซี่ยชิงหยวนก็ค้นพบว่าเสิ่นอี้โจวมีคราบน้ำนมเปื้อนบนใบหน้าของเขาด้วย
เธอเหยียดนิ้วออกและจิ้มหน้าอกของเขา “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “เอาละ พรุ่งนี้ผมจะให้ป้าอู๋เคี่ยวซุปน้อยลงแล้วกัน ไม่อย่างนั้นคุณจะรู้สึกลำบากอีก”
เซี่ยชิงหยวนตามไม่ทันคำพูดของเขา เธอตอบอย่างตามน้ำไป “ก็ได้นะ”
เมื่อมองดูท่าทางงุนงงของเธอแล้ว เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มและบีบแก้มหญิงสาว “ภรรยาของผม ในที่สุดผมก็ได้เห็นว่าบางทีคุณก็ไม่ฉลาดนักเลย”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอตบมือของเขาออกไปทันที “ฉันยังไม่หายดีเลยนะ”
เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอแล้ววางลงบนริมฝีปากของเขา จากนั้นก็พรมจูบมันเบา ๆ ตั้งแต่ปลายนิ้วไปจนถึงฝ่ามือของเธอ
เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบก็ได้นี่ เรายังมีเวลาให้อยู่ด้วยกันอีกเยอะ”
หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเข้าห้องน้ำ
เมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็มีอ่างน้ำร้อนและผ้าเช็ดตัวอยู่ในมือ
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนมองเขาด้วยความสับสน ชายหนุ่มจึงอธิบายว่า “เด็กรู้มากคนนั้นจู้จี้จุกจิกมาก ผมเดาว่าเขาคงได้กลิ่นแล้วงอแงแน่”
แก้มของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำหลังจากได้ยิน “เขาเป็นลูกชายของคุณแท้ ๆ นะ”
สีหน้าของเสิ่นอี้โจวดูรำคาญ “ลูกของผมไม่ควรขโมยภรรยาของผมไปแบบนี้สิ!”
หลังจากนั้นเขาก็เอาผ้าเช็ดตัวไปชุบน้ำ บิดให้แห้งแล้วเช็ดตัวภรรยาให้สะอาด
เซี่ยชิงหยวนแนะนำ “ลูกชายของเราต้องทุกข์ทรมานมากมายตอนที่เขาเกิดมา มันก็เลี่ยงไม่ได้หรอกนะที่เขาจะดูแลยากกว่าลูกสาวของเรา”
เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ในใจของผม ลูกสาวจะได้รับการโอ๋เอาใจแต่ลูกชายจะต้องรู้ความตั้งแต่เด็ก”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มและพูดว่า “คุณไปเอาความคิดนี้มาจากไหนเนี่ย? คุณลำเอียงกับลูกสาวของเรามากกว่าลูกชายอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ก็เพราะว่าเธอหน้าเหมือนคุณนั่นแหละ”
เขาจัดเสื้อผ้าเธอให้เรียบร้อยก่อนจะพูดว่า “ที่ผมพูดเมื่อกี้แค่ล้อเล่นนะ คุณพยายามอย่างมากในการคลอดลูกของเรา สำหรับผม ลูกทั้งสองคนมีความสำคัญมากกว่าชีวิตของผมอยู่แล้ว”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกสะเทือนใจมากและมองดูเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันรู้”
…
พม่า
ทางทิศตะวันออกของป่าลึกและอันตรายเป็นแม่น้ำกว้างที่มีคลื่นเชี่ยวเหมือนกำแพงธรรมชาติ ตัดขาดระหว่างสถานที่แห่งนี้กับโลกภายนอก
มันล้อมรอบด้วยภูเขาในระยะไกลทุกด้าน เป็นพื้นที่นอกกฎหมายอันดับต้น ๆ ของโลก
พื้นที่นี้มีทั้งความยากจนแร้นแค้น การล่อลวง และสงคราม ตลอดจนความมั่งคั่ง ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเสียสติได้
ขณะนี้มีกลุ่มคนก้าวไปทีละก้าวบนกองใบไม้หนา รากของต้นไม้สูงตระหง่านพัวพันกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีกลุ่มอาคารสูงชันอยู่ข้าง ๆ
มีทหารยามหลายคนบนหอสังเกตการณ์ตรงทางเข้าด้านหน้าของค่ายโดยมีปืนกลหนักติดตั้งอยู่ และผู้คนก็ลาดตระเวนไปมาเป็นครั้งคราว
ที่ตีนเขาห่างจากหมู่บ้านไปหลายสิบกิโลเมตร มีกลุ่มคนชนเผ่าอาศัยอยู่ที่นี่
ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นทั้งคนแก่และผู้หญิง รวมถึงเด็กบางคนที่สะพายปืนไว้บนหลัง
นอกจากอาหารแล้ว ยังมีพืชพรรณที่พวกเขาปลูกและรวมถึงดอกไม้ที่สวยงาม ซึ่งเกือบจะเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วด้วย
ผู้คนทำงานทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าเฉยเมยและไม่สนใจที่จะฟังเสียงการสนทนาใด ๆ
ฉีจิ่นจือและฟู่ชุนไจ่อาศัยอยู่ในบ้านไม้หลังเล็กบริเวณตีนเขา
ทั้งสองมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คิ้วของพวกเขาขมวดเป็นปม
พวกเขาเคยรู้มาบ้างว่าการค้ายาเสพติดในพม่าเป็นเรื่องร้ายแรง แต่พอเห็นจริง ๆ ก็ตกตะลึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฟู่ชุนไจ่กระซิบ “ลูกพี่ มันหมายความว่าไงที่พวกเขาส่งเรามาที่นี่?”
เมื่อไม่นานมานี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้ติดต่อกับเจ้าพ่อค้ายาซางคุนแห่งพม่าผ่านทางไห่เยี่ย
แต่เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่พวกเขามาที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงการได้เจอซางคุน พวกเขาไม่ได้แม้แต่จะแตะขอบหมู่บ้านเลยด้วยซ้ำ
ขณะที่ฉีจิ่นจือกำลังจะตอบ เสียงของยานพาหนะที่กำลังเข้ามาก็ได้ยินมาจากที่ไกล ๆ
จากนั้นรถหุ้มเกราะคันหนึ่งก็หยุดบนถนนลูกรัง และมีหญิงสาวคนหนึ่งกระโดดออกมาจากรถ
เธอสวมชุดลายพรางเผยให้เห็นเอวรัดรูปอันร้อนแรงของเธอ รองเท้าบูตสีดำเหยียบลงบนพื้นจนทำให้เกิดฝุ่น
เธอมองไปทางพวกเขาทั้งสอง เชิดหน้าขึ้นและตะโกนเป็นภาษาพม่าอย่างหยิ่งผยอง “พาพวกเขามาที่นี่!”