กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 5 เยี่ยมเยียน
บทที่ 5 เยี่ยมเยียน
หมู่บ้านซิ่งฮวาคือบ้านแม่ของเซี่ยชิงหยวน ที่นั่นอยู่ติดกับหมู่บ้านซีสุ่ย เซี่ยชิงหยวนเป็นลูกคนสุดท้องในครอบครัว หญิงสาวนิสัยเสียตั้งแต่ยังเด็ก แต่มันก็มีความลับบางอย่างที่พูดออกไปไม่ได้ เช่น เรื่องระหว่างเธอกับแม่ของเธอ หวังผิง
ทุกครั้งที่กลับไปมักมีเรื่องให้สองแม่ลูกไม่สบอารมณ์และปะทะคารมกันทุกครั้ง
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอตั้งแต่ไปจากที่นั่น เธอก็ไม่ค่อยได้กลับไป และพ่อแม่ของเธอในความทรงจํามีผมขาวกันหมดแล้ว
แน่นอนว่าเธอคิดถึงพวกเขา
เธอชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า “ได้สิ”
ทุกครั้งที่เสิ่นอี้โจวกลับมาจากหน่วยงานของเขา หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษ เขาจะพาเธอกลับไปที่บ้านแม่ของเธอ คราวนี้ก็เช่นกัน
เมื่อเซี่ยชิงหยวนออกมาจากห้องอาหารหลังจากรับประทานมื้อเช้า ชายหนุ่มก็ได้ถือถุงสองใบไว้ในมือแล้ว
มีปลากับเนื้อ บุหรี่ ไวน์ น้ำตาล และนมผงจากต่างประเทศสองกระป๋องซึ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นของมีค่า
เสิ่นอี้โจวเดินนําหน้า เซี่ยชิงหยวนเดินตามหลัง
เธอมองไปที่ชายผู้เป็นสามีซึ่งเดินห่างจากเธอถึงสองเมตร หญิงสาวจึงต้องระงับความคิดของตนเองที่ต้องการจะจับมืออีกฝ่ายเอาไว้
ในตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เพราะเธอต้องการจะทำแบบนั้นจริง ๆ โดยไม่สนใจว่าชาวบ้านจะคิดยังไง เธอจะต้องทำให้เสิ่นอี้โจวไม่ทิ้งเธอให้ได้
ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว เพื่อเดินเคียงข้างกับอีกฝ่าย
แล้วเธอก็สังเกตเห็นอย่างช้า ๆ ว่า เสิ่นอี้โจวมีรูปร่างที่สูงและขายาวมาก แต่อีกฝ่ายจงใจก้าวสั้น ๆ เพื่อชะลอความเร็วราวกับเพื่อให้เธอตามเขาทัน
เมื่อเห็นการกระทำของผู้เป็นสามี มุมปากของเซี่ยชิงหยวนก็ยกยิ้มขึ้นมาและความเศร้าโศกในใจของเธอก็หายไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ภาพที่คนทั้งสองปรากฏตัวเคียงข้างกันได้ดึงดูดสายตาของทุกคนที่พบเห็น
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็เงยหน้ามองเสิ่นอี้โจวที่เดินอยู่ด้านข้าง แต่เขาดูจะไม่ได้สนใจนัก หญิงสาวจึงเดินเชิดอกต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
ทว่าความคิดเห็นของผู้คนบางส่วนยังคงเข้าหูเธอ
“ทําไมวันนี้ชิงหยวนถึงออกไปกับอี้โจว?”
“นี่มันเป็นครั้งแรกไม่ใช่เหรอ”
“ดูเหมือนว่าทั้งสองจะคืนดีกันแล้วใช่ไหม? แล้วเรื่องตู้อวิ๋นเซิงล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่ชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
แต่เธอก็พบว่า เสิ่นอี้โจวไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
เธอสางผมของตัวเองครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ และเดินต่อไปข้างหน้า
ทั้งสองมาถึงหมู่บ้านซิ่งฮวาในเวลาไม่นาน
เมื่อเดินเข้าไปถึงประตูลานบ้าน ย่างก้าวของเธอก็ช้าลง
สิ่งนี้เรียกว่าเขินอายที่จะได้กลับบ้านเกิดหรือเปล่านะ?
เสิ่นอี้โจวรับรู้ถึงความประหม่าของหญิงสาว เขาจึงจับมือเธอเบา ๆ และพูดว่า “เข้าไปกันเถอะ”
หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็พาเธอเปิดประตูที่สานด้วยไม้ไผ่และตะโกนว่า “พ่อครับ แม่ครับ เรามาเยี่ยมแล้ว!”
เมื่อเสียงของเสิ่นอี้โจวดังขึ้น เสียงภายในบ้านก็ตอบกลับมาว่า “เอ๊ะ? มากันแล้วเหรอ!”
ทันทีหลังจากนั้น หวังผิงผู้เป็นแม่ของเซี่ยชิงหยวนก็ออกมาจากบ้าน
เธอยังคงสวมผ้ากันเปื้อนเก่าขาด ทว่าได้รับการซักล้างจนขาวสะอาดแล้ว ผมสั้นของเธอถูกมัดรวบเรียบร้อยไว้ตรงท้ายทอย
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจว รอยยิ้มของเธอก็จางลงเล็กน้อย
แต่เมื่อเหลือบมองสิ่งที่ชายหนุ่มถืออยู่ในมือ รอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่ายก็สดใสขึ้น และพูดทักทาย “เข้ามาสิ”
เมื่อหันกลับมาในบ้าน เธอก็ตะโกนเข้าไปในห้องว่า “จิ่งเยว่ น้องสาวแกกลับมาแล้ว ไปตามพ่อกลับมาเร็ว!”
เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวตะโกนออกไปพร้อมกันว่า “แม่คะ/ครับ”
เพียงแต่น้ำเสียงของหญิงสาวสะอื้นเล็กน้อย
หวังผิงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนั้น และในขณะที่กำลังรับของฝากจากมือของชายหนุ่มนั้น เธอก็พูดอย่างภาคภูมิใจด้วยเสียงอันดังก้องว่า “แค่กลับมาเยี่ยมพวกเราบ้างก็พอ ยังจะเอาของมาฝากกันอีกเหรอเนี่ย”
เมื่อเพื่อนบ้านได้ยินเสียงพวกเขา ทั้งหมดก็ชะโงกมองมายังพวกเขา “ลูกสาวกับลูกเขยตระกูลเซี่ยเป็นคนกตัญญูจริง ๆ พวกเขานําของมากมายกลับมาทุกครั้งเลย”
หวังผิงหันไปด้านข้าง เพื่อให้เพื่อนบ้านเห็นชัดเจนขึ้น ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ใช่ไหมล่ะ”
“โธ่ ก็บอกแล้วว่าคราวหน้าอย่าเอาอะไรมามากมาย พวกเธอนี่ไม่ฟังเลย ไม่ควรใช้เงินตามอําเภอใจแบบนี้สิ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้พูดอะไร แต่เสิ่นอี้โจวเอื้อมมือไปจับปลายนิ้วของหญิงสาว
เมื่อเห็นการกระทําที่อบอุ่นหัวใจแบบนี้ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกลับเช่นกัน
ทั้งสามคนเข้าไปในห้องรับแขก แล้วจากนั้นเด็กสองคนก็วิ่งออกมา
พวกเขาอายุประมาณหกเจ็ดขวบ และใบหน้าเล็ก ๆ ของพวกเขาก็ดูคล้ายกันมาก
พวกเขาคือลูกชายของพี่ชายคนโตของเซี่ยชิงหยวน เซี่ยไป่เหิงและเซี่ยไป่อวิ๋น
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวเข้ามา เด็กทั้งสองก็รีบวิ่งไปหาด้วยรอยยิ้มและกอดพวกเขาไว้
“คุณอา!”
“คุณอาเขย!”
เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวกอดอีกฝ่ายและหัวเราะออกมา
ข้างหลังของสองพี่น้องคือ เซี่ยจิ่งเยว่ พี่ชายคนโตของเซี่ยชิงหยวน
เขายิ้มและพูดว่า “น้องสาวน้องเขยนั่งรอที่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปเรียกพ่อกลับมา!”
เมื่อได้ยินเสียงที่มีชีวิตชีวาในบ้าน พี่สะใภ้ใหญ่กงเหลียนซินก็เดินออกมาเช่นกัน
พี่สะใภ้รองจางอวี้เจียวเองก็อยู่ในบ้านเช่นกัน ทว่าเธอกำลังดุลูกสาวทั้งสองคนอยู่ “มีอะไรน่ามองนักหนา จ้องอยู่นั่นแหละ ไปไกล ๆ เลยไป๊!”
หญิงสาวมองไปยังบรรดาญาติผู้ห่่างหายกันไปเนิ่นนาน ดวงตาของเธอแดงเรื่อเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังและเช็ดน้ำตาที่เอ่อเบา ๆ แล้วหันกลับมาพูดคุยกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าจางอวี้เจียวและหลานสาวทั้งสองคนยังไม่ออกมา หญิงสาวจึงถามขึ้นว่า “แล้วพี่สะใภ้รองกับหลาน ๆ ล่ะคะ”
กงเหลียนซินยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “อยู่ในบ้านน่ะ”
จากนั้นเธอก็รัวเสียงหัวเราะออกมา “อย่าสนใจพวกเขาเลย เดี๋ยวก็คงตามมากินเองนั่นล่ะ”
สําหรับน้องสะใภ้คนนี้ของเธอ กงเหลียนซินไม่ได้มีความประทับใจต่ออีกฝ่ายเท่าไหร่นัก
น้องสามีของเธอเป็นคนขับรถบรรทุกและไม่ค่อยได้อยู่บ้าน กงเหลียนซินจึงต้องการช่วยเหลือน้องสะใภ้กับหลาน ๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับกลอกตาและกล่าวหาว่าเธอจงใจดูถูกพวกเธอแม่ลูก เพราะสะใภ้ใหญ่เช่นเธอคลอดลูกชายได้ตั้งสองคน
อีกทั้งยังบอกว่าเธออาศัยความใจกว้างของพ่อแม่สามี เพื่อครอบครองทุกอย่างภายในบ้าน
หลังจากนั้นกงเหลียนซินก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายอีกเลย
ไม่นานนัก เซี่ยโยว่หมิงผู้เป็นพ่อของเซี่ยชิงหยวนก็กลับมา พร้อมกับลูกชายคนโต ก่อนที่เขาจะเข้าประตูบ้านมา ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากภายในบ้าน “หยวนหยวนกับอี้โจวมาเหรอ?”
หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีและมองไปยังทิศทางที่เซี่ยโยว่หมิงเข้ามา
เขาเป็นชายรูปร่างสูง ผิวสีแทน แต่ใบหน้าของเขาคมเข้ม เห็นได้ชัดว่าเมื่อครั้งที่เขายังหนุ่ม อีกฝ่ายหล่อเหล่าเอาการ
เนื่องจากการหย่าร้างของเธอในชาติก่อน ทำให้เซี่ยโยว่หมิงต้องล้มป่วย
หลังจากที่เธอเสียชีวิตไปไม่นาน เขาก็ตายตกตามไปเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อได้เห็นผู้เป็นพ่อยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ เซี่ยชิงหยวนจึงสั่นสะท้านไปทั้งตัว “พ่อ!”
เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองเอ่ยทัก เซี่ยโยว่หมิงก็กําลังจะพูดทักทาย แต่เมื่อพบว่าลูกสาวมีสีหน้าแปลก ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที
เขารี่เข้าหาลูกสาวอย่างรวดเร็วและดึงเธอเข้าไปหาตัว “ร้องไห้ทำไม ฮึ? อี้โจวรังแกลูกเหรอ”
พูดจบ เขาก็มองไปที่เสิ่นอี้โจวที่ยืนขึ้นเช่นกัน “อี้โจว ชิงหยวนเป็นอะไร?”
แม้จะถามไปอย่างนั้น ทว่าเจ้าตัวจะรู้อยู่แก่ใจว่า ลูกเขยคนนี้ไม่มีทางรังแกลูกสาวของเขาก็ตาม
ชายหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขามองไปที่ใบหน้าแดงก่ำของผู้เป็นภรรยาและพยายามอธิบายว่า “คุณพ่อครับ…”
ทว่าเซี่ยชิงหยวนกลับรีบคว้าแขนของเซี่ยโยว่หมิง “พ่อคะ หนูสบายดี”
เธอยิ้ม “หนูแค่ไม่ได้เจอพ่อมานานแล้ว เลยร้องไห้เพราะมีความสุขมาก”
เซี่ยโยว่หมิงมองเธออย่างสงสัย “ไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ หรือคนอื่นจะรังแกลูก?”
เพราะเขาก็ได้ยินมาเช่นกันว่า ครอบครัวลุงของเสิ่นอี้โจวเป็นคนใจแคบ
เซี่ยชิงหยวนกอดแขนของผู้เป็นพ่อ “หนูสบายดีจริง ๆ ”
เมื่อหญิงสาวพูดอย่างนั้น ชายชราจึงยอมตามน้ำไป เขาหยิกแก้มของอีกฝ่าย “ดูสิเนี่ย มีเนื้อมีหนังขึ้นไม่น้อยเลย”
การปกป้องเธอโดยไร้เงื่อนไขของเซี่ยโยว่หมิงนั้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นใจระคนรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ในชาตินี้เธอจึงตั้งปณิธานว่าจะดูแลคนคนนี้ให้ดีในฐานะผู้ใหญ่ของบ้าน และทำให้หมดห่วงเรื่องของเธอ
เซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินก็ยิ้มและพูดว่า “ใช่พ่อ ดูสิ อี้โจวกังวลหมดแล้ว”
เซี่ยโยว่หมิงเกาท้ายทอยและยิ้มให้ลูกเขยหนุ่ม “อี้โจว พ่อขอโทษนะ”
เสิ่นอี้โจวส่ายหัวอย่างไม่รู้ตัว “ไม่เป็นไรครับ ผมรู้พ่อเป็นห่วงชิงหยวนมาก”
บรรยากาศของครอบครัวกลับมากลมเกลียวกันอีกครั้ง
หวังผิงเดินเข้ามาพร้อมกับหม้อน้ำร้อน ขณะจ้องมองไปยังหยิงสาวด้วยความไม่พอใจ “ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกัน? พ่อแม่ของลูกตายรึยังไงกันฮึ?! อย่าทำแบบนี้อีก อายชาวบ้านเขา”