กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 511 เธอไม่ใช่ลูกสาวของผม
บทที่ 511 เธอไม่ใช่ลูกสาวของผม
เฮ่ออวี้เฟิงพูดว่า “นั่งดี ๆ นะ”
เขาสตาร์ตมอเตอร์ไซค์แล้วออกขับออกไป
เฮ่ออวี้เฟิงพาอาเซียงไปที่สถานีอนามัยขนาดเล็กที่ใกล้ที่สุด
หมอในสถานีอนามัยเป็นชายชรา
เขาสวมแว่นอ่านหนังสือ บอกให้อาเซียงอ้าปากเพื่อที่จะได้ตรวจสอบ ก่อนจะยิ้มให้เฮ่ออวี้เฟิง “ลูกสาวของคุณก็ดูไม่เด็กแล้วนะ ทำไมถึงยังพากันไปเล่นซนขนาดนี้อีกล่ะ?”
เฮ่ออวี้เฟิงซึ่งไม่มีเวลาล้างหน้าหลังจากกลับจากร้านเงียบไป “…”
ส่วนอาเซียงก็เม้มปากของเธอทันที “…”
เฮ่ออวี้เฟิงเช็ดใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ว่าหน้าสะอาดขึ้นหรือไม่ และพูดว่า “เธอไม่ใช่ลูกสาวของผม”
หมอชราอุทาน “โอ้” ไม่รู้ว่าได้ยินชัดรึเปล่าหรืออะไร แต่เขาแค่หันหลังกลับไปหยิบไอโอดีนเท่านั้น
จากนั้นก็พึมพำ “มีแต่เด็กน้อยเท่านั้นที่ล้มลงปากฟาดพื้นแบบนี้ คุณเป็นสาวแล้วแต่ยังล้มลงเหมือนเด็ก ๆ อีก คุณจะไม่เลือดออกได้ยังไงล่ะ”
อาเซียงมองไปที่เฮ่ออวี้เฟิงเพื่อขอความช่วยเหลือ
เห็นได้ชัดว่าเธอเติบโตในจุดที่ควรจะเรียกเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอยังดูเหมือนเด็กตรงไหนกัน?
หรือว่าเฮ่ออวี้เฟิงดูแก่เกินไปเหมือนลุงวัยกลางคน?
เธอไม่อยากให้หมอชรามองแบบนี้เลย มันไม่น่ารักเลยจริงๆ
เฮ่ออวี้เฟิงก็อับอายเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่แก้ความเข้าใจผิดของหมอชราอีกต่อไป ถามเพียงบางสิ่งที่ควรใส่ใจ รับยาแล้วพาอาเซียงกลับบ้าน
ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วเมื่อพวกเขาขับผ่านริมตลิ่ง ลมที่พัดมาจากแม่น้ำจึงเย็นและชื้น
เฮ่ออวี้เฟิงมองในกระจกข้างไปยังเบาะหลัง และสังเกตเห็นว่าอาเซียงกำลังห่อตัวจากความหนาวเย็นจึงพูดว่า “เธอเอามือล้วงกระเป๋าของฉันก็ได้นะ”
เขาสวมเสื้อกั๊กอยู่ข้างในและทับด้วยแจ็กเกตยีนที่ข้างนอก ซึ่งมันมีกระเป๋าอยู่สองฝั่งข้างลำตัว
อารมณ์หดหู่ในตอนแรกของอาเซียงหายออกไป และวินาทีต่อมา มือเล็ก ๆ ของเธอก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขา
กระเป๋าบาง ๆ นี้ไม่ได้อุ่นมากนัก แต่เนื่องจากมันดูดซับอุณหภูมิร่างกายของเฮ่ออวี้เฟิง จึงทำให้หัวใจของอาเซียงอบอุ่นแทน
เช่นเดียวกับแสงแดดอันอบอุ่น มันส่องสว่างอารมณ์ของเธอในวันที่มืดมน และทำให้หัวใจที่หดหู่ของเธออบอุ่นขึ้นมา
ขณะที่ล้วงมือลงในกระเป๋าของเขา หญิงสาวก็โน้มตัวไปทางเฮ่ออวี้เฟิงตามธรรมชาติ หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของเธอก็แนบอยู่บนหลังของเฮ่ออวี้เฟิง
ในตอนแรกเธอสังเกตปฏิกิริยาของเฮ่ออวี้เฟิงอย่างเงียบ ๆ และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ต่อต้าน เธอก็แนบกายบนหลังของเขาอย่างพึงพอใจ
มันอบอุ่นมาก
ทันทีที่อาเซียงเข้ามาใกล้ เฮ่ออวี้เฟิงก็เกร็งร่างกายของเขาโดยไม่รู้ตัว
ความนุ่มนิ่มของร่างกายหญิงสาวที่กดลงบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม และความบางของเสื้อผ้าฤดูร้อนของเธอก็ทำให้เขารับรู้ถึงส่วนเว้าโค้งอันงดงามของอีกฝ่ายได้
เด็กน้อยที่หมอเฒ่าพูดถึงอยู่ที่ไหนกัน? เธอเป็นดอกไม้ที่กำลังรอผลิบานหรือลูกพีชที่มีกลิ่นหอมหวานรอการเด็ดต่างหาก!
เหงื่อไหลออกมาบนหน้าผากของเฮ่ออวี้เฟิงปะทะกับสายลมเย็น ๆ จากแม่น้ำที่พัดผ่าน
เขาต้องใช้แรงใจอย่างมากในการควบคุมตัวเองจากการนั่งบนถังน้ำมันเชื้อเพลิง
การขับรถกลับบ้านครั้งนี้ยาวนานกว่าที่เคยสำหรับเฮ่ออวี้เฟิง
หลังจากมาถึงประตูบ้านในที่สุด อาเซียงก็ปีนลงมาจากเบาะหลัง แต่ก่อนที่เธอจะได้แสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อเฮ่ออวี้เฟิง ฝ่ายชายก็ก้าวอย่างรวดเร็วเข้าไปในบ้านแล้ว
เขาเดินเร็วมากด้วยขายาว ๆ ขณะที่เดินเขาพูดกับอาเซียงว่า “ฉันจะไปอาบน้ำก่อนนะ เธอควรทายาที่หน้ากระจกก่อนเข้านอนด้วยล่ะ”
อาเซียงมีเวลาที่ทำได้เพียงยืนเขย่งเท้าและตะโกนจากด้านหลังเท่านั้น
“พี่เฮ่อ…”
เฮ่ออวี้เฟิงรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
อาเซียงแปรงผมของเธอก่อนจะพูดคนเดียว “พี่ไม่ได้นำเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนด้วยซ้ำนะ”
เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ หญิงสาวแตะริมฝีปากที่ยังบวมของเธอแล้วจึงกลับเข้าไปในห้อง
…
ในขณะที่เซี่ยชิงหยวนยังคงหลับอยู่ เธอก็รู้สึกถึงการสัมผัสเบา ๆ ที่แก้ม
เธอยิ้มและพยายามหลบ “อี้โจว หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว”
แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกจั๊กจี้ยังคงไล่ตามเธอ
เซี่ยชิงหยวนจึงลืมตาขึ้นมา
วินาทีแรกเธอตาพร่าจากแสงแดดที่ส่องมาจากหน้าต่าง จากนั้นก็เห็นเด็กน้อยยิ้มหวานให้
เซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นมาและกอดลูกสาวของเธอ ก่อนจูบลงบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กน้อย “ลูกรัก”
“พี่สะใภ้” ทันใดนั้นเสียงของเสิ่นอี้หลินก็ดังออกมา และเขาก็มองดูเธอด้วยดวงตาคู่โตขณะที่หญิงสาวจูบเสิ่นทิงหลาน
เซี่ยชิงหยวนยื่นมือออกไปแล้วลูบหัวของเขา “ทำไมนายถึงขึ้นมากับทิงหลานล่ะ?”
เสิ่นอี้หลินยิ้ม “ทิงหลานกับทิงอวิ๋นงอแงคิดถึงพี่น่ะสิ ก่อนที่พี่ใหญ่จะออกไป เขาย้ำว่าอย่าเพิ่งปลุกพี่ แต่ต่อมาทิงอวิ๋นก็ดึงเคราของอาจารย์ปี่เหมือนกับจะร้องอยากให้เจอแม่เลย”
ปี่เหลาซานไว้หนวดเคราของเขามาหลายปีแล้ว และโดยปกติเขาจะหวงมันอย่างมาก
แม้แต่เสิ่นทิงหลานก็แค่ล้อเล่นและไม่เคยกล้าดึงจริง แต่โดยไม่คาดคิดเสิ่นทิงอวิ๋นกลับกล้าที่จะดึงทึ้งอยู่ตลอด
หลังจากได้ยินคำพูดของเสิ่นอี้หลินแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกอับอาย
เธอมองดูนาฬิกาบนผนังและเห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้ว
ปกติเวลานี้เธอจะเล่นกับลูก ๆ ที่ชั้นล่าง
คงจะเป็นเพราะเมื่อคืนเธอเหนื่อยเกินไป จึงตื่นสาย
เธอวางลูกสาวลงบนเตียง เลิกผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นนั่ง “ช่วยพี่ดูทิงหลานหน่อยนะ พี่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ได้ครับ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนจัดแจงตัวเองเสร็จก็อุ้มลูกสาวลงไปชั้นล่าง ในขณะเดียวกันปี่เหลาซานก็กำลังจับเสิ่นทิงอวิ๋นไว้ และหัวเราะจนปากแทบฉีกถึงหู
เขาพูดกับเซี่ยชิงหยวน “มากินข้าวเช้ากันก่อนสิ อาจารย์มีเรื่องจะบอก”