กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 523 เตรียมการจากไป
บทที่ 523 เตรียมการจากไป
เซี่ยชิงหยวนกลับไปยังสถานที่ที่เธออาศัยอยู่ และเริ่มทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน
เหตุผลที่เธอเรียก ‘สถานที่ที่อาศัยอยู่’ แทนที่จะเป็น ‘บ้าน’ ก็เพราะในใจของเธอ สถานที่ที่เสิ่นอี้โจวอยู่คือบ้านของเธอ ดังนั้นที่นี่เป็นเพียงสถานที่เปลี่ยนผ่านชั่วคราวสำหรับพวกเขาเท่านั้น
ปี่เหลาซานและปี่ฟู่หมานก็ออกจากมณฑลอวิ๋นเช่นกันในวันรุ่งขึ้น
ก่อนที่ปี่เหลาซานจะจากไป เขายังกำชับไว้อีกว่า “ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เธอต้องจำไว้ว่าต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเด็ดขาดนะ”
เซี่ยชิงหยวนพูดสัญญาให้แก่อาจารย์ของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในวันต่อมา หญิงสาวจัดตารางเวลางานประจำวันจนเต็มตาราง
เมื่อตื่นนอนตอนเช้า เธอพาเสิ่นอี้หลินและหลินตงซิ่วไปออกกำลังกายด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง พอหลังอาหารเช้าก็พาเสิ่นอี้หลินไปโรงเรียน จากนั้นไปที่ร้าน
ตอนนี้เด็กทั้งสองคนมีป้าอู๋และพี่เลี้ยงเอ๋อเป็นผู้ดูแล ซึ่งพาพวกเขาไปที่แผนกกุมารเวชศาสตร์ของโรงพยาบาลเพื่อรับการดูแลสุขภาพทุกวัน
คุณหมอฮวงพูดว่าหากม้ามและกระเพาะอาหารของเด็กได้รับการบำรุงอย่างดีตั้งแต่อายุยังน้อยก็จะมีภูมิต้านทานที่ดีและมีโรคภัยไข้เจ็บน้อยลง ซึ่งบังเอิญว่าทีมงานที่นำโดยคุณหมอฮวงได้เปิดตัวบริการนวดเพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่ ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงขอให้ป้าอู๋และพี่เลี้ยงเอ๋อดูแลเด็กไป
หลังจากทำไปสักพักผลก็ออกมาดีมากจริง ๆ เด็กทั้งสองกินอิ่มนอนหลับสบายอย่างมาก
เมื่อลูกสองคนมีคนอื่นคอยดูแลแทน เซี่ยชิงหยวนจึงมีเวลาว่างมากขึ้นในการทำสิ่งต่าง ๆ ของเธอเอง
ในตอนเช้าหญิงสาวไปที่ร้านเพื่อดูว่ามีส่วนไหนต้องปรับปรุงหรือไม่ ช่วงบ่ายเธอจะอยู่ในห้องและจดแผนการพัฒนาธุรกิจเสื้อผ้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บางครั้งเธอก็แก้ไขรายการของที่ต้องซื้อ
เซี่ยชิงหยวนพยายามอย่างหนักในการทบทวนความจำของเธอจากชาติที่แล้วเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าในอนาคตที่กำลังจะถึง และระบุโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญหลายประการโดยละเอียด เธอเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำสำหรับหนึ่งหรือสองปีถัดจากนี้ให้กับเหล่าไต้และอาเซียง เพื่อเป็นการเตรียมการสำหรับอนาคต
ส่วนข้ออ้างที่ให้ไปเมื่อทั้งสองคนสงสัย เซี่ยชิงหยวนเพียงบอกว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงในเรื่องธุรกิจเสื้อผ้าของเธอ และไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
เหล่าไต้และอาเซียงตัดสินใจติดตามเซี่ยชิงหยวนแล้ว แทนที่จะแย้งคำสั่งของเธอ พวกเขายินดีที่จะทำตาม
สำหรับร้านตรอกเก่า เซี่ยชิงหยวนสามารถขอให้ป้าอู๋ช่วยดูแลได้
เธอจะส่งสูตรอาหารใหม่ ๆ มาให้เป็นประจำเพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้นและป้องกันไม่ให้ลูกค้าเดิมเบื่อ
นอกเหนือจากการเตรียมการในธุรกิจเสื้อผ้าแล้ว เซี่ยชิงหยวนใช้เวลาในการเตรียมข้าวของมากที่สุด
หลังจากที่เสิ่นอี้โจวไปถึงที่นั่น เขาก็เขียนจดหมายถึงเธอทันที ใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือนกว่าที่เซี่ยชิงหยวนจะได้รับจดหมาย ซึ่งทำให้นึกภาพออกเลยว่าที่นั่นกันดารแค่ไหน
เสิ่นอี้โจวได้เขียนลักษณะของที่อยู่อาศัยของเขาเองในจดหมาย และอธิบายรายละเอียดสภาพอากาศที่นั่น ซึ่งเซี่ยชิงหยวนจะได้เพิ่มรายการสิ่งของที่เธอต้องนำไปตามสิ่งที่เขาอธิบาย
จุดที่เขาอยู่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาและมีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว ดังนั้นจึงต้องมีเสื้อผ้ากันหนาวและสิ่งของอื่น ๆ มากมายเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
ปัญหาที่สองคือการขาดแคลนยา หลังจากได้รับจดหมายเซี่ยชิงหยวนได้ซื้อยาจำนวนมากที่เสิ่นอี้โจวต้องการ และขอให้ฉู่ซิงอวี่ส่งยาเหล่านั้นไปที่นั่น
เธอยังได้เตรียมยาเฉพาะสำหรับเด็ก เธอยังปรึกษาหมอทุกที่และนำยาอีกชุดกลับมาด้วย
นอกจากนี้ เซี่ยชิงหยวนได้เตรียมเสบียงเพิ่มเติมสำหรับชีวิตประจำวันที่สามารถเก็บไว้เป็นเวลานาน เช่นของแห้งซึ่งจะถูกขนไปด้วยเกวียน รวมถึงสิ่งของที่มีคุณค่าทางโภชนาการและของที่บริโภคได้ในแต่ละวัน
สำหรับนมผงที่ทุกคนดื่ม เซี่ยชิงหยวนยังคำนวณจำนวนและเตรียมเอาไว้เผื่อสำหรับกินตลอดทั้งปี
สำหรับเสื้อผ้าทั้งครอบครัว เซี่ยชิงหยวนเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมาก
แต่เธอจะไม่เอาพวกเสื้อผ้าที่ดูสวยงามไป หญิงสาวเลือกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วเบาสบายตลอดทั้งปี โดยมีทั้งชุดชั้นในและชุดนอก
ในช่วงเวลานี้ เฟิงหว่านกับหลิงหลินมักจะมาเยี่ยมเธอ และนำข่าวของเขตที่พักอาศัยมาเล่าให้ฟัง
ข่าวแรกคือของเซี่ยจื่ออี้ หลังจากที่ถูกตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับเซี่ยเจิ้งแล้ว เซี่ยจื่ออี้ก็ได้ติดต่อกับไป๋อวิ๋นหลี่และตอนนี้พวกเขาก็มีความสัมพันธ์กัน
ตั้งแต่แรกที่ไป๋อวิ๋นหลี่มายังมณฑลอวิ๋นจนถึงปัจจุบัน เขาทำให้หลายคนขุ่นเคืองเพราะการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของเขา ส่วนเซี่ยจื่ออี้ก็รับผิดชอบในเรื่องการเชื่อมความสัมพันธ์ และยังเอาชนะบางฝ่ายโดยการอ้างความสัมพันธ์ของเธอกับเซี่ยเจิ้ง
เซี่ยเจิ้งเป็นคนสูงส่งและมีเกียรติมาก ผู้คนส่วนใหญ่ที่เขามีสัมพันธ์เป็นคนชนชั้นสูง แต่คนเหล่านั้นจะเต็มใจที่จะคบหากับไป๋อวิ๋นหลี่ได้ยังไง?
นอกจากนี้เซี่ยเจิ้งยังบอกด้วยว่าเขาไม่มีความสัมพันธ์กับเซี่ยจื่ออี้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าใครจะปกป้องหรือเล่นงานเธอ เขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยทั้งนั้น
เฟิงหว่านถอนหายใจ “ทำไมข้าราชการที่ดีอย่างผู้อำนวยการเซี่ย ถึงได้ให้กำเนิดลูกสาวเช่นเซี่ยจื่ออี้ได้กันนะ เป็นไปได้ไหมว่าเซี่ยจื่ออี้คนนี้ไม่ใช่ลูกทางสายเลือดของเขาน่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร
เฟิงหว่านพูดเสริม “แต่ไม่คาดคิดเลย ฉินซูอวี้คนนั้นกลับกลายเป็นคนดีจริง ๆ หลายครั้งที่เฉินหลี่พูดถึงครอบครัวของคุณไม่ดีกับคนข้างนอก ฉินซูอวี้กลับก้าวออกมาคอยพูดปกป้องพวกคุณ แถมยังโกรธแม่ของเธอเองเพราะเรื่องนี้ด้วยนะ”
หลิงหลินพูดว่า “เดี๋ยวนี้เมื่อไหร่ที่ฉันได้พบกับฉินซูอวี้ ฉันจะพูดทักทายเธอสองสามคำเสมอ ส่วนเซี่ยจื่ออี้ฉันจะกลอกตาให้เธอเห็นตาขาวของฉันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลยค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “เป็นความจริงเลยนะที่ว่าเวลาจะเผยให้เห็นจิตใจของผู้คน”
…
ปีนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้วกว้างขณะดูสมุดบัญชีที่ร้านค้าส่งมา
หลังจากร่วมมือกับเหล่าไต้แล้ว ร้านยามต้องมนต์ก็เปิดสาขาทั้งหมด 10 สาขา และกำไรในปีนี้ก็สูงถึง 280,000 หยวน!
นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมการออกแบบที่โรงงานผ้าไหมหงเหมียนมอบให้เธอในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เซี่ยชิงหยวนทำเกินโควตาของเธอในการออกแบบหลายรายการและได้รับมากกว่า 20,000 หยวน
อย่างสุดท้าย รวมกำไรประจำปีจากร้านตรอกเก่าแล้วมีมากกว่า 40,000 หยวน
เซี่ยชิงหยวนวางลูกคิดไว้บนโต๊ะ และมองผ่านหน้าต่างไปที่ป้าอู๋กับพี่เลี้ยงเอ๋อที่กำลังล้อเล่นเด็กทั้งสอง และพริ้มตาลงอย่างมีความสุข
ชีวิตก็ยังสวยงามใช่ไหมล่ะ?
เธอฝืนยิ้มเป็นครั้งคราว ในวันส่งท้ายปีเก่าเธอก็ฝ่าฟันไปได้ในที่สุด
เมื่อฟังเสียงอึกทึกของทุกครัวเรือน ผู้หญิงสองคนที่ดูแลเด็ก ๆ ก็รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่พักหนึ่ง
เดิมทีเธอวางแผนที่จะไปหาเสิ่นอี้โจวก่อนปีใหม่ แต่ต่อมาเมื่อพิจารณาถึงอากาศหนาวเย็นในภูเขาลึก เธอก็กังวลว่าลูก ๆ จะยังเด็กเกินไปที่จะทนได้ เธอและคนอื่นจึงตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าจะไปที่นั่นในฤดูใบไม้ผลิแทน
นี่เป็นปีใหม่แรกที่ครอบครัวไม่ได้ใช้เวลาร่วมกัน เธอสงสัยว่าเสิ่นอี้โจวกำลังทำอะไรคนเดียวในเวลานี้?
หญิงสาวคืนสติอย่างรวดเร็วและเรียกเสิ่นอี้หลิน “อี้หลิน ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้ซื้อดอกไม้ไฟให้มากมายเหรอ? พาทุกคนออกไปข้างนอกแล้วเล่นพวกมันสิ”
เสิ่นอี้หลินง่วงนอนในตอนแรก แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวนมันก็ทำให้เขามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เขาวิ่งกลับเข้าไปในห้อง หยิบดอกไม้ไฟออกมาจำนวนมาก และจุดพลุดอกไม้ไฟในพื้นที่โล่งด้านหน้าที่อยู่อาศัยของพวกเขา
เมื่อเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ เห็นดอกไม้ไฟ ทุกคนก็วิ่งออกมาเล่นด้วยกัน
เซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วต่างก็อุ้มเด็กออกไปมองดู
ดอกไม้ไฟเต็มท้องฟ้าและเบ่งบานในดวงตาของพวกเขา เด็กน้อยสองคนที่ควรจะหลับไปแล้วก็มองดูดอกไม้ไฟอย่างมีความสุขและเริ่มร้องอ้อแอ้อย่างอารมณ์ดี
หลินตงซิ่วถามเซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน ลูกไม่คิดจะโทรไปบอกที่บ้านของลูกเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่ดีกว่าค่ะแม่ พวกเขาจะกังวลกันซะเปล่า ๆ”
ตามนิสัยของหวังผิง เธอจะร้องไห้และคัดค้านการที่เธอจะไปที่ภูเขาอย่างแน่นอน
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้นานนักเช่นกัน เซี่ยชิงหยวนได้เตรียมจดหมายแล้ว และจะส่งไปให้กงเหลียนซินหลังจากที่เธอออกเดินทาง
เวลาที่กงเหลียนซินได้รับจดหมาย มันก็น่าจะเป็นตอนที่เธอได้ไปอยู่กับเสิ่นอี้โจวอีกครั้งแล้วพอดี
หลินตงซิ่วเปิดปากจะพูด แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดชักชวนอะไรอีก
…
ตอนที่ออกเดินทางก็เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ภายใต้สายลมฤดูใบไม้ผลิ เซี่ยชิงหยวนมองเห็นหลิงเยี่ย ซึ่งเธอไม่ได้เจอมาเป็นเวลานาน
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนรู้สึกประหลาดใจ หลิงเยี่ยก็พูดว่า “ผมเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งคุณไปที่นั่นน่ะครับ”