กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 53 ขอโทษที ฉันขอปฏิเสธ
บทที่ 53 ขอโทษที ฉันขอปฏิเสธ
บทที่ 53 ขอโทษที ฉันขอปฏิเสธ
ด้วยสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ฉินซูอวี้จึงเริ่มที่จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้เล็กน้อย
เมื่อไร้ซึ่งการหว่านเสน่ห์ของเธอ ครอบครัวของคนอื่นก็เริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้า จากนั้นบรรยากาศการสนทนาก็ยิ่งร้อนระอุกว่าที่เคย
ถูกต้อง ไม่ว่าฉินซูอวี้จะเก่งแค่ไหน ผู้หญิงคนไหนจะชอบให้ผู้หญิงแบบนี้มาอยู่ใกล้ ๆ ผู้ชายของตัวเองกัน?
คุณลองคิดดูอีกแล้วกัน ว่าหากงานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยแบบนี้ ใครจะนิ่งไหวกันล่ะ?
แม้ว่าเสิ่นอี้โจวจะมีสาวงามอย่างฉินซูอวี้นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่เขาก็ไม่เคยเหลือบมองเธอเลย
หลังจากดื่มกินมาพักใหญ่ ทุกคนก็กินดื่มจนอิ่มหนำ และพวกเขาก็พร้อมที่จะกลับบ้าน
ทว่ายังมีอาหารบางจานเหลืออยู่ ภรรยาคนหนึ่งลุกขึ้นพูดว่า “ฉันจะเอาส่วนที่เหลือกลับบ้านเอง และจะทานเป็นมื้อเช้าหลังจากอุ่นพวกมันแล้ว”
ราคาของอาหารจานนี้ตั้งเท่าไหร่กัน? ถ้าไม่เอากลับบ้านไป มันจะเสียเปล่า
ด้วยเหตุนี้ บรรดาภรรยาคนอื่นจึงถอยหลังหนึ่งก้าวและทำได้เพียงมองดูอย่างเสียดายเมื่อจานถูกยกออกไป
เมื่อพบว่าในชามของเธอยังมีข้าวเหลืออยู่อีกครึ่งชาม เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกปวดหัว
เสิ่นอี้โจวคีบผักส่งให้เธอ เพียงกินข้าวไปได้ไม่กี่คำ เขาก็คีบผักมาเติมให้อีก
ไม่ว่าเธอจะกินผักด้วยความสิ้นหวังมากแค่ไหน แต่ท้องของเธอกลับพองกลมทั้งที่ยังเหลือข้าวอีกครึ่งชาม
น่าเสียดายที่จะทิ้งมันไป แต่เธอก็ไม่สามารถกินข้าวที่เหลือได้อีกต่อไปเช่นกัน
เสิ่นอี้โจวสังเกตเห็นแววตาของผู้เป็นภรรยา จากนั้นเขาก็หยิบชามของเธอขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร และกินข้าวในชามนั้นจนหมดในไม่กี่คำ
เซี่ยชิงหยวน “!”
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ “!”
เซวียไฉ่เฟิ่งอดไม่ได้ที่จะอิจฉา “พี่เสิ่นคนนี้ดีกับภรรยาของเขามากเหลือเกิน เขาไม่คิดรังเกียจอาหารที่ภรรยากินไปแล้วเลยด้วยซ้ำ!”
มีอีกคนพูดติดตลกเมื่อเห็นฉากนี้ว่า “ที่รักของผม เมื่อผมจูบคุณ ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจน้ำลายของคุณเหมือนกัน!”
เซวียไฉ่เฟิ่งหน้าแดงและแซว “น่าไม่อาย!”
สีหน้าของชายหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลง ขณะวางชามที่เขากินหมดแล้วและเช็ดปากช้า ๆ
เมื่อพบว่าใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนขึ้นสีแดงเรื่อ เขาจึงโน้มเข้าหาเธอและพูดว่า “ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาพูดนะ”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้เซี่ยชิงหยวนนึกถึงฉากจูบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ในวันนี้ และหญิงสาวก็รู้สึกว่าแก้มของเธอแดงขึ้นมา…
หญิงสาวสอดมือเล็กของตัวเองเข้าไปใต้โต๊ะแล้วจับขาของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
เสิ่นอี้โจวเพิ่งหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม และก็เกือบจะสำลักออกมา
ฝ่ามือใหญ่ของเขากดมือของเธอไว้ และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูคลุมเครือราวกับกำลังเกลี้ยกล่อม “อย่าสร้างปัญหาสิ”
แต่เซี่ยชิงหยวนกลับรู้สึกเพียงว่า อุณหภูมิบนใบหน้าของเธอไม่ได้ลดลง และยังร้อนขึ้นอีกด้วย
เธออยากจะดึงมือของอีกฝ่ายออก แต่เขากลับจับไว้แน่นจนไม่สามารถขยับได้
หญิงสาวกังวลว่าคนอื่นจะรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าขยับอีกต่อไป
ทว่าเมื่อเห็นแววตาขี้เล่นของผู้เป็นสามี เธอก็เปลี่ยนความคิดที่จะไม่ยอมแพ้
เธอกางนิ้วออกและสะกิดที่โคนขาของผู้เป็นสามี
ตำแหน่งที่เธอสะกิดนั้นอยู่ใกล้กับโคนขาของเขามาก และนิ้วเรียวของเธอก็สัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง
เธอสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ของสัมผัสนั้น และยังคงสะกิดอีกสองสามครั้ง
คราวนี้เสิ่นอี้โจวไอออกมา จนใบหน้าของเขาแดงก่ำ
เธอไม่รู้ว่าเขาสำลักจริงหรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่
เซี่ยชิงหยวนยื่นมืออีกข้างออกไป ตบหลังเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า “ดูสิ แม้แต่ดื่มน้ำก็สำลักได้นะคนเรา”
เสิ่นอี้โจวรีบจับมือเธอไว้ทันที เพื่อไม่ให้เธอขยับซี้ซั้วอีก
ท่าทางของคนทั้งสองดูไม่มีพิรุธเท่าไหร่ในสายตาคนอื่น
ฉินซูอวี้ที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งยืนขึ้นพร้อมกับคร่ำครวญ “ฉันจะออกไปรอข้างนอกก่อน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
แต่คนอื่นไม่เข้าใจเธอ คิดเพียงว่าหญิงสาวคงไม่สะดวกใจที่เห็นคู่สามีภรรยาใกล้ชิดกัน จากนั้นพวกเขาก็สนทนากันต่ออย่างเริงร่า
มีเพียงเสิ่นอี้โจวเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของเขากำลังทำสงครามระหว่างสวรรค์และมนุษย์ในขณะนี้
ชายหนุ่มถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัว
เขาหวังเพียงว่า จะไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติบนร่างกายของเขาก่อนที่มื้ออาหารนี้จะจบลง
ในขณะที่ฉินซูอวี้ผู้ออกไปข้างนอกเพื่อหายใจหายคอ ใบหน้าของเธอในเวลานี้กลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
คนอื่นอาจไม่เห็นภาพเมื่อครู่ แต่เธอเห็นมันเต็มตา
คนที่งดงามบริสุทธ์เหมือนจี้เยว่อย่างเสิ่นอี้โจวอนุญาตให้นังผู้น่าไม่อายเซี่ยชิงหยวนทำแบบนี้ในที่สาธารณะได้ยังไงกัน!
คนบ้านนอกก็ยังเป็นคนบ้านนอกอยู่วันยังค่ำ! ไม่มีความเหมาะสม ความเป็นผู้ดี และความละอายเลยแม้แต่น้อย!
กระทั่งเสิ่นอี้โจวก็หลงเสน่ห์นังนั่นโดยไม่ลืมหูลืมตา เต็มใจตกต่ำถึงขนาดนี้!
เธอต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อดึงชายหนุ่มกลับมาจากเส้นทางที่หลงผิดนี้ให้ได้!
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็เดินกลับไปด้วยกัน
เมื่อมาถึงทางแยก ทุกคนก็กลับไปที่บ้านพักของแต่ละคน ยกเว้นเสี่ยวปอเหรินที่อาศัยอยู่หอพักข้างนอก
เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวเดินเคียงข้างกัน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว พวกเขารู้สึกสบายใจเมื่อสายลมเย็นพัดผ่าน
ฉินซูอวี้เดินตามอยู่ทางด้านหลังของพวกเขา ดวงตาของเธอแทบลุกเป็นไฟ
โจวหยางซึ่งเดินอยู่ข้าง ๆ ทำอะไรไม่ถูก เขาจงใจพูดว่า “พี่เสิ่นและพี่สะใภ้ดูมีความสัมพันธ์ที่ดีจริง ๆ นะครับ”
แม้จะประหม่ามาก แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกเพียงว่าฉินซูอวี้ดูสนิทกับเสิ่นอี้โจวมากเกินไป แต่มันอาจเป็นเพราะพวกเขานับถือกันแบบพี่น้อง และมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก
แต่เมื่อได้เห็นฉินซูอวี้ต่อสู้กับเซี่ยชิงหยวนในค่ำคืนนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็จะสังเกตเห็นได้เอง
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินซูอวี้ก็พูดอะไรแปลก ๆ “นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ดูเหมือนเท่านั้น”
โจวหยางสำลัก
เขามองคนข้าง ๆ และพูดว่า “แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ดี”
หรือก็คือไม่ว่าความสัมพันธ์จะดีหรือไม่ก็ตาม แต่เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนก็มีทะเบียนสมรสที่กฎหมายคุ้มครองอยู่
เมื่อฉินซูอวี้ได้ยินคำว่า ‘สามีภรรยา’ เธอก็หงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
มีร่องรอยเยาะเย้ยปรากฏที่มุมปากของเธอ “โจวหยาง คอยดูเถอะ อี้โจวจะไม่อยู่ในที่เล็ก ๆ แห่งนี้ตลอดไปหรอก”
ด้วยความสามารถของเสิ่นอี้โจว มีคนตั้งไม่รู้เท่าไหร่พยายามจะเข้ามาหาเขาผ่านซอกหลืบของสถาบันวิจัยทางธรณีวิทยาแห่งนี้
พ่อของเธอยังข่าวมาว่า ตอนที่เสิ่นอี้โจวไปรายงานการวิจัยเชิงวิชาการครั้งล่าสุดในอำเภอเมืองของจังหวัด เขาก็ได้เฉิดฉายที่นั่นแล้ว
พ่อของเธอได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของผู้คนที่หน่วยงานประจำจังหวัดจัดขึ้น และหัวหน้าแผนกประจำจังหวัดได้เรียกตัวเสิ่นอี้โจวไปบรรยายที่นั่นในตอนนั้นพอดี
ผลลัพธ์ต่อมาก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย การบรรยายของเสิ่นอี้โจวได้ชนะใจผู้นำระดับสูงหลายคน และชายหนุ่มก็ได้รับเชิญให้เข้าไปทำงานในแผนกประจำจังหวัดทันที
นี่เป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่เสิ่นอี้โจวกลับปฏิเสธกิ่งมะกอกนี้
ส่วนเหตุผลที่ชายหนุ่มปฏิเสธ เธอคิดว่ามันต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเซี่ยชิงหยวนอย่างแน่นอน
เสิ่นอี้โจวควรจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกและได้รับการชื่นชมจากผู้คนแทนที่จะถูกผู้หญิงบ้านนอกอย่างเซี่ยชิงหยวนรั้งไว้!
เมื่อเห็นฉินซูอวี้เป็นแบบนี้ โจวหยางก็ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่สักพักใหญ่
เราทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และฉินซูอวี้มักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเลยที่จะมีปัญหากับอีกฝ่ายเพราะเรื่องนี้
ชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ แค่คุณเข้าใจความจริงข้อนี้ก็พอ ผมจะไม่พูดอะไรมาก แต่การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของคนอื่น มันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมมาก”
ฉินซูอวี้ตอบโต้ “นายไม่เข้าใจ”
เมื่อถึงเวลากล่าวคำอำลาในที่สุด ฉินซูอวี้ก็เร่งฝีเท้า หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวเธอก็หยุดเสิ่นอี้โจวไว้
“อี้โจว ฉันจำได้ว่าเอารายงานการวิจัยโดยละเอียดเกี่ยวกับเครื่องทดสอบการเตือนภัยแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดมาด้วย นายอยากไปดูที่สำนักงานด้วยกันก่อนไหม” ขณะที่พูด เธอมองไปทางเซี่ยชิงหยวนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ชิงหยวน เธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
ริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวนกระตุกวูบ
ฉินซูอวี้คนนี้เป็นแมลงวันที่ไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปได้ มันน่ารำคาญมาก!
เซี่ยชิงหยวนมองกลับไปยังอีกฝ่ายอย่างสงบ ทว่ามุมปากของเธอยกยิ้ม “ขอโทษที ฉันขอปฏิเสธ”