กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 534 ภรรยาของผู้อำนวยการเสิ่นสามารถพูดภาษาของพวกเขาได้?
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 534 ภรรยาของผู้อำนวยการเสิ่นสามารถพูดภาษาของพวกเขาได้?
บทที่ 534 ภรรยาของผู้อำนวยการเสิ่นสามารถพูดภาษาของพวกเขาได้?
เซี่ยชิงหยวนเดินไปตามทางด้านล่างบ้านไม้ไผ่ ที่ซึ่งเถียนกุ้ยฟางกำลังรออยู่
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน เธอก็ระบายยิ้มออกมา “น้องสาวสะใภ้ตระกูลเสิ่น เราไปกันเถอะ!”
เอ่ยจบก็คล้องแขนตนกับแขนของเซี่ยชิงหยวนอย่างกระตือรือร้น จากนั้นพวกเธอจึงเดินไปยังหมู่บ้านด้วยกัน
เพื่อตอบสนองต่อไมตรีจิตของเถียนกุ้ยฟาง เซี่ยชิงหยวนจึงยกยิ้มพลางเอ่ย “ค่ะ”
เถียนกุ้ยฟางเป็นชาวไต แต่งงานกับสามีชาวจีนฮั่น ชื่อเถียนกุ้ยฟางนี้สามีของเธอก็เป็นผู้ตั้งให้
ปีนี้เธออายุห้าสิบกว่าปีแล้ว เป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน พอรู้ภาษาจีนบ้าง เป็นคนที่ปากจัดอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีความสามารถพอตัว และถือเป็นคนที่มีอิทธิพลในหมู่บ้าน เพราะพูดอะไรไปก็มีคนฟัง
ในตอนที่เซี่ยชิงหยวนมาหาเมื่อวานนี้ เธอมองดูรูปร่างของเซี่ยชิงหยวนที่ไหล่ไม่สามารถแบกหามอะไรหนัก ๆ ได้ มือก็ดูไม่เคยต้องจับยกอะไร ทำให้ในตอนแรกเธอค่อนข้างดูถูกเหยียดหยามหญิงสาวไม่น้อย
การดูถูกนี้เป็นเพียงการแสดงพฤติกรรมปกติของผู้แข็งแกร่งต่อหน้าคนที่พวกเขาคิดว่าอ่อนแอ ก็ใครใช้ให้สามีของเธอคือหัวหน้าหมู่บ้านและเธอเองก็มีความสามารถกันเล่า?
แม้ว่าในใจจะหยามเหยียด ทว่าเธอก็ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนจนเกินไป พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา “คุณคือภรรยาของผู้อำนวยการเสิ่นนี่คะ? มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”
สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไปหลังจากเซี่ยชิงหยวนบอกว่าต้องการขอความช่วยเหลือจากเธอ ในการนำผู้หญิงในหมู่บ้านมารวมตัวกันเพื่อปลูกพืชผล โดยศูนย์บรรเทาความยากจนจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบด้านการตลาดให้
เธอยกยิ้มราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานในทันใด “ได้ค่ะ ได้เลย คุณต้องให้ฉันทำอะไร สามารถบอกมาได้เลย!”
ด้วยเหตุนี้ ในวันนี้จึงมีภาพที่เธอดึงตัวเซี่ยชิงหยวนเข้ามาใกล้อย่างใกล้ชิดสนิทสนม
เถียนกุ้ยฟางรวบรวมผู้หญิงทุกคนในหมู่บ้านมาที่ทุ่งโล่งถัดจากกอไผ่เสฉวน และในตอนที่เถียนกุ้ยฟางยังมาไม่ถึง พวกเธอก็ต่างพูดคุยสนทนากันระหว่างรอ
เถียนกุ้ยฟางยืนบนก้อนหินแล้วตะโกนด้วยรอยยิ้ม “ชาวบ้านทุกคน โปรดอยู่ในความสงบ!”
เมื่อบรรดาพวกผู้หญิงสังเกตเห็นเซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ข้าง ๆ เถียนกุ้ยฟาง แทนที่พวกเธอจะเงียบลง เสียงพูดคุยกลับยิ่งดังขึ้น
เมื่อวานซืนที่หลิงเยี่ยคุ้มกันเซี่ยชิงหยวนไป ตลอดทางนั้นดึงดูดสายตาของผู้คนไปเท่าไหร่กัน?
แม้แต่คนที่อยู่ที่บ้านในเวลานั้นก็ยังถูกเรียกออกมาดูพวกเขา เพราะเล่าลือกันว่าภรรยาของผู้อำนวยการเสิ่นแห่งศูนย์บรรเทาความยากจนนั้นสวยราวกับเทพเซียนบนสวรรค์
ดังนั้นเมื่อเซี่ยชิงหยวนติดตามเถียนกุ้ยฟางมาที่นี่ในวันนี้ ทุกคนจึงไม่ค่อยเข้าใจนักว่าหญิงสาวต้องการทำอะไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
มาพูดคุยกับพวกเธองั้นเหรอ? หรือมาดูพวกเธอทำงาน?
เถียนกุ้ยฟางจึงทำได้เพียงเพิ่มระดับเสียงของตัวเอง “ทุกคน คุณนายเสิ่นมีเรื่องสำคัญจะมาบอกพวกเรา ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบด้วย!”
โอ้ สรุปแล้วคือมาพูดคุยกับพวกเธอจริง ๆ ด้วย!
ดังนั้นทุกคนจึงเงียบลง พร้อมมองเซี่ยชิงหยวนด้วยความสนใจ รอฟังหญิงสาวปริปากเอ่ย
เถียนกุ้ยฟางเองก็เตรียมพร้อม ด้วยตั้งใจว่าจะเป็นล่ามให้กับเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนมองดูผู้หญิงที่มาอย่างเงียบ ๆ ก่อน นับดูคร่าว ๆ แล้วราวสามสิบหรือสี่สิบคน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับในช่วงระยะสั้น ๆ นี้
เธอขึ้นไปยืนบนก้อนหิน ก่อนเอ่ยออกมาด้วยภาษาไตอย่างค่อนข้างคล่องว่า “วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อแบ่งปันข่าวดีกับพวกคุณทุกคนค่ะ”
ทันทีที่ถ้อยคำของเซี่ยชิงหยวนถูกเอ่ยออกมา ทั่วทั้งบริเวณก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แม้แต่เถียนกุ้ยฟางเองก็ตัวแข็งค้าง
ยังโชคดีที่เธอไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับหญิงสาวออกไป
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ส่วนเซี่ยชิงหยวนนั้นแอบรู้สึกขบขัน
เพื่อการขึ้นมาพูดในวันนี้ เมื่อคืนเธอได้ฝึกภาษาไตเป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งที่เธอต้องการจะพูดในวันนี้นั้นนับว่าพูดคล่องอยู่พอตัว
หากไม่ใช้กึ๋นออกไปเสียบ้าง แล้วจะเอาชนะตั้งแต่แรกได้ยังไงล่ะ?
เซี่ยชิงหยวนกล่าวต่อ “ผู้อำนวยการเสิ่นกล่าวว่าเราสามารถปลูกพืชผลและเลี้ยงเป็ดไก่ได้ในปริมาณมาก จากนั้นให้ขายให้กับกองทัพในราคาตลาด การทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการจัดหาเสบียงให้กับกองทัพเท่านั้น แต่ยังทำให้เรามีรายได้ด้วย”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินสิ่งนี้ ก็เริ่มเกิดเสียงจ้อกแจ้กจอแจขึ้นโดยพลัน
นี่เป็นข่าวดีมากจริง ๆ!
ที่ผ่านมาก็เคยมีการพยายามปลูกพืชผลเพื่อขายอยู่บ้าง ทว่าการขายผักผลไม้นั้นไม่คุ้มเงินมากนัก และสัตว์ปีกเลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ คนที่นี่ส่วนใหญ่ไม่มีเงินพอจะเลี้ยงได้ อีกทั้งถนนหนทางก็เข้าไม่ถึง การจะออกไปข้างนอกและกลับเข้ามาที่หมู่บ้านต้องใช้เวลาเป็นวัน
ประเด็นสำคัญคือในเมืองนั้นดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดที่ดึงดูดพอให้พวกเขาซื้อ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนค่อย ๆ เลิกลงแรงกำลังไปกับเรื่องนี้
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเอ่ยขึ้นมาในวันนี้ หัวใจของพวกเขาก็พลันมีไฟลุกโชนขึ้น
กองทัพนั้นตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านมากจนไม่ต้องวิ่งโร่ไปไกลเพื่อขายพืชผัก จึงช่วยประหยัดเวลาได้ไม่น้อย
ทว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ถนนเส้นนี้ใช้เข้าออกไม่ได้ ขายไปแล้วได้เงินมาจะมีประโยชน์อะไรกัน?”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ใครบอกว่าถนนนี้ผ่านไม่ได้ล่ะคะ? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ศูนย์บรรเทาความยากจนพาทุกคนไปขุดเจาะถนนอยู่หรอกเหรอ? ขอเพียงแค่ถนนนี้ได้รับการซ่อมแซมอย่างดี สินค้าก็ย่อมถูกส่งออกไปขายได้ กระเป๋าตังค์ของทุกคนก็จะนูนขึ้น แบบนี้ชีวิตก็ดีขึ้นไม่ใช่เหรอคะ?”
ชาวบ้านอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “พืชผลและเป็ดไก่ถูกขายให้กับกองทัพ แล้วสินค้าที่คุณพูดถึงคืออะไร สามารถเอาไปขายให้ใครได้?”
พวกเธอรู้สึกว่าคนในเมืองเองก็ไม่ได้ร่ำรวยไปกว่าพวกเธอมากมายนัก
เซี่ยชิงหยวนยังคงอธิบายต่ออย่างอดทน “สำหรับเรื่องนี้ทุกคนไม่ต้องกังวลนะคะ ศูนย์บรรเทาความยากจนรับรองว่าตราบใดที่ยังมีสินค้า ก็ย่อมมีช่องทางในการขายสินค้าออก เราจะไม่ปล่อยให้ความพยายามอย่างหนักของทุกคนต้องสูญเปล่า”
คำพูดของเซี่ยชิงหยวนคลายข้อสงสัยทั้งหมดของทุกคนโดยสิ้นเชิง พวกเธอเงียบนิ่งไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรอีก เพียงรอการจัดการในขั้นตอนต่อไป
เมื่อเห็นว่าพูดคุยกันไปพอสมควรแล้ว เถียนกุ้ยฟางจึงก้าวมาข้างหน้าและเอ่ย “หากในเทือกสวนไร่สวนของใครมีผักต่าง ๆ มากจนเหลือกิน ให้ไปลงทะเบียนที่ศูนย์บรรเทาความยากจนตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยจะมีการจ่ายเงินให้ทุกครึ่งเดือน แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพของผักพวกนี้ต้องไม่แย่จนเกินไป สุดท้ายนี้คุณนายเสิ่นมีเมล็ดพันธุ์พืชอยู่ตรงนี้ ให้พวกเราทุกคนนำกลับไปปลูก แต่แน่นอนว่าค่าเมล็ดพันธุ์พืชพวกนี้จะถูกหักลบไปจากเงินที่ขายผักได้ด้วย ทว่าทุกคนไม่ต้องกังวลไป เมล็ดพันธุ์พืชพวกนี้จะคิดเพียงราคาทุนเท่านั้น ถือว่าแทบจะให้เปล่ากับทุกคนเลย”
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนวางแผนจะแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้กับชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน แต่ต่อมาหลังจากปรึกษากับเสิ่นอี้โจวแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะเป็นการดีกว่าที่จะให้เมล็ดพืชกับพวกเขาโดยคิดค่าธรรมเนียมเล็กน้อย
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ศูนย์บรรเทาความยากจนจะจัดหาเมล็ดพันธุ์พืชให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายไปได้ตลอด เมื่อถึงเวลาที่จะยกเลิกการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ผู้คนจะพลันรู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้งและเริ่มเกิดการต่อต้าน นี่คือสาเหตุที่ทำให้การละทิ้งความฟุ่มเฟือยและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเป็นเรื่องยาก
คนส่วนใหญ่ไม่คัดค้านข้อตกลงนี้มากนัก ส่วนเมล็ดพืชที่ต้องเสียเงินนั้นก็เป็นการหักเงินไปหลังจากปลูกพืชพันธุ์ไปแล้ว ไม่ใช่ว่าต้องจ่ายเงินออกจากกระเป๋าตัวเองในทันที
เซี่ยชิงหยวนลอบสังเกตสีหน้าของทุกคนพลางคิดในใจว่าเรื่องนี้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว
ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงคนที่เอ่ยถามคำถามแรกพลันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พวกคุณแจกเมล็ดพันธุ์พืชให้ ถ้าอย่างนั้นลูกเจี๊ยบลูกเป็ดก็จะแจกให้ด้วยใช่หรือเปล่า?”