กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 535 พวกเรากินเนื้อกันเถอะ
บทที่ 535 พวกเรากินเนื้อกันเถอะ
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังผู้หญิงที่ตั้งคำถาม
อีกฝ่ายมีอายุราวสามสิบกว่าปี รูปร่างดูอวบอิ่มกว่าคนรอบข้างอยู่เล็กน้อย ใบหน้าของเธอมีเลือดฝาด ดูแล้วฐานะทางบ้านของเธอคงดีกว่าคนอื่น ๆ อยู่ไม่น้อย
เธอมีรอยยิ้มที่มุมปากพร้อมมองมายังเซี่ยชิงหยวน รอคอยคำตอบของเซี่ยชิงหยวนอย่างแน่วแน่
เถียนกุ้ยฟางรู้ดีว่าหญิงสาวกำลังหาเรื่องใส่ตัวอีกครั้ง จึงจะเอ่ยบอกให้หยุด ทว่าเซี่ยชิงหยวนยกมือขึ้นเพื่อห้ามเธอเอาไว้
เซี่ยชิงหยวนเองไม่ได้โกรธเคือง เธอยกมุมปากขึ้นพลางเอ่ย “เมื่อพิจารณาถึงความยากลำบากในการเลี้ยงสัตว์ปีกเหล่านี้ เราจึงตัดสินใจจัดตั้งฟาร์มเพาะพันธุ์ขึ้นมา ฟาร์มเพาะพันธุ์จะนำวิธีการเพาะพันธุ์ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ พร้อมทั้งพยายามทุกวิถีทางเพื่อลดโรคและอัตราการตายในสัตว์ปีกและปศุสัตว์ หลังจากการก่อสร้างฟาร์มเพาะพันธุ์เสร็จสิ้นแล้ว ทางเราจะรับสมัครคนจำนวนหนึ่งเพื่อมาช่วยงาน ถึงเวลานั้น หากมีใครสนใจก็ลองสมัครมาได้นะคะ”
เธอเงียบลงครู่หนึ่ง “แน่นอนว่าหากใครดูแลสัตว์ปีกเลี้ยงได้ดี ทางเราก็จะรับเข้ามาเช่นกัน”
หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนเอ่ยจบ หญิงสาวก็ระบายยิ้มพร้อมมองไปยังผู้หญิงคนนั้น “มีอะไรอยากถามเพิ่มเติมอีกไหมคะ?”
หญิงสาวที่เสนอคำถามนี้ขึ้นมาพลันส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว”
เถียนกุ้ยฟางจึงเอ่ยขึ้น “ใครที่ต้องการปลูกพืชผักให้ไปลงทะเบียนพร้อมพวกเรานะ”
หลังจากเสียงเรียกของเถียนกุ้ยฟางเงียบไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตามมา ยกเว้นผู้หญิงที่เอ่ยถามคำถามเมื่อครู่
เดิมทีเถียนกุ้ยฟางไม่ได้อยากจะให้ความสนใจนัก แต่หลังจากลองไตร่ตรองดูแล้วจึงออกปากถาม “อาเหมย ไม่ไปเหรอ?”
หญิงสาวที่ชื่ออาเหมยยกยิ้ม “ไม่หรอก งานแบบนี้พวกคุณไปทำกันเถอะ แถมยังไม่รู้ว่าหลอกลวงด้วยหรือเปล่า”
จากนั้นเธอก็หาวออกมา “วันนี้ฉันตื่นแต่เช้า ขอตัวกลับไปนอนก่อนแล้วกัน”
เถียนกุ้ยฟางถ่มน้ำลายไล่หลังอีกฝ่าย ก่อนเอ่ยกับเซี่ยชิงหยวนว่า “หล่อนพึ่งพาอาศัยสามีที่ไปทำงานในอำเภอ ไม่ว่าใครหล่อนก็ดูถูกเขาไปเสียหมด”
สามีของอาเหมยเคยไปเป็นลูกมือฝึกงานช่าง จึงทำให้เขามีฝีมือด้านการช่าง และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในหมู่บ้านที่ออกไปทำงานที่อื่น ฐานะทางครอบครัวของพวกเขานั้นนับว่าดีกว่าคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านไม่น้อย
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้ารับ “เรื่องแบบนี้ควรจะสมัครใจ หากเธอไม่สมัครใจก็ไม่ต้องไปเรียกเธอมาหรอกค่ะ”
ความสัมพันธ์ของเถียนกุ้ยฟางและอาเหมยนั้นไม่ได้ดีอยู่แล้ว เธอจึงเอ่ยอย่างอึดอัดใจว่า “ในอนาคตต้องมีเวลาที่หล่อนมาเสียใจทีหลังแน่”
เอ่ยจบก็เดินตามเซี่ยชิงหยวนไป
…
เซี่ยชิงหยวนวางเมล็ดพันธุ์ไว้ที่ศูนย์บรรเทาความยากจน เมื่อเธอนำผู้หญิงกว่าสามสิบคนมา ทำเอาเจ้าหน้าที่ของศูนย์บรรเทาความยากจนต่างตื่นตะลึง
พวกเขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือยินยอมพร้อมใจที่จะปลูกผักทั้งหมดเลยเหรอครับ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ถูกต้องค่ะ พวกคุณช่วยลงทะเบียนให้พวกเธอด้วยนะ”
พวกเขาได้รับข่าวเรื่องการขายพืชผลที่ชาวบ้านปลูกให้กับกองทัพเมื่อเช้านี้ แต่ใครกันคาดคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะจัดการได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งยังนำคนมาไม่น้อยอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ได้เรียกเจ้าหน้าที่ประจำหมู่บ้านที่อ่านออกเขียนได้ให้มากรอกชื่อและเรื่องเมล็ดพันธุ์ให้ทุกคนได้รับไป
เซี่ยชิงหยวนเองก็หัวหมุนไปกับการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้ทุกคนเช่นกัน
ผักที่ใช้ระยะเวลาการเจริญเติบโตสั้นและให้ผลผลิตมากจะมีราคาต่ำกว่า ส่วนผักใช้มีระยะเวลาการเจริญเติบโตนานและให้ผลผลิตน้อยจะมีราคาสูงกว่า
บางคนที่ต้องการเห็นผลผลิตอย่างรวดเร็ว จึงเลือกแบบที่ใช้ระยะเวลาในการเจริญเติบโตสั้น บางคนก็ต้องการขายสินค้าที่มีราคาแพงกว่าจึงเลือกแบบที่ใช้ระยะเวลาในการเจริญเติบโตยาวกว่า ซ้ำยังมีคนที่เลือกรับทั้งสองแบบอีก
เพียงครู่เดียว เมล็ดพันธุ์พืชจำนวนกว่าสิบจินก็ถูกแจกจ่ายออกไปจนหมด
ทว่าทุกคนยังละล้าละลังไม่ยอมจากไป
“คุณนายเสิ่น ที่ว่าเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์อะไรนั่นเป็นฟาร์มอะไร แล้วจะจ้างคนเมื่อไรกันคะ?”
“ที่บ้านฉันปลูกผักได้เยอะ พรุ่งนี้เก็บมาไว้ส่งให้ได้เลยใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนค่อย ๆ ตอบคำถามทีละคน ๆ
“เราจะแจ้งให้ทุกคนทราบเมื่อมีการสร้างฟาร์มเพาะพันธุ์ขึ้นค่ะ”
“คุณสามารถให้เจ้าหน้าที่ไปที่แปลงผักเพื่อดูผักก่อนได้ และคนอื่นๆ ก็สามารถไปดูมาตรฐานของผักที่เราเก็บไว้ได้เช่นกัน”
พอได้ฟังอย่างนั้น ทุกคนกลับบ้านไปพร้อมเมล็ดพันธุ์พืชในมืออย่างมีความสุข
เซี่ยชิงหยวนเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากทำงานมาเกือบทั้งเช้า เธอจึงกล่าวขอบคุณเถียนกุ้ยฟาง และกลับบ้านตัวเองเช่นกัน
เจ้าหน้าที่จากศูนย์บรรเทาความยากจนอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งไล่หลังของเซี่ยชิงหยวน “คุณนายเสิ่นคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาติดอยู่ในสถานการณ์เดิม ๆ จึงไม่รู้ตัว เพราะหลังจากดำเนินโครงการบรรเทาความยากจนมาระยะหนึ่ง ความคืบหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องยาก
ทว่าเมื่อเซี่ยชิงหยวนมาถึง เพียงสองวันต่อมา อารมณ์ความรู้สึกของทุกคนก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซ้ำหญิงสาวยังคิดเรื่องการจัดสรรปันส่วนอาหาร ไหนจะเรื่องการขายพืชผลให้กับกองทัพอีก
สุดยอด สุดยอดจริง ๆ
คนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ไม่ใช่หรือไงล่ะ บ่ายวานนี้คุณไม่ได้อยู่ที่สถานีอนามัย ตอนที่คุณนายเสิ่นเป็นผู้ช่วยให้กับคุณหมอไช่ เธอสามารถจัดการได้อย่างสะอาดเรียบร้อย ราวกับนางพยาบาลในโรงพยาบาลอย่างไรอย่างนั้นเลย”
เจ้าหน้าที่หัวเราะ “นี่เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ” เขาตบไหล่เพื่อนร่วมงาน “อดทนรอหน่อย ชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน”
…
เซี่ยชิงหยวนซึ่งกลับบ้านมาอย่างมีความสุขพลันเห็นพัสดุขนาดใหญ่หลายชิ้นกองอยู่ใต้บ้านไม้ไผ่ จึงรู้ว่าหลิงเยี่ยให้คนขนของมาให้เธอแล้ว
ที่ชั้นบนมีเสียงของเสิ่นอี้หลินและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เมื่อลองเงี่ยหูตั้งใจฟังก็พบว่าเสียงนั้นคือเสียงของเสิ่นอี้หลินและเสิ่นทิงอวิ๋น
หญิงสาวตรงไปที่ห้องครัวก่อน และพบเข้ากับหลินตงซิ่ว จึงรับเสิ่นทิงหลานมาจากอ้อมแขนของแม่สามี “แม่คะ เลี้ยงหลานจนเหนื่อยแล้วใช่ไหม?”
หลินตงซิ่วเมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนหน้าแดง ทั้งยังมีเหงื่อออกเล็กน้อย จึงกล่าวว่า “แม่ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย แต่เป็นเธอกับอี้โจวต่างหากที่ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ดูแลร่างกายหน่อยนะ อี้โจวน่ะผิวหนามีเนื้อหนัง แม่ไม่ห่วงเขานักหรอก แต่ร่างกายของเธอต้องดูแลให้ดี คำสั่งของแพทย์ไม่ควรละเลย”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าหลินตงซิ่วเป็นห่วง จึงรับฟังเสียงบ่นจู้จี้จุกจิกแต่โดยดี แล้วยกยิ้ม “แม่คะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูออกไปข้างนอกก็ได้เดินนะ นี่ไม่ถือว่าเป็นการออกกำลังกายหรอกเหรอ?”
เธอยิ้มให้หลินตงซิ่วอย่างเจ้าเล่ห์ “แม่คะ กลางวันนี้เรากินเนื้อกันเถอะ”