กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 54 เสิ่นอี้โจวตกเตียง
บทที่ 54 เสิ่นอี้โจวตกเตียง
บทที่ 54 เสิ่นอี้โจวตกเตียง
เสิ่นอี้โจวยังคงคล้อยตามคำพูดของเซี่ยชิงหยวน “วันนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไปดูด้วยกันเถอะ”
ฉินซูอวี้ตระหนักได้แล้วว่า วันแห่งความอับอายใจหมายความว่ายังไง
หญิงสาวไม่คาดคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะปฏิเสธโดยไม่คำนึงถึงใบหน้าของเธอแบบนี้
และก็ยิ่งไม่คาดคิดว่าเสิ่นอี้โจวจะตอบเธอแบบนี้ด้วยเช่นกัน
แม้แต่หลี่กวงหัวกับเซวียไฉ่เฟิ่งที่อยู่ข้าง ๆ หญิงสาวก็ยังรู้สึกว่าพวกเขากำลังหัวเราะเยาะเธออยู่
โจวหยางทนไม่ไหวอีกต่อไปและก้าวไปดึงตัวฉินซูอวี้ “คุณจริงจังกับงานเกินไปแล้ว วันนี้ทุกคนต่างดื่มเหล้ากันทั้งนั้น ความคิดอ่านไม่แจ่มใส รอจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้เถอะครับ พอทุกคนพักผ่อนเพียงพอแล้วค่อยกลับไปดูมันด้วยกันเถอะ”
ฉินซูอวี้ไม่เคยถูกครอบงำด้วยความหึงหวงแบบนี้มาก่อน เธอมึนงงไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและฝืนยิ้ม “ตกลง”
จากนั้นเธอก็จากไปพร้อมกับโจวหยาง
เซวียไฉ่เฟิ่งอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คนอะไรไม่ดูเวล่ำเวลาบ้างเลย ดึกป่านนี้ยังจะชวนคนอื่นไปทำงานอีก”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวมองหน้ากันโดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร
…
หลังจากอาบน้ำล้างตัวและกลับมาที่ห้องนอนแล้ว เสิ่นอี้โจวก็เดินเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูบนไหล่และอ่างน้ำร้อนในมือ
เขาวางอ่างน้ำลงตรงเท้าของหญิงสาวแล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า “วันนี้คุณคงเหยียบจักรเย็บผ้ามาทั้งวันเลย เท้าของคุณคงจะเมื่อยมาก การแช่น้ำจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็นั่งยอง ๆ และจับข้อเท้าทั้งสองข้างของเธอลงไปในอ่างน้ำอุ่น
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนต้องการจะปฏิเสธ แต่เมื่อน้ำอุ่นสัมผัสข้อเท้า เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย
เสิ่นอี้โจวจับเท้าข้างหนึ่งก่อนจะลูบหลังเท้ากับฝ่าเท้าของเธอเบา ๆ แล้วเริ่มนวด
ข้อเท้าเรียวขาวถูกฝ่ามือใหญ่ของเขาบีบคลึงและนวดช้า ๆ ทำให้รู้สึกขัดตาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นอีกฝ่ายจับข้อเท้าของเธอไว้แน่น
ความแข็งแกร่งของเขาช่างอ่อนโยนราวกับคู่รักที่รักหวานแววที่สุดในโลก
เซี่ยชิงหยวนนั่งบนเตียงขณะจ้องมองเขาอย่างจริงจัง
ภายใต้แสงไฟสีเหลือง คิ้วและดวงตาได้รูปของเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน แต่ดูอ่อนโยนลงมาก
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนค่อย ๆ ถูกโอบล้อมด้วยความรู้สึกที่เรียกว่าความสุข
เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่ปฏิเสธไป คุณจะตกลงไปกับฉินซูอวี้ไหม”
เสิ่นอี้โจวไม่เงยหน้า “ไม่ไป”
เซี่ยชิงหยวนถามอีกครั้ง “แล้วถ้าฉันยังคงอยู่ที่หมู่บ้านซีสุ่ยและไม่มากับคุณ คุณจะไปกับเธอไหมหรือจะปฏิเสธ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสิ่นอี้โจวก็เม้มริมฝีปากของเขาอย่างหาดูได้ยาก
ชายหนุ่มเลิกคิ้วและมองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้เป็นภรรยา “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน คำตอบของผมก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เธอจะยังคงอยู่ในหัวใจของเขาตลอดกาล
แค่เขาไม่กล้าพูดประโยคนี้ออกไปเท่านั้น
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น
ผู้ชายคนนี้มักจะดื้อรั้นและเก็บตัว แต่เมื่อพูดถึงความรัก เขาจะเย้ายวนมากกว่าใคร ๆ
หญิงสาวกลั้นยิ้ม “ต้องแบบนี้สิ”
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ใบผลตรวจร่างกายเมื่อเช้าก็ผุดขึ้นมาในหัวของเซี่ยชิงหยวน ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็เศร้าหมอง ทว่าหญิงสาวก็รีบเก็บสีหน้าทันที
แม้จะเพียงแค่แวบเดียว แต่เสิ่นอี้โจวก็เห็นมัน ก่อนจะพูดว่า “เรื่องปัญหาร่างกายอย่าเร่งรีบในตอนนี้เลย จงใช้เวลาของเราอย่างคุ้มค่าและอย่าสร้างภาระให้ตัวเองมากเกินไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำทุกวันให้มีความสุขรู้ไหม?”
เขายกเท้าของเธอขึ้นแล้วเช็ดน้ำอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบจมูก
เธอเคยคิดว่า มันคือความปรารถนาของผู้หญิงทุกคนที่จะการให้กำเนิดลูกแก่ผู้ชายที่ตนรักใช่ไหมล่ะ?
เธอคิดว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะจำมันได้
ตอนนี้สิ่งที่เธอสนใจเกี่ยวกับตัวเขามากที่สุด คือเขามีความสุขหรือเปล่า
เธอสูดจมูก พยักหน้าและพูดว่า “เข้าใจแล้ว”
เมื่อชายหนุ่มกลับมาที่ห้องนอนหลังจากเอาน้ำไปเททิ้ง เซี่ยชิงหยวนก็นอนหลับไปแล้ว
เพียงแต่ว่าใบหน้าของเธอดูแปลกไปเล็กน้อย
ขณะที่เสิ่นอี้โจวกำลังจะเดินเข้าไปถาม เขาก็ได้ยินเสียงร้องแปลก ๆ จากบ้านข้าง ๆ อีกแล้ว
เขาหยุดฝีเท้าและเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน
พรุ่งนี้พวกเขาต้องเปลี่ยนไปนอนห้องข้าง ๆ
พอเสิ่นอี้หลินมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ก็ค่อยคิดหาทางออกอีกที
เขาเดินไปทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและนั่งลงข้างเตียง “พักผ่อนกันเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างเขินอาย “อื้ม”
ขณะที่เสิ่นอี้โจวนอนลง เธอก็พลิกตัวอย่างรวดเร็วโดยกดร่างกายส่วนใหญ่ของตนไว้บนตัวเขา
เสิ่นอี้โจวเป็นเจ้าภาพงานจัดเลี้ยงของทุกคนในค่ำคืนนี้ ดังนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ชายหนุ่มจะดื่มเหล้าเข้าไปมากกว่าปกติ กระทั่งตอนนี้ยังได้กลิ่นเหล้าจาง ๆ จากลมหายใจของเขา
มันไม่เหม็นเท่าไหร่นัก ทว่ากลับยิ่งทำให้รู้สึกมึนเมา
เซี่ยชิงหยวนแอบดื่มเล็กน้อยเช่นกันที่โต๊ะอาหารค่ำโดยตั้งใจว่าจะเสริมสร้างความกล้าของเธอในคืนนี้
ทว่าพอมือของเธอเอื้อมไปจะหยิบแก้วที่สอง เสิ่นอี้โจวก็สังเกตเห็น เขาจึงหยิบแก้วไปดื่มเองในอึกเดียว
ดังนั้นหากจะแสร้งทำเป็นเมาในตอนนี้ ยังต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย
นอกจากนี้เสิ่นอี้โจวยังดื่มเก่งกว่าที่เธอคิด
แต่ลูกศรขึงอยู่ที่สายแล้ว เธอจึงไม่อาจคิดมากได้อีก
จากนั้นหญิงสาวก็กอดคอเขาแน่นโดยจงใจแสร้งทำเป็นไม่รู้ “อี้โจว คุณคิดว่าบ้านข้าง ๆ กำลังทำอะไรคะ ทำไมดูเหมือนพวกเขากำลังทุกข์ทรมานเลยล่ะ?”
เสิ่นอี้โจวไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านกำลังทุกข์ทรมานอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้เขากำลังทุกข์ทรมานอยู่แน่นอน
ร่างกายหลังจากดื่มสุราจะอ่อนไหวกว่าปกติอยู่แล้ว มันจึงหักห้ามใจได้ยากยิ่งเมื่อถูกผู้หญิงอันเป็นที่รักนอนทับลงมา
เขาเกร็งร่างกายและตอบว่า “ใช่ มันอึดอัดมาก ดังนั้นรีบเข้านอนกันเถอะ”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอได้แต่พูดอีกครั้ง “แต่ครั้งล่าสุดที่ฉันเห็นเซวียไฉ่เฟิ่งลุกขึ้นเตียงในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรู้สึกว่าผิวของเธอดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน และเธอดูไม่อึดอัดเลย คุณคิดว่านั่นจะทำให้ผู้หญิงดูดีขึ้นได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน เสิ่นอี้โจวเกือบจะผลักอีกฝ่ายออกไปเพื่อจะลุกขึ้นและวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด
เขาขบฟันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มเกลี้ยกล่อมและพูดเรื่องไร้สาระออกมา “อาจเป็นเพราะว่าเธอแต่งหน้ารึเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนเกือบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อได้ยินคำอธิบายนั้น
เธอดูเหมือนจะเชื่อแต่ก็ยังคงสงสัย “จริงเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอย่างรวดเร็วในความมืดโดยไม่คำนึงว่าเธอจะมองเห็นหรือไม่ “ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน”
เมื่อชายหนุ่มคิดว่าในที่สุดเขาก็เกลี้ยกล่อมเซี่ยชิงหยวนได้แล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ แต่อีกฝ่ายกลับตั้งคำถามขึ้นมาอีกว่า “แต่ทำไมฉันได้ยินคนพูดว่านั่นคือสิ่งที่มีความสุขที่สุดในโลกกันนะ”
เธอโน้มตัวเข้าไปใกล้เขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี “เป็นเพราะวิธีการทำของคุณผิดแน่นอน มันจึงทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก”
ด้วยเสียงอู้อี้ เสิ่นอี้โจวเหนี่ยวรั้งเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เขาจึงร่วงลงจากเตียงที่แคบเกินกว่าจะให้สองคนหลับนอน
ด้วยความแรงถ่วงของการร่วงลงจากเตียง เก้าอี้ข้าง ๆ เตียงก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน
‘ปัง!’ ‘ตึง!’ ด้วยเสียงที่ดังสนั่น ไม่เพียงเซี่ยชิงหยวนที่ตกตะลึง แม้แต่บ้านข้างเคียงก็หยุดกิจกรรมในทันที
เซี่ยชิงหยวนรีบคลานไปที่ขอบเตียงและพูดกับเสิ่นอี้โจวว่า “คุณอะไรรึเปล่า? ถึงกับร่วงลงไปเลยเหรอ” เมื่อพูดอย่างนั้น เธอก็กำลังจะลงจากเตียง
“อย่าเข้ามา” เสิ่นอี้โจวแค่นเสียงจากลำคอ
เมื่อตระหนักว่าน้ำเสียงแข็งกร้าวเกินไป ชายหนุ่มจึงรีบลดเสียงลง “ผมสบายดี”
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นจับเก้าอี้วางให้ตรง และลูบไปที่เอวของตัวเอง “ผมจะไปดื่มน้ำสักหน่อย”
ก่อนที่ไฟจะเปิด เขาก็เดินออกจากห้องไปแล้ว
เมื่อมองตามแผ่นหลังของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด
เธอคลุมตัวเองด้วยผ้าห่มผืนหนา ก่อนจะม้วนตัวเป็นวงกลมอย่างฟุ้งซ่าน
เฮ้อ…ต้องโทษเธอที่ใช้แรงมากเกินไป…