กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 541 กลับบ้านไปกินเนื้อ
บทที่ 541 กลับบ้านไปกินเนื้อ
ทุกคนต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องดีใจทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของเสิ่นอี้โจว
“เยี่ยมเลย มีเนื้อกินแล้ว!”
“เย้! กินเนื้อ! กินเนื้อ!”
จากนั้นทุกคนจึงหามหมูป่าไปยังลานโล่ง ตั้งม้านั่งและโครงไม้ แล้วจึงเริ่มลงมือฆ่าหมู บรรดาชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ๆ ที่ไม่ได้ออกไปทำงานล้วนมารวมตัวล้อมวงกันดู
ในตอนนี้มีทั้งการต้มน้ำให้เดือด ทั้งการขูดขนหมูออกจากหนัง คึกคักอย่างยิ่ง
เสิ่นอี้โจวเหลือบมองทหารปลดประจำการอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่เขาและเจ้าหน้าที่จากศูนย์บรรเทาความยากจนจะพาพวกเขาไปยังที่พักที่จัดเตรียมไว้
หมูป่าที่น้ำหนักเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลกรัม หลังจากล้างเลือด เอาเครื่องในและตัดหัวออก ก็เหลือเนื้อราวหนึ่งร้อยกิโลกรัม
หมู่บ้านนี้มีขนาดเล็ก มีชาวบ้านเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้นจากทั้งหมดสี่สิบครัวเรือน ดังนั้นจึงแบ่งตามจำนวนคน โดยครอบครัวของเซี่ยชิงหยวนนั้นได้เนื้อรวมแล้วสองกิโลกรัมกับอีกสองร้อยห้าสิบกรัม
เจ้าหน้าที่ทั้งหกคนของศูนย์บรรเทาความยากจนนั้นได้เนื้อรวมกันแล้วสามกิโลครึ่ง
เซี่ยชิงหยวนไม่ชอบกินส่วนที่เป็นไขมันนัก หญิงสาวจึงต้องการเพียงเนื้อขาหน้าซึ่งเป็นเนื้อไม่ติดมันมากหน่อยราว ๆ ครึ่งกิโลกรัม และตับหมูชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งมีน้ำหนักราว ๆ สองร้อยกรัม โดยตั้งใจว่าจะทำโจ๊กตับหมูให้ลูก ๆ
อีกหนึ่งกิโลกรัมที่เหลือเธอไม่ต้องการอะไรอีก จึงแลกเป็นกระเพาะหมูมา เพื่อนำไปตุ๋นน้ำแกงให้เสิ่นอี้โจวดื่ม
เมื่อคนแบ่งเนื้อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนต้องการเพียงเท่านี้ พลันรู้สึกไม่สบายใจนัก จึงเอ่ยถามขึ้นว่าเธอต้องการหัวหมูหรือไม่?
เซี่ยชิงหยวนจึงรับมาด้วยรอยยิ้ม
ทั้งหัวหมูและกระเพาะหมูค่อนข้างยากจะจัดการ นอกจากจะสิ้นเปลืองน้ำในการล้างแล้ว หากล้างไม่ดีก็จะทำให้มีกลิ่นเหม็น เมื่อลองคิด ๆ ดูแล้วก็ยังรู้สึกว่าเซี่ยชิงหยวนขาดทุนอยู่ดี
แม้จะไม่มีใครพูดถึงการแบ่งเนื้อให้กับพวกทหารปลดประจำการแม้เพียงสักคน ทว่าไม่ใช่แค่คนแบ่งเนื้อ แต่แม้แต่ชาวบ้านเองก็มีจิตสำนึกเอ่ยบอกคนแบ่งเนื้อว่าให้ตัดแบ่งเนื้อไปให้พวกทหารจำนวนเจ็ดกิโลกรัมครึ่ง
นอกจากนี้ยังมีเครื่องในหมูที่ไม่เป็นที่นิยมอีกด้วย เซี่ยชิงหยวนพลันเอ่ยขึ้น “คนที่มาจัดการแบ่งหมูให้เราก็ได้เนื้อไปแล้วใช่ไหมคะ?”
หลังจากแบ่งสันปันส่วนแบ่งเนื้อหมูป่าเรียบร้อย ทุกคนก็กลับบ้านไปทำอาหารกันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็จัดการทำความสะอาดและเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นเนื้อหมู ความรู้สึกซาบซึ้งก็พลันตีตื้นขึ้นมา
หลังจะระลอกแห่งความซาบซึ้งใจผ่านพ้นไป เมื่อมองไปยังเนื้อตรงหน้ากลับทำให้รู้สึกลำบากขึ้นมาเล็กน้อย
พวกเขานั้นต้องผลัดเปลี่ยนกองทัพไปที่อื่น แน่นอนว่าสามารถทำอาหารได้ ทว่าฝีมือนั้นเพียงบอกได้ว่าสิ่งนี้คือของที่กินได้ แต่ยังห่างไกลคำว่าอร่อยอยู่มาก
เนื้อสัตว์นั้นหากินยาก ย่อมไม่มีใครอยากทำให้มันเสียของ
เจ้าหน้าที่จากศูนย์บรรเทาความยากจน ซึ่งรับผิดชอบในงานด้านการเพาะปลูกพลันเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเราขอให้ภรรยาของผู้อำนวยการเสิ่นมาช่วยทำอาหาร แล้วกินข้าวกับเราดีไหม?”
ครั้งก่อนที่เซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่ว แม่สามีกับลูกสะใภ้คู่นี้นำอาหารมาส่งให้ เขาเองก็อยู่ที่นั่น และรสชาติอาหารนั้นยังคงมิอาจลืมเลือน
คนที่เหลือพลันรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเกรงใจอย่างยิ่ง
ทหารปลดประจำการวัยกลางคนซึ่งดูจะมีมนุษยธรรมค่อนข้างมากเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ พวกเราช่วยกันทำกินแก้ขัดไปก่อนก็ได้แล้ว”
เมื่อครู่เขาเห็นคุณนายเสิ่นยังอุ้มลูกอยู่เลย และการเลี้ยงดูเด็กนั้นต้องใช้กำลังกายกำลังใจอย่างยิ่ง แล้วจะให้ไปรบกวนเธออีกครั้งได้ยังไงกัน?
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงตั้งหม้อใบใหญ่ที่นำมาด้วย แล้วเดินไปเก็บฟืนที่เชิงเขาใกล้ ๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารอย่างกระตือรือร้น
…
เซี่ยชิงหยวนนำเนื้อหมูกลับมาที่บ้าน ส่วนเสิ่นอี้หลินนั้นกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
ทว่าเขายังจำเรื่องที่หมูป่าที่ไล่ตามคนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ จึงเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ พวกพี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่เป็นไร ต้องขอบคุณลุงหลิงของเธอที่พาคนมาช่วยเอาไว้น่ะ”
หญิงสาวส่งเนื้อหมูให้เสิ่นอี้หลิน “เอาเนื้อไปให้แม่ทำหมูน้ำแดงเป็นมื้อเย็นวันนี้นะ”
เสิ่นอี้หลินรับเนื้อมา แล้วจ้องตาไปมากับตาหมูป่า “หัวหมูเหรอครับ?”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ “จัดการกับมันวันนี้ พรุ่งนี้จะได้นำไปยำไง”
จากนั้นหญิงสาวก็อุ้มเสิ่นทิงอวิ๋นขึ้นไปชั้นบนพลางเอ่ย “ยังมีตับหมูชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งด้วย คืนนี้ต้มโจ๊กตับหมูด้วยแล้วกัน”
ตับหมูมีคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากจะเสริมธาตุเหล็กแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามิน ซึ่งเหมาะสำหรับเด็ก ๆ
อีกทั้งตับหมูชิ้นนี้ก็น้ำหนักไม่น้อย เพียงพอให้กินได้ทั้งครอบครัว
ในขณะที่หลินตงซิ่วกล่อมเสิ่นทิงหลานให้หลับอยู่ที่ชั้นบน ก็พลันได้ยินเสียงเซี่ยชิงหยวนขึ้นบันไดมา เธอจึงรีบออกไปหา พร้อมสำรวจเนื้อตัวหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางเอ่ย “ไม่ได้ตกใจกลัวแล้วใช่ไหม?”
เธอเองอยู่บ้านกับเด็ก ๆ ยังตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดอยู่เลย
ทว่ากว่าที่เธอจะรู้ตัวตอบสนอง เสิ่นอี้โจวก็ตรงออกจากบ้านไปแล้ว
เธอเดินไปช้า ๆ โดยมีหลานอยู่ในอ้อมแขน เมื่อไปถึงที่นั่น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปมัดหมูป่าอย่างรื่นรมย์ยินดีเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นทิงอวิ๋นสบายดี ก็พลันโล่งใจ
เซี่ยชิงหยวนส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”
หญิงสาวมองเข้าไปในห้องพลางเอ่ยเบา ๆ “ทิงหลานหลับแล้วเหรอคะ?”
เธออุ้มเสิ่นทิงอวิ๋นมาจากอ้อมแขนของเซี่ยชิงหยวน “เด็กน้อยคนนี้ก็น่าจะง่วงเหมือนกัน”
หลินตงซิวลูบหลังเสิ่นทิงอวิ๋นเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “ลูกรีบไปพักผ่อนเถอะ แม่จะกล่อมหลานนอนให้เอง”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ย “แม่คะ แม่เองเลี้ยงหลานก็เหนื่อยเหมือนกัน งีบกับเด็ก ๆ สักพักเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูไปทำกับข้าวเอง”
เอ่ยจบก็ไม่รอให้หลินตงซิ่วปฏิเสธ รีบลงไปชั้นล่างทันที
ขณะที่เธอมองไปรอบ ๆ สนามหญ้า ก็พบว่าฐานของห้องน้ำและห้องส้วมนั้นถูกขุดเรียบร้อย ลงเสาไม้แล้ว รวมถึงคานก็ถูกตีขึ้นเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
พรุ่งนี้นำไม้ไผ่มาตีผนังทั้งสี่ด้าน และตีปิดหลังคาก็เป็นอันเสร็จ
ในตอนที่หญิงสาวเพิ่งทำความสะอาดกระเพาะและหัวหมู เถียนกุ้ยฟางก็มาเยือน
เถียนกุ้ยฟางเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “น้องชิงหยวน ฉันเพิ่งเห็นว่าสุภาพบุรุษพวกนั้นทำอาหารไม่เป็นกันสักคน เราไปช่วยพวกเขาสักหน่อยดีไหม?”