กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 542 สายสัมพันธ์ทางบุญวาสนา
บทที่ 542 สายสัมพันธ์ทางบุญวาสนา
เซี่ยชิงหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง “ได้ค่ะ ฉันเองยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ คุณไปก่อนเลย ฉันจัดการทางนี้เสร็จจะตามไปนะ”
เถียนกุ้ยฟางจึงเอ่ยว่า “ได้จ้ะ ตามสบาย ไม่ต้องรีบร้อน”
เอ่ยจบก็ยัดไข่ไก่ที่นำมาใส่มือหญิงสาว “นี่เอาไว้ให้ลูก ๆ กินนะ รับไว้เถอะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนมองไป พบว่าเป็นผ้าสีหม่นผืนหนึ่งซึ่งมีไข่ไก่สิบฟองถูกห่ออยู่ข้างใน
หญิงสาวรีบคืนไข่ไก่นั้นให้ทันที “พี่สาวกุ้ยฟาง ฉันรับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
เถียนกุ้ยฟางจับมือเธอเอาไว้ “ผู้ใหญ่อย่างพวกเธอไม่กินก็ยังทนได้ แต่เด็ก ๆ เป็นวัยกำลังโต พวกเขาจะทำอย่างพวกเธอได้ยังไง? อีกทั้งวันนี้เธอเองก็ช่วยฉันไว้ ไข่ไก่สิบฟองนี้ไหนเลยจะเอาคืนได้? หลังจากนี้ไป เธอคิดเสียว่าฉันเป็นพี่สาวคนหนึ่งของเธอนะ หากขาดเหลือหรือต้องการอะไรก็ไปหาฉันได้เลย”
ในตอนที่เธอและเซี่ยชิงหยวนถูกหมูป่าไล่ล่าในวันนี้ เธอได้ยินเสียงคำรามของหมูป่าที่อยู่ด้านหลังตัวเองอย่างชัดเจน รวมถึงลมหายใจร้อนที่ออกมาจากรูจมูกของหมูป่า ซึ่งดูเหมือนว่าแทบจะหายใจรดน่องของเธออยู่แล้ว
หากไม่ใช่เพราะเซี่ยชิงหยวนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้า เธอคงจะแข้งขาอ่อนแรงไปนานแล้ว
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่าการที่เธอยื่นมือออกไปโดยสัญชาตญาณในตอนนั้น จะก่อให้เกิดสายสัมพันธ์ทางบุญวาสนาอันดีเช่นนี้
หญิงสาวจึงยอมรับไข่ไก่เอาไว้พร้อมเอ่ยขอบคุณ “พี่สาวกุ้ยฟาง ขอบคุณนะคะ”
เถียนกุ้ยฟางโบกมืออย่างไม่ยี่หระพร้อมหัวเราะเสียงสดใส “นี่ไม่ได้มากมายอะไรเลย ฉันไปก่อนนะ”
เซี่ยชิงหยวนถือไข่ไก่ซึ่งค่อนข้างหนักไว้ในมือ
ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่รู้ว่าไข่ไก่สิบฟองนี้ เถียนกุ้ยฟางต้องใช้เวลาเก็บรวบรวมมานานแค่ไหน
ทว่าเมื่อนึกถึงลูก ๆ ความคิดที่จะปฏิเสธของเธอก็จางหายไปทันที
เด็ก ๆ นั้นต่างจากผู้ใหญ่ ด้วยสิ่งที่สามารถกินได้นั้นมีน้อยกว่ามาก
หากไม่ใช่เพราะไข่ไก่นั้นพกพาไปไหนมาไหนได้ไม่สะดวก เธอเองก็ตั้งใจว่าจะนำไข่มาที่นี่ในครั้งนี้ด้วยสักห้าสิบหรือหนึ่งร้อยกิโลกรัม
หญิงสาวเก็บไข่ไก่ไว้ในตู้ครัว และปิดประตูตู้ไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้หนูมากัดกินสร้างความเสียหายกับไข่ไก่ในเวลากลางคืน
เซี่ยชิงหยวนยังต้องไปช่วยทำอาหารให้พวกทหารอีก เธอจึงเร่งทำสิ่งในมือ
ขั้นแรกเธอลวกกระเพาะหมูให้สุก แล้วหั่นเป็นชิ้น จากนั้นจึงใส่ขิงฝานและต้นหอมลงในหม้อ ผัดด้วยกันจนหอม แล้วใส่น้ำสองกระบวย ปิดฝาและตุ๋นเอาไว้
ส่วนโจ๊กตับหมู่นั้น เซี่ยชิงหยวนหั่นตับหมูเป็นชิ้นบาง ๆ ล้างเลือดออกให้สะอาด แล้วสับละเอียด จากนั้นจึงใส่ขิงหั่นฝอยลงไปพร้อมข้าว แล้วตุ๋นให้เป็นโจ๊ก
เดิมทีควรใส่ตับหมูท้ายสุด ทว่าเซี่ยชิงหยวนยังต้องออกไปข้างนอก และหลินตงซิ่วก็อยู่ข้างบน ดังนั้นจึงไม่เป็นการดีนักหากจะรบกวนเธออีก
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงอธิบายให้เสิ่นอี้หลินฟัง บอกเขาให้คอยดูฟืนไฟให้ดี แล้วจึงออกจากบ้านไป
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนมาถึง เถียนกุ้ยฟางก็หั่นเนื้อหมูท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนแล้ว
ทันทีที่เห็นเซี่ยชิงหยวน เธอก็ยกยิ้มพลางเอ่ย “น้องชิงหยวน ดูหมูที่พวกเขาหั่นสิ”
แม้จะเป็นแค่การหั่นหมู แต่ก็ต้องพิถีพิถัน
จริง ๆ แล้วเนื้อหมูจะเป็นมีเนื้อสัมผัสที่เป็นริ้ว ๆ เวลาหั่นจะต้องหันตัดตามแนวขวางของรอยริ้วนั้น เนื้อที่หั่นในลักษณะนี้จะชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ
และการหั่นเนื้อด้วยวิธีนี้ เนื้อหมูจะไม่เหนียว เคี้ยวง่าย
ทว่าสิ่งที่พวกทหารหั่นกลับมีทุกรูปทรงเสียด้วยซ้ำไป ทั้งเล็กและใหญ่ แถมส่วนใหญ่ก็หั่นตามแนวนอน เนื้อหมูป่านั้นแข็งกว่าเนื้อหมูทั่วไปอยู่เล็กน้อย หากหั่นแบบนี้ จะทำให้เคี้ยวยากขึ้นไปอีก
เถียนกุ้ยฟางกำลังช่วยปรับแก้ทรงชิ้นเนื้อที่เละเทะเหล่านี้พร้อมเสียงหัวเราะ
ชายกลุ่มนี้ซึ่งเคยชินกับการถือกระบอกปืน ถูกเถียนกุ้ยฟางที่อยู่ตรงหน้าหัวเราะขบขันเข้า ก็ทำเอาทั้งใบหน้าและใบหูขึ้นสีแดงก่ำ
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาแล้วถามว่า “มื้อเย็นวางแผนว่าจะทำอะไรบ้างคะ?”
เถียนกุ้ยฟางกล่าว “ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นใส่ผักกาดดอง หมูผัดผักกูด แล้วก็ซุปผักกวางตุ้งน่ะ”
เส้นก๋วยเตี๋ยวและผักดองนั้น ชาวบ้านนำมาให้โดยไม่คิดเงิน ส่วนผักกูดพวกทหารไปเก็บมา
พวกเขาเกรงว่าหากเก็บผักกูดที่อยู่ในละแวกใกล้ ๆ มา ชาวบ้านจะไม่มีผักกูดกิน ด้วยเหตุนี้จึงวิ่งไปเก็บที่เชิงเขาซึ่งอยู่ไกลออกไป
เถียนกุ้ยฟางยังกล่าวอีกว่า “พวกเขาโง่จริง ๆ… ไม่สิ ไม่ใช่โง่ ต้องบอกว่าคิดเผื่อประชาชนอย่างเรามากเกินไป”
เซี่ยชิงหยวนระบายยิ้ม ก่อนจะเข้าไปช่วยพลางเอ่ย “ศรัทธาที่สลักอยู่ในกระดูก แม้ว่าจะถอดชุดเครื่องแบบทหารออกแล้วก็ย่อมไม่มีวันลืมเลือน”
เซี่ยชิงหยวนและเถียนกุ้ยฟางร่วมด้วยช่วยกัน มือไม้ขยับไปมาด้วยความรวดเร็ว และเมื่อมีพวกทหารช่วยเป็นลูกมืออีกแรง อาหารเย็นก็พร้อมในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
ทั้งสองคนยังเหลือเนื้อหมูที่ยังไม่ได้ทำให้สุกดีนักไว้ให้พวกเขาด้วย
พวกเธอแช่เนื้อที่ปรุงสุกไว้ในน้ำมันหมู การทำแบบนี้จะทำให้เนื้อหมูอยู่ได้ถึงวันพรุ่งนี้
เซี่ยชิงหยวนและเถียนกุ้ยฟางปฏิเสธคำเชิญให้อยู่ร่วมมื้อเย็นอย่างสุภาพ ก่อนจะพากันกลับบ้าน
เจ้าหน้าที่ของศูนย์บรรเทาความยากจนร่วมมื้อเย็นกับพวกทหาร ส่วนเสิ่นอี้โจวนั้นเดินกลับบ้านไปพร้อมเซี่ยชิงหยวน
สองสามีภรรยาได้กลิ่นหอมฟุ้งโชยมาก่อนที่จะเข้าใกล้ตัวบ้านเสียอีก
เซี่ยชิงหยวนพลันซูดปาก “น้ำแกงคงได้ที่แล้ว”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ฝีมือภรรยาของผมนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนอยู่แล้ว”
เขาจับมือเธอ “วันนี้ลำบากคุณแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
อาทิตย์อัสดงแตกเป็นเส้นสีนวล ตกกระทบบนร่างกายของพวกเขาผ่านป่าไผ่ สีหน้าของทั้งสองคนพลันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
ด้านหลังของทั้งคู่มีภูเขาสูงตระหง่าน เนินเขา และด้านหน้าคือบ้านของพวกเขา
บ้านไม้ไผ่ก็ถูกย้อมแสงตะวันสีทอง หลินตงซิ่วก็ออกมาจากชั้นบนพร้อมอุ้มหลานทั้งสองคนไว้สองแขนซ้ายขวา ก่อนจะระบายยิ้ม “กลับมาแล้วเหรอ? กับข้าวพร้อมแล้ว!”