กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 563 เพราะคุณครูของฉัน
บทที่ 563 เพราะคุณครูของฉัน
พ่อของเหม่ยลี่มีสีหน้าลำบากใจ เขาถูมือตัวเองไปมา พลางเอ่ยกลั้วหัวเราะ “คุณครูเซี่ย แม้ว่าคุณจะเป็นครูของเหม่ยลี่ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องในครอบครัวของเราแบบนี้นะครับ”
เขาชี้นิ้วไปทางชายคนนั้นแล้วเอ่ยกับเหม่ยลี่ว่า “เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันแล้ว ไม่อาจไม่รักษาคำพูดได้”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังชายที่เบ้าตาบวมเบ่งตรงหน้า แล้วเอ่ยว่า “เหม่ยลี่อายุยังไม่ถึงสิบแปดเสียด้วยซ้ำ คุณกลับจะให้เธอแต่งงาน นี่เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายนะคะ คุณรู้ไหม?”
ชายคนนั้นตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นก็หัวเราะอย่างไม่แยแส “คุณครูเซี่ย คุณอย่ามาขู่ให้ผมกลัวเลย ในละแวกบ้านของเรา มีใครที่แต่งงานด้วยอายุเกินสิบแปดปีบ้าง? หากคุณอายุสิบแปดแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน เห็นทีว่าจะถูกหัวเราะเยาะมากกว่า ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?”
เขาพูดพร้อมกอดอกแล้วหัวเราะลั่น
เมื่อเขาหัวเราะ ผู้คนรอบตัวเขาก็หัวเราะไปพร้อมกับเขาเช่นกัน โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่หัวเราะกันอย่างได้ใจยิ่งกว่าเดิม แถมดวงตาของพวกเขายังคงจับจ้องไปเรือนร่างของเซี่ยชิงหยวนอย่างไม่ปิดบัง
นี่ไม่ใช่หมู่บ้านที่เซี่ยชิงหยวนอยู่ เธอจะมาที่นี่ก็ต่อเมื่อมาเยี่ยมบ้านนักเรียนเท่านั้น
พวกเขารู้เพียงว่าเธอเป็นคุณครูในโรงเรียน ซึ่งมีอยู่แห่งเดียวในพื้นที่นี้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นพวกเขาไม่รู้แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยชิงหยวน พวกเขาจึงมีท่าทีกำเริบเสิบสานอยู่พอตัว
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังคนหลายคน ซึ่งอยู่ไม่ไกลที่กำลังเร่งรุดมาทางนี้ “ไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่ เราก็ได้เผยแพร่ประเด็นเรื่องสิทธิสตรีไปแล้วหลายครั้ง ฉันไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้ค่านิยมของที่นี่จะเป็นยังไง แต่ต่อจากนี้ไป นับตั้งแต่ศูนย์บรรเทาความยากจนก้าวมาถึงภูเขาลูกใหญ่แห่งนี้ ความชั่วร้ายที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ทั้งหมดจะต้องได้รับการแก้ไข”
ถ้อยคำของเธอดังกึกก้อง สายตาของเธอแน่วแน่และเป็นประกาย ไร้ซึ่งร่องรอยแห่งความขลาดกลัว ราวกับว่ามีความมั่นใจที่ไม่สิ้นสุด
ชายร่างอ้วนเตี้ยเมื่อได้สติรู้สึกตัว ก็ทำท่าทีโหดเหี้ยมน่ากลัวออกมา “ฮึ่ม! ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอเป็นใคร ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็เรียกเก็บเงินยี่สิบห้าหยวนไปจากฉันแล้ว ยังไงเด็กนั่นก็ต้องกลับไปกับฉัน!”
เอ่ยจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเอื้อมมือออกไปเพื่อจะคว้าตัวเหม่ยลี่มาไว้กับตัวเอง
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ พูดใหม่อีกทีซิ” ชายร่างอ้วนรู้สึกว่าไหล่ของเขาถูกรั้งไว้แน่น ก่อนที่ทั้งร่างของเขาจะถูกลากให้ถอยออกมา
เขาโซเซก่อนที่จะทรงตัวยืนนิ่งได้ เมื่อมองกลับไปก็พบเข้าชายร่างสูงสามคนซึ่งสวมชุดหน่วยรักษาความปลอดภัย
คนที่คว้าตัวเขามานั้นมีผิวคล้ำ แววตาเฉียบคมเต็มไปด้วยพลัง สีหน้าของเขานั้นเคร่งขรึมเด็ดเดี่ยว
ชายหนุ่มจึงรู้ตัวว่าตนเตะโดนแผ่นเหล็ก*[1] เสียแล้ว
เขาเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นทันควัน ก่อนเอ่ยว่า “ล้อเล่น ผมล้อเล่นน่ะ”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยแซ่เฉินเพิ่งปฏิบัติภารกิจในละแวกใกล้ ๆ นี้เสร็จ และได้พบเข้ากับสมาชิกในหน่วยสองคน โดยกล่าวบอกว่าพวกเขามาตามคำขอของเซี่ยชิงหยวน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบรุดมาที่นี่ทันที
ใบหน้าของหัวหน้าเฉินนั้นไม่มีรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าคุณเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าให้เงินพวกเขาไปแล้วหรอกเหรอ? แล้วจะเป็นเรื่องล้อเล่นได้ยังไง?”
เขาหันไปหาสมาชิกในหน่วยทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวพวกนายไปที่บ้านของเด็กสาวคนนี้ แล้วตรวจดูว่ามีเงินยี่สิบห้าหยวนตามที่เขากล่าวบอกหรือเปล่าซะ”
จากนั้นเขาจึงมองไปยังพ่อของเหม่ยลี่ด้วยความเย้ยหยันอย่างยิ่ง “ในชีวิตของผม ผมเกลียดคนที่ขายลูกของตัวเองที่สุด!”
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ครอบครัวของเขานั้นมีพี่น้องสองคน คือเขาและน้องสาว พวกเขายากจนมากเสียจนไม่มีข้าวสารพอกรอกหม้อเสียด้วยซ้ำ พ่อแม่ของเขาเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่จะให้น้องสาวแต่งงานเลยแม้เพียงครึ่งคำ
ต่อมาพ่อของเขาเพื่อที่จะหาเงินได้มากขึ้น จึงทำงานให้หนักกว่าเดิม เพื่อจะได้ส่วนแบ่งข้าวที่มากขึ้น ผลสุดท้ายคือเขาทำงานหนักจนเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา
ในเวลานั้น พ่อของเขายังเอ่ยเตือนใจเขาไว้ด้วยว่า “ลูกต้องจำไว้นะ แม้ครอบครัวของเราจะต้องอดอยากจนตาย ก็ห้ามทำสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นกันขายลูกได้เด็ดขาด!”
ชายอ้วนเตี้ยและพ่อแม่ของเหม่ยลี่ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินดังนั้น
พวกเขาเพิ่งได้รับเงินมา กระดาษแดงด้านนอกยังไม่ได้แกะออกเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นย่อมไม่ต้องพูดถึงว่าหากพวกเขาไปตรวจดู จะชัดเจนแค่ไหน
พ่อของเหม่ยลี่เอ่ยขึ้นว่า “นั่นเป็นสิ่งที่เราตกลงกันแล้วว่าจะให้เหม่ยลี่ไปอยู่กับพวกเขาและคอยเลี้ยงดูเธอในฐานะลูกสาวก่อน เมื่อเธออายุได้สิบแปดปีแล้วจึงจัดงานแต่งงานให้ ในกรณีนี้คงไม่ถือเป็นการสมรสโดยยังไม่บรรลุนิติภาวะหรอกใช่ไหม?”
ใครเลยจะรู้ว่าทันทีที่ประโยคนี้จบลง เหม่ยลี่พลันเดินออกมาจากด้านหลังเซี่ยชิงหยวน แล้วเอ่ย “โกหก! หนูเพิ่งได้ยินพ่อแม่พูดไปเองว่าปีหน้าหนูก็จะมีลูกชายให้ได้แล้ว!”
ถ้อยคำของเหม่ยลี่เผยให้เห็นผ้าปิดกายผืนสุดท้ายของผู้ที่ชื่อว่าพ่อ ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวน่าเกลียดขึ้นมาในทันที ก่อนจะตะโกนใส่เหม่ยลี่ว่า “หุบปาก! ไม่รู้จักเก็บคำพูดดีๆ ไว้บ้างรึไงหะ!?”
“พอแล้ว” เซี่ยชิงหยวนไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขาต่ออีก “ฉันจะพูดไว้ที่นี่ในวันนี้ ไม่ว่าในใจพวกคุณจะคิดยังไง แต่ตราบใดที่ฉันยังเป็นคุณครูของเหม่ยลี่อยู่หนึ่งวัน ฉันก็จะรับผิดชอบเรื่องนี้ไปหนึ่งวัน”
หญิงสาวนับเงินสามสิบหยวนจากกระเป๋า แล้วยื่นให้แม่ของเหม่ยลี่ “นี่เป็นเงินค่าสินสอดในการแต่งภรรยาสำหรับสูกชายสุดที่รักของคุณ ส่วนเงินที่คุณได้รับมาเมื่อครู่นี้ ช่วยคืนให้เขาต่อหน้าพวกเราทุกคนด้วยค่ะ”
แม่ของเหม่ยลี่รับเงินมาจากมือของเธอ ก่อนเหลือบมองพ่อของเหม่ยลี่โดยไม่รู้ตัวเพื่อดูว่าเขาคิดเห็นยังไง
เมื่อพ่อของเหม่ยลี่มองดูเงินในมือภรรยาแล้วก็เห็นได้ชัดว่าเขาพึงพอใจ
สามสิบหยวนก็ถือว่ามากกว่ายี่สิบห้าหยวนอยู่ห้าหยวน!
พ่อของเหม่ยลี่จึงแสร้งทำเป็นว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจ แล้วเอ่ยว่า “การที่เหม่ยลี่มีคุณครูอย่างคุณถือเป็นพรของเธออย่างยิ่ง ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราขอขอบคุณไมตรีจิตอันดีของคุณครูเซี่ยและคืนเงินสินสอดให้นะครับ”
ชายอ้วนเตี้ยได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจทันที
เขาโวยวายดังลั่น “เป็นคนก็อย่ามาทำตัวแบบนี้นะ! เมื่อครู่พวกเราตกลงกันเรียบร้อยแล้วนี่!”
หัวหน้าเฉินซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง คือรับเงินแล้วรีบออกจากที่นี่ไปซะ หรือจะให้ริบเงินไว้ แล้วไปนอนในคุก”
ชายอ้วนเตี้ยไหนเลยจะกล้า เขาหดคอกลับโดยพลัน
ชายอ้วนส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่เต็มใจ “จะเอากลับไปก็เอากลับไปเลย ลูกสาวของพวกแกเป็นหม้ายขันหมากไปแล้ว ดูสิว่าจะยังมีใครกล้าแต่งงานกับหล่อนอีก!”
เมื่อพี่ชายของเหม่ยลี่เห็นดังนั้น ก็รีบนำเงินซึ่งห่ออยู่ในกระดาษสีแดงที่อยู่ในบ้านมอบให้ชายอ้วนเตี้ย แล้วยกยิ้มจาง ๆ “พี่ชาย ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
เขาขยิบตาให้อีกฝ่าย “ไว้วันหลังมีโอกาส เราสองคนไปดื่มด้วยกันนะ”
ทั้งสองคนรู้จักกันอยู่แล้ว แม้แต่การแต่งงานครั้งนี้ก็มีพี่ชายของเหม่ยลี่เป็นคนกลาง คำว่า ‘วันหลัง’ นี้เขาเน้นหนักเป็นพิเศษราวกับเป็นการตกลงอะไรบางอย่าง
ก่อนที่ชายอ้วนจะได้เอ่ยตอบ เซี่ยชิงหยวนชิงเอ่ยขึ้นว่า “เห็นทีว่าบทเรียนยังไม่พอใช่ไหมคะ? อยากจะไปนั่งเช็ดน้ำตาในคุกจริง ๆ สินะ?”
สายตาที่หญิงสาวใช้มองพี่ชายของเหม่ยลี่นั้นเต็มไปด้วยความหยามเหยียด “คนที่ขายน้องสาวตัวเองเพื่อจะเอาเงินมาแต่งงานนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานซะอีก”
หัวหน้าเฉินยังเอ่ยขึ้นมา “คุณครูเซี่ยโปรดวางใจ พวกเราจะลาดตระเวนทุกวัน หากเราพบใครก็ตามที่กล้าทำเรื่องที่กฎหมายพวกนี้อีก ก็จะไม่เกรงใจอะไรพวกเขาแล้ว เราจะจับพวกเขาส่งตำรวจให้หมด!”
การไถ่ตัวเหม่ยลี่นี้ถือเป็นข้อยกเว้น และพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ข้อยกเว้นกลายเป็นบรรทัดฐานได้
ไม่เช่นนั้นหลายครอบครัวที่มีลูกสาวก็จะเอาอย่างครอบครัวของเหม่ยลี่ ด้วยการพยายามหาทางเอาเงินไม่กี่สิบหยวนมาจากเซี่ยชิงหยวนแบบฟรี ๆ
ใบหน้าของพี่ชายของเหม่ยลี่พลันแดงก่ำ หลังจากมองไปยังทหารสามคน ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเซี่ยชิงหยวน เขาก็หวนนึกถึงเมื่อครั้งที่เซี่ยชิงหยวนจัดการคนด้วยท่าทางเรียบร้อยทว่าเฉียบขาด ดังนั้นไม่ว่าเขาจะไม่เต็มใจเพียงใด แต่เขาก็ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้เท่านั้น
ยังไงซะเขาก็มีเงินในการนำไปใช้แต่งภรรยาแล้ว การจะอดทนกับเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
สีหน้าของผู้คนที่มาฟังอยู่โดยรอบก็พลันแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
และแน่นอนว่าท่ามกลางพวกเขาย่อมมีคนที่มีความคิดน่ารังเกียจสุดแสนจะทน
ในท้ายที่สุด เรื่องนี้จึงจบลงด้วยการที่พ่อแม่ของเหม่ยลี่ยอมรับเงินสามสิบหยวนจากเซี่ยชิงหยวน และสัญญาว่าในอนาคตจะให้เหม่ยลี่ไปโรงเรียนต่อ
เหม่ยลี่เดินตามมาส่งเซี่ยชิงหยวน ส่งแล้วส่งอีก
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “เหม่ยลี่ จำไว้ว่าเราไม่ควรเป็นเถาวัลย์ที่คอยเหนี่ยวเกาะคนอื่น แต่จงพยายามเติบโตเป็นต้นไม้สูงตระหง่านที่สามารถทนต่อลมฝนพายุได้ เข้าใจไหม?”
เหม่ยลี่ในวัยสิบสามปีเมื่อได้ฟังก็เข้าใจถ้อยคำของเซี่ยชิงหยวนเป็นอย่างดี
เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่น “จำได้แล้วค่ะ คุณครูเซี่ย”
วันหนึ่งในอีกหลายปีต่อมา นักธุรกิจหญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากภูเขา เธอได้อุทิศตนให้กับวงการการศึกษาในพื้นที่ภูเขาทุรกันดาร มีนักข่าวสัมภาษณ์เธอ โดยเอ่ยถามว่าทำไมเธอถึงเลือกทำการกุศลบนเส้นทางนี้?
หญิงสาวมองไปทางเมืองหลวง แววตาของเธออ่อนโยนและแน่วแน่ “เพราะคุณครูของฉันค่ะ”