กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 71 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเสิ่นอี้โจว
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 71 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเสิ่นอี้โจว
บทที่ 71 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเสิ่นอี้โจว
บทที่ 71 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเสิ่นอี้โจว
เส้นผมของหวังผิงเปลี่ยนเป็นสีขาวในชั่วข้ามคืน และเพียงคืนเดียวรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเธอก็เพิ่มขึ้น
เธอถูกเซี่ยจิ่งเฉินพยุงไว้ และเมื่อเห็นเสิ่นอี้โจว เธอก็น้ำตาไหลริน
เธอเหวี่ยงหมัด ต่อยไปยังร่างสูงของเสิ่นอี้โจว
เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจ “แกฆ่าลูกสาวฉัน! ถ้าแกปฏิบัติกับเธอดี ๆ เธอจะหย่ากับแกได้ยังไง! ถ้าเธอไม่ออกจากหมู่บ้าน เธอจะพบกับหายนะแบบนี้ได้ยังไง!”
หวังผิงร้องไห้อย่างหนัก จนแทบหายใจไม่ออกและสั่นสะท้านไปทั้งตัว “ชิงหยวนเพิ่งจะอายุสามสิบสองปีเท่านั้น! เธอยังเด็กเกินกว่าจะตายแบบนี้ แกเป็นคนฆ่าเธอ!”
ชายหนุ่มยืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ยอมให้หวังผิงทุบตีและดุด่าได้ตามใจ
เขารู้ว่านี่คือแม่ที่เพิ่งสูญเสียลูกสาวไป และกำลังแสดงอารมณ์อย่างไม่อาจควบคุมได้
วินาทีนั้น เขาก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่สุดเช่นกัน
แม้แต่เขาก็รู้สึกว่าที่เซี่ยชิงหยวนต้องตายก็เพราะเขา
หากไม่มีเรื่องราวนั้น เธอก็จะยังมีชีวิตอยู่และสบายดี
ถ้าเขาไม่ได้มอบหมายให้แม่สื่อไปที่บ้านครอบครัวเซี่ยเพื่อจับคู่ให้เขากับเธอ บางทีเซี่ยชิงหยวนอาจมีชีวิตที่แตกต่างออกไปและได้แต่งงานกับผู้ชายคนอื่น
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หัวใจของเสิ่นอี้โจวก็ปวดร้าวสาหัสจนเกือบจะหายใจไม่ออก
ในอีกไม่กี่ปีต่อมา เขาก็มีชีวิตเหมือนกับศพเดินได้
ชายหนุ่มทุ่มเทให้กับงานของตัวเองและตายไปเหมือนชีวิตไม่มีอะไรอีกแล้ว
หลังจากผู้เป็นภรรยาเสียชีวิตไป ทุกวันที่เขาใช้ชีวิตก็ไม่ต่างกับผู้กระทำผิด
เขายังคงไปทิเบตคนเดียวทุกปี โขกหัวทุก ๆ สามก้าว และกราบทุก ๆ ห้าก้าว
เขาคุกเข่าต่อหน้ารูปปั้นของพระโพธิสัตว์และอ้อนวอนพระองค์ให้ยกโทษบาปของเขา
เขาวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขออย่าให้เธอเป็นทุกข์เมื่ออยู่ในโลกแห่งความตาย หากมีกรรมใดที่ติดตัวเธอไป เขาจะขอชดใช้แทนเธอแต่เพียงผู้เดียว
เขาไม่เคยศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่เพราะเธอ เขาจึงกลายเป็นผู้ศรัทธามากที่สุด
หลายปีผ่านไปเช่นนั้น จนกระทั่งเขาอายุได้สี่สิบปี
เขาเป็นหัวหน้าระดับสูงของสถาบันวิจัยธรณีวิทยาแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังคงพาตัวเองไปอยู่ในแนวหน้าของหน่วยสำรวจภัยพิบัติที่เกิดทุกครั้ง แม้จะมีคำทัดทานจากคนรอบข้างก็ตาม
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต มีหินก้อนหนึ่งกลิ้งตกลงมาจากภูเขา เขาถูกทับอยู่ใต้ก้อนหินนั้นเพราะผลักเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งออกไปให้พ้นทาง
เลือดไหลออกจากร่างกายของเขาทุกทิศทาง ย้อมพื้นดินใต้ร่างเขาเป็นสีแดงฉาน…
เมื่อกำลังจะตาย เขาหยิบสองสิ่งที่เขาหวงแหนซึ่งพกติดตัวตลอดออกมาและกอดไว้แน่นที่หน้าอก
ชิ้นหนึ่งคือภาพงานแต่งงานที่เซี่ยชิงหยวนฉีกมันเป็นเศษกระดาษในวันที่ทั้งสองหย่าร้างกัน และเธอก็จากไปทั้งอย่างนั้น ส่วนเขาก็ค่อย ๆ รวบรวมภาพนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
ส่วนชิ้นที่สองคือกำไลหยกที่เซี่ยชิงหยวนสวมตอนที่เธอเสียชีวิต ซึ่งยังคงมีเลือดของเธอติดอยู่และตอนนี้ก็มีเลือดของเขาติดอยู่ด้วยเช่นกัน
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับกำลังเห็นเซี่ยชิงหยวนในวัยเยาว์ยิ้มให้เขา
เขาหัวเราะออกมา
ชายหนุ่มยื่นมือออกไป อยากสัมผัสใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ
ทว่าทันทีที่แขนของเขายืดออกไป มันก็ผล็อยร่วงเหมือนว่าวสายป่านขาด
เขาคิดว่าตัวเองจะไม่ต้องคิดถึงเธออีกแล้ว
เขาไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ตั้งนานแล้ว
แต่วินาทีต่อมาเขากลับพบว่าตัวเองได้เกิดใหม่
เมื่อรู้สึกตัว เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในแม่น้ำพร้อมกับเซี่ยชิงหยวน ในขณะที่เธอปฏิเสธการช่วยเหลือของเขา
เขาจำได้ว่ามันเป็นวันที่เซี่ยชิงหยวนเสียใจมากที่ไม่สามารถหย่ากับเขาได้ ดังนั้นเธอจึงกระโดดลงแม่น้ำด้วยความโกรธ
เขารู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ คิดว่านี่เป็นโอกาสที่พระเจ้าประทานมาเพื่อให้เขาได้ชดใช้บาปของตัวเอง
ทว่าในขณะที่กำลังดีใจอยู่นั้น เขาก็เจ็บปวดที่หน้าท้องของเขาอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็ไอเป็นเลือดออกมาเต็มปาก
อาการป่วยที่น่าจะเกิดขึ้นในหนึ่งปีหลังจากนี้กลับปรากฏขึ้นก่อนเวลา
ดังนั้นเขาจึงตกลงหย่ากับเธอ
หลังจากเกิดใหม่ เขาเตรียมจะจากเธอไปคราแล้วคราเล่า
แต่จู่ ๆ เธอก็มีท่าทีไม่เหมือนเดิมกับชาติก่อน และหญิงสาวบอกว่าเธออยากจะมีชีวิตคู่ที่ดีกับเขา
นี่คือความปรารถนาของเขาตลอดสองชาติ ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถให้ความสุขกับอีกฝ่ายได้อย่างที่เธอต้องการอีกต่อไป
เมื่อได้ยินเสียงฝนตกข้างนอกถ้ำ ความคิดของเสิ่นอี้โจวก็ถูกดึงกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง
เมื่อครู่ ราวกับเขาท่องอยู่ในความฝันอันยาวนาน โดยกำลังนึกถึงวันที่พวกเขาสองคนหย่าร้างกัน และเซี่ยชิงหยวนก็จากเขาไป
แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้ว แต่เขาก็รู้สึกปวดใจอีกครั้ง
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของเซี่ยชิงหยวน
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเสิ่นอี้โจว
ต้องรักเธอแค่ไหนกัน เขาถึงได้คิดถึงเธอจนเห็นภาพหลอน
เขาคิดว่าบางทีตอนที่ตัวเองใกล้จะตาย เขาอาจคิดถึงคนที่เขารักมากกว่าใคร
ในตอนนี้ เขาพูดกับตัวเองว่าถ้าเขาสามารถกลับไปมีชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นชะตากรรมหรือโรคภัยใดก็ตาม เขาจะไม่มีทางยกเธอให้กับคนอื่นอีกเด็ดขาด
เพราะมันอึดอัดมากจริง ๆ
เขาไม่สามารถทำตามความคิดของตัวเองได้เมื่อมีชีวิตใหม่งั้นเหรอ?
เขาจะช่วยให้เธอหาเงินได้มากมายและให้อำนาจแก่เธอเพื่อที่หลังจากเขาตายไป จะไม่มีใครสามารถกลั่นแกล้งเธอได้อีก
และก่อนจะเสียชีวิต เขาต้องการให้เธอเป็นของเขา เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
เพราะในโลกใบนี้ไม่มีใครรักเธอมากกว่าเขาแน่นอน!
“อี้โจว!” ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากทางปากถ้ำ
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างในทันใด เซี่ยชิงหยวนมาจริง ๆ!
เธอสวมเสื้อกันฝนที่ไม่พอดีตัวและถือไม้อยู่ในมือ ฝนที่ตกหนักทำให้ผมบนหน้าผากของเธอเปียก จนดูน่าสงสารมาก
แต่ดวงตาของเธอกลับเป็นประกายทันทีที่เห็นเขา
เซี่ยชิงหยวนร้องออกมา “อี้โจว!”
เธอทิ้งไม้ค้ำและวิ่งเข้าหาชายหนุ่ม
เสิ่นอี้โจวยังยืนพิงกำแพงและเดินโซเซไปหาเธอ
ดวงตาคมกริบของเขาปรือขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความประหลาดใจ ความสุข หรือความบ้าคลั่ง เขาล้วนรู้สึกทั้งหมด
เขาเอื้อมมือไปกอดอีกฝ่ายไว้
เซี่ยชิงหยวนฝังร่างอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นสามีและกอดเขาไว้แน่น
เธอสำลักและพูดว่า “ในที่สุดฉันก็พบคุณ!”
เธอกอดเขาแน่นท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
เหมือนคู่รักที่พลัดพรากจากกันมานานหลายปีกลับมาพบกันอีกครั้ง
มีหลายอย่างที่พวกเขาต้องการจะถาม แต่ก็ยังคงไม่เปิดปากพูด
เพราะการได้เห็นหน้ากัน และรู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายของกันและกันเป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าประทานมาให้แล้ว
…
หลังจากค้นหามาทั้งวัน ทีมกู้ภัยก็ยังไม่พบร่องรอยของเสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ
บางคนบอกว่าอาจถูกโคลนถล่มทับ บางคนบอกว่าอาจถูกคนป่าจับตัวขึ้นไปบนภูเขา
แต่เซี่ยชิงหยวนไม่เชื่อ เธอยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจะค้นหาต่อ
ความคิดที่ว่าหากยังรอดชีวิตต้องเห็นตัวคน แต่หากตายก็ต้องเห็นศพค้ำจุนจิตใจเธออยู่ตลอดเวลา
อันที่จริง เธอเองก็เกือบหมดหวัง
ทว่าขณะที่สายฟ้าฟาดลงมาจนโลกทั้งใบย้อมเป็นสีเทา หญิงสาวมองเห็นภูเขาลูกเล็กผ่านปลายสายฟ้าราง ๆ
สัญชาตญาณอันแรงกล้าในใจบอกว่าเธอควรไปที่นั่น
ขอบคุณที่เธอมา
เธอลูบใบหน้าที่ซีดเซียวและยุ่งเหยิงของเขา เช่นเดียวกับริมฝีปากที่แตกและมีเลือดไหลออกมา จากนั้นหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้
เธอยังสังเกตเห็นแถบผ้าที่พันรอบหน้าผากของคนตรงหน้า และผ้าอีกผืนที่ผูกเป็นปมบริเวณสะบัก หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะร้องไห้หนักมากกว่าเดิม
“คุณบาดเจ็บเหรอ??”
เสิ่นอี้โจวส่ายหัวอย่างอ่อนแรง ภาพซ้อนปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา “ผมไม่เป็นไร”
หลังจากประสบกับเหตุการณ์เฉียดตาย เขารู้ว่าในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขา ชายหนุ่มไม่สามารถปล่อยเธอไปได้
เขาต้องการบอกเธอว่าเขาสบายดีและเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้
แต่อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองหนักมากกว่าหนึ่งพันจิน
ในที่สุดการมองเห็นของเขาก็ดับวูบและล้มลง
การเคลื่อนไหวของเซี่ยชิงหยวนเร็วกว่าสมองของเธอ หญิงสาวเอื้อมมือไปกอดอีกฝ่ายไว้ทันที
แต่เนื่องจากความแข็งแรงทางร่างกายไม่เพียงพอ เซี่ยชิงหยวนจึงถูกร่างกายของเขาล้มทับแทน
เธอทำได้เพียงตะโกนอย่างกระวนกระวาย “มาเร็วเข้า! ฉันเจอพวกเขาแล้ว!”
ขณะที่เธอพูดจบ คนคนหนึ่งก็เดินออกมาจากถ้ำเล็ก ๆ ทางด้านหลังเสิ่นอี้โจว
เธอคือฉินซูอวี้
ฉินซูอวี้ในตอนนี้ดูน่าสังเวชมาก เธอไม่เหลือภาพลักษณ์ที่สูงส่งอย่างในอดีตอีกต่อไป
เธอมองเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวด้วยสีหน้าซับซ้อน
เซี่ยชิงหยวนก็จ้องมองเธออย่างไม่วางตาเช่นกัน