กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 73 เป็นแค่ฮีโร่ของคุณ
บทที่ 73 เป็นแค่ฮีโร่ของคุณ
บทที่ 73 เป็นแค่ฮีโร่ของคุณ
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวกำลังจะคุยกับฉินซูอวี้ เซี่ยชิงหยวนก็คิดจะเดินออกไป
แต่เขากลับจับมือเธอไว้ “คุณอยู่ที่นี่เถอะ”
เมื่อถูกรั้งไว้ เซี่ยชิงหยวนจึงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเปิดเผย
เมื่อเห็นการกระทำของคนทั้งสอง ฉินซูอวี้จึงหยุดชะงักไป ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาและยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นอี้โจวโดยไม่พูดอะไร
ความหมายนั้นชัดเจนว่า เธอจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นหากเซี่ยชิงหยวนยังอยู่ตรงนี้
เสิ่นอี้โจวไม่สนใจกับท่าทีของอีกฝ่ายและพูดว่า “ถ้าเธอไม่มีอะไรจะพูดก็กลับไปพักผ่อนให้ดีเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนเกือบจะกลั้นไว้ไม่อยู่และเกือบหัวเราะออกมา
ฉินซูอวี้ “…”
เธอเหลือบมองเซี่ยชิงหยวนด้วยความไม่พอใจ จับชายเสื้อของตัวเอง บิดมันอยู่สักพักแล้วจึงพูดขึ้น “ฉันขอโทษ”
ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวดูบูดบึ้ง ไร้อารมณ์
หลังจากมองอีกฝ่ายสองสามวินาที เขาก็พูดว่า “ถ้าอยากขอโทษ เธอไปบอกโจวหยางจะดีกว่า”
ฉินซูอวี้เกือบสำลัก
หญิงสาวเติบโตมาด้วยนิสัยเอาแต่ใจ และไม่สามารถฟังคำพูดที่รุนแรงได้ ดังนั้นดวงตาของเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
เมื่อมองไปทางเซี่ยชิงหยวนซึ่งนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเฉยเมย ความไม่เต็มใจในใจของเธอก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นเธอก็พูดว่า “ฉันรู้ว่าฉันผิดและนายควรโกรธฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน นายกับโจวหยางคงไม่ได้รับบาดเจ็บ”
จากที่เธอพูด ดูเหมือนว่าเสิ่นอี้โจวและโจวหยางได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ
เซี่ยชิงหยวนไม่พูดอะไร แต่ยกมือตัวเองขึ้นดูเพื่อสังเกตนิ้วของเธอ
ตลอดสองวันที่ผ่านมา เธอใช้นิ้วของตัวเองขุดดินและยกหิน เล็บมือทั้งสองข้างของเธอจึงหักบิ่น
เสิ่นอี้โจวลูบหัวคิ้ว ดวงตาของเขาเย็นชาและเหินห่าง “ฉันจะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสถาบันตามความเป็นจริง ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของสถาบัน”
“นอกจากนี้ ฉันอยากให้เธอเข้าใจว่าเมื่อเราทำการวิจัยทางธรณีวิทยา เราต้องคู่ควรกับความไว้วางใจขององค์กรและผู้คน การทำงานไม่ใช่การละเล่นของเด็ก ความประมาทเลินเล่อเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เสียชีวิตได้ ฉันพูดสิ่งที่ต้องพูดทั้งหมดแล้ว เธอกลับไปเถอะ”
นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นคำพูดที่จริงจังที่สุดตั้งแต่เซี่ยชิงหยวนได้ยินเสิ่นอี้โจวพูดมา
หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่เสิ่นอี้โจว
ฉินซูอวี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีสีหน้าน่าเกลียดมาก
มันไม่ใช่แค่คำพูดของเสิ่นอี้โจวร้ายแรงมาก แต่เซี่ยชิงหยวนก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย
ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป หญิงสาวหุบปาก จากนั้นก็วิ่งจากไป
เมื่อเห็นฉากนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ส่ายหัว
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ?”
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจ “โจวหยางกับผมนำทีมย่อยของเราสามคนไปสำรวจระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น พอเดินไปได้ครึ่งทาง เธอยืนกรานว่าจะไปยังอีกทิศทางหนึ่งเพราะอะไรบางอย่าง และเพื่อช่วยชีวิตเธอไว้ ขาของโจวหยางจึงถูกก้อนหินทับ ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีหินก้อนหนึ่งกลิ้งลงมา ผมจึงขวางมันด้วยร่างกายของผม”
แม้ว่าเสิ่นอี้โจวจะพูดเบา ๆ แต่เซี่ยชิงหยวนสามารถจินตนาการได้ว่าสถานการณ์นั้นอันตรายเพียงใดหลังจากได้ฟัง
ขาของโจวหยางเพิ่งได้รับการผ่าตัดซึ่งไม่รู้ว่าจะส่งผลต่อการเดินในอนาคตหรือเปล่า
ส่วนคำพูดที่ฉินซูอวี้บอกว่าจะเปลี่ยนเส้นทางไปเพื่อบางอย่าง เธอรู้ได้ว่ามันคืออะไรโดยไม่จำเป็นต้องคาดเดา
เมื่อรู้แบบนี้ เซี่ยชิงหยวนคิดว่าสิ่งที่เสิ่นอี้โจวพูดกับฉินซูอวี้เมื่อครู่นี้เบาเกินไป
เมื่อได้ยินเขาบอกว่าตัวเองใช้ร่างกายขวางหินไว้ เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจนนึกอยากตำหนิเขา
ถ้าเกิดอะไรร้ายแรงกับเขาจริง ๆ เธอจะทำยังไง?
แต่เธอไม่สามารถบ่นออกมาได้
อาจเป็นเพราะเขาคือเสิ่นอี้โจว เขาเป็นตัวตนที่เจิดจรัสที่สุดในความคิดของเธอ
ชายหนุ่มลูบหลังมือของผู้เป็นภรรยา “ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเข้าใจมาก่อน แต่จากนี้ไปผมจะเห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้น ตกลงไหม?”
เซี่ยชิงหยวนไม่คิดเลยว่าเสิ่นอี้โจวดูจะมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ในใจของเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่งแบบนี้
เธอจึงรู้สึกละอาย “คุณเห็นด้วยกับความคิดของฉันใช่ไหม”
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ผมได้อุทิศชีวิตให้กับสถาบันวิจัยมาตลอด แต่ตอนนี้ผมอยากเป็นแค่ฮีโร่ของคุณ”
ในช่วงชีวิตสุดท้ายของเขา เวลาที่เขาเริ่มทำงานมาจนบัดนี้เขารู้สึกว่าการเสียสละสิบแปดปีก็เพียงพอแล้ว
ในชีวิตนี้เขาต้องการมอบเวลาทั้งหมดให้กับเซี่ยชิงหยวน
ตราบใดที่เขาคิดว่าเขาอาจจะตายจากเธอไปก่อน เขาจะถนอมช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้น
เซี่ยชิงหยวนน้ำตาไหลอีกครั้ง
เธออิงร่างกับร่างกายของเขาอย่างแผ่วเบา สะอื้นไห้และพูดว่า “เสิ่นอี้โจว ขอบคุณนะคะ”
ขอบคุณที่รักเธอมาก…
เซี่ยชิงหยวนปฏิเสธคำโน้มน้าวของเสิ่นอี้โจวที่ต้องการให้เธอไปพัก เธอต้องการไปที่สถาบันวิจัยก่อน
ทว่าตอนที่เธอลงไปชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล เธอก็ได้พบกับทีมกู้ภัยชุดสุดท้าย
เธอเข้าไปถามข่าวของไจ๋ปิน แต่ทีมกู้ภัยทั้งหมดต่างก็ส่ายหัวอย่างเศร้าใจ
ต่อมาผู้รับผิดชอบบอกเธอว่าไจ๋ปินเสียชีวิตแล้วและร่างของเขาถูกส่งกลับไปที่สถาบันวิจัย
นอกจากไจ๋ปินแล้ว ยังมีศพของสหายที่เสียชีวิตอีกคนซึ่งถูกพบโดยทีมกู้ภัยอื่นและพวกเขาทั้งหมดจะถูกส่งกลับไปยังสถาบันวิจัย
เซี่ยชิงหยวนคิดถึงป้าเฉินขึ้นมาทันที
หญิงชราผู้ใจดีที่มอบอ้อมกอดอันอบอุ่นให้แก่เธอระหว่างเกิดแผ่นดินไหว
เธอไม่รู้ว่าหญิงชราจะทนข่าวการตายของลูกชายได้หรือไม่
ปรากฏว่าในภัยพิบัติครั้งนี้ เธอกับเสิ่นอี้โจวเป็นคนที่โชคดีที่สุดแล้ว
เมื่อเสิ่นอี้โจวได้ยินข่าว เขาก็มีใบหน้าเศร้าเช่นกัน
ไจ๋ปินแก่กว่าเสิ่นอี้โจวหลายปี
เมื่อเขามาที่สถาบันธรณีวิทยาเป็นครั้งแรก ไจ๋ปินเป็นคนคอยสอนงานเขาอยู่สองสามเดือน
ไจ๋ปินเป็นคนละเอียดรอบคอบในการทำงาน ใจดี และกระตือรือร้น แต่จู่ ๆ กลับกลายเป็นแบบนี้
หลังจากทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็พูดว่า “ไปส่งเขาแทนผมที”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับไปที่สถาบันวิจัย รอบ ๆ นั้นเงียบสงบและแทบไม่มีคนเลย
หลังจากถาม เธอก็รู้ว่าทุกคนไปรวมกันในหอประชุม
เซี่ยชิงหยวนกลับบ้านไปเปลี่ยนเป็นชุดสีดำ กำดอกเบญจมาศในมือแน่นแล้วเดินไปที่หอประชุม
ก่อนเข้าหอประชุม เธอได้ยินเสียงร้องไห้ดังลั่น
เสียงนั้นดูโศกเศร้าอย่างยิ่งจนผู้ได้ยินต่างก็พากันร้องไห้ตาม
สหายสองคนในสถาบันธรณีวิทยาเสียชีวิตและไจ๋ปินเป็นหนึ่งในนั้น
หน้าโลงศพมีรูปถ่ายขาวดำของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่
มุมปากของเขาเม้มเล็กน้อย ดวงตาของเขาสดใส เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนจริงจังและสะอาดสะอ้าน
ในตอนนั้นเองเซี่ยชิงหยวนก็เห็นป้าเฉินยืนอยู่หน้าโลงศพ
หญิงชราดูเหมือนจะแก่ขึ้นกว่าเดิมหลายสิบปีเพียงชั่วข้ามคืน และดูไม่มีเรี่ยวแรงเลย
ป้าเฉินยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ พยักหน้าให้ทุกคนที่มาแสดงความเสียใจ
ลูกของเธอหลับไปตลอดกาล และความหวังที่เธอจะได้เห็นลูกชายกลับมาแบบมีชีวิตไม่มีอีกแล้ว
ข้าง ๆ เธอมีผู้หญิงรูปร่างผอมบางที่มีหน้าท้องยื่นออกมากำลังเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า
หอประชุมทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและโศกเศร้า
เมื่อมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
เธอรีบเช็ดน้ำตา ก้าวไปข้างหน้า โค้งคำนับรูปภาพขาวดำของไจ๋ปินแล้ววางดอกไม้บนแท่น
จากนั้นเธอเดินไปหาป้าเฉินและภรรยาของไจ๋ปิน พยักหน้าให้พวกเขา น้ำเสียงของเซี่ยชิงหยวนสั่นเครือ “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ”
เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ ป้าเฉินก็พยักหน้าและเช็ดน้ำตาตัวเองอีกครั้ง
ขณะที่ขบวนแห่ศพกำลังจะเคลื่อนออกไป ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตู
ผู้ชายร่างกำยำสองสามคนและผู้หญิงสองคนบุกเข้ามา ทันทีที่พวกเขาเห็นภรรยาของไจ๋ปินพวกเขาก็คว้าตัวเธอไว้
ป้าเฉินหยุดพวกเขาอย่างรวดเร็ว “พวกคุณกำลังจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ก้าวเข้ามาทีละคน แยกกลุ่มคนมาใหม่ออกไป
“ใช่แล้ว คุณจะทำอะไร”
“ถ้าคุณสร้างปัญหาอีก เราจะแจ้งตำรวจ!”
ชายผู้นำกลุ่มคนที่มาใหม่แค่นเสียง “ฉันมาพาน้องสาวของฉันกลับบ้าน ฉันทำผิดกฎหมายหรือไง”
จากนั้นคนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายก็ชี้ไปที่ภรรยาของไจ๋ปิน “เสี่ยวชุ่ย ฉันขอสั่งให้เธอเอาเด็กคนนี้ออกไปซะ!”