กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 74 โลกนี้ไม่มีสิ่งใดเที่ยง
บทที่ 74 โลกนี้ไม่มีสิ่งใดเที่ยง
บทที่ 74 โลกนี้ไม่มีสิ่งใดเที่ยง
เฝิงเสี่ยวชุ่ยถดตัวกลับทันที ปกป้องท้องของเธอ “ไม่! ฉันไม่อยากฆ่าเด็ก!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชายคนนั้นกำลังจะเอื้อมมือไปจับเธอ “พ่อของเราสั่งมาแล้วว่าต่อให้เธอจะไม่เห็นด้วย เธอก็ต้องยอม! ผู้ชายของเธอตายไปแล้ว ถ้าเธอคลอดเด็กออกมา ชีวิตนี้เธอจะทำยังไงต่อไปฮะ?”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังชายหนุ่มก็พูดเสริม “ใช่น้องสาว ถ้าเธอไม่คิดถึงตัวเองก็ให้นึกถึงเราบ้าง อีกอย่างตอนที่เขามีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่ได้เห็นค่าเธอเลย ทำไมเธอถึงยังโง่แบบนี้ เขาตายไปแล้ว เธอยังจะไปมีลูกให้เขาอีกเพื่ออะไร?”
หากจะให้กล่าว เธอก็คงบอกว่าทัศนคติของคนกลุ่มนี้ต่ำตมมาก
ป้าเฉินตัวสั่นระริกไปด้วยความโกรธ เธอชี้ไปที่ประตู “ออกไป! นี่คืองานศพของลูกชายฉัน ฉันไม่ต้อนรับพวกคุณ!”
ชายผู้นำกลุ่มตวาดกลับทันที “ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน ไม่งั้นฉันคงไม่รอให้งานศพจบก่อนแล้วค่อยเข้ามาพาน้องสาวไปแบบนี้ ฉันไม่ได้ต้องการมาสร้างปัญหาให้ที่นี่”
คนในสถาบันวิจัยโกรธมากเมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา
ไม่ว่าป้าเฉินจะวางแผนอนาคตไว้อย่างไร เฝิงเสี่ยวชุ่ยก็ทำตามด้วยความสมัครใจ
นอกจากนี้ ไจ๋ปินจากไปแล้ว ทุกคนจึงหวังอยากให้เด็กคนนี้กำเนิดมา
ด้วยวิธีนี้ ไจ๋ปินจะไม่เลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคน
จากนั้นชายหนุ่มที่อยู่แผนกเดียวกับไจ๋ปินพูดขึ้น “นี่เป็นเรื่องของครอบครัวของไจ๋ปิน ภรรยาของเขาเต็มใจที่จะให้กำเนิดลูกคนนี้ ทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ พี่ชายของเฝิงเสี่ยวชุ่ยก็หัวเราะ “ต่อให้คุณก้าวออกมาพูดมันก็ไม่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจหรอก น้องสาวของฉันยังเด็ก เธอไม่ควรจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อดูแลลูกที่ไร้พ่อ! คุณรู้ไหมว่าการเลี้ยงดูลูกคนเดียวมันจะต้องลำบากขนาดไหนในอนาคต? น้องสาวของฉัน ฉันต้องตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุดให้เธอ…ส่วนคุณ อย่าได้มายุ่งเรื่องของคนอื่น!”
จากนั้นเขาหันไปหาเฝิงเสี่ยวชุ่ย “เสี่ยวชุ่ย พี่ต้องการคำตอบจากเธอ วันนี้เธอจะกลับไปกับพี่ไหม! แต่ถ้าเธออยากให้กำเนิดเด็กคนนี้อย่างดื้อรั้น ครอบครัวของเราจะถือว่าไม่มีเธอเป็นลูกสาว!”
เฝิงเสี่ยวชุ่ยก้มหัวและไม่พูดอะไร
แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นสามารถบอกได้ว่าเธอกำลังหวั่นไหว
คำพูดของพี่ชายของเฝิงเสี่ยวชุ่ยเป็นเหมือนอ่างน้ำเย็นดับความโกรธและความกระตือรือร้นของเซี่ยชิงหยวน
แม้คำพูดนั้นจะโหดร้ายมาก แต่มันก็เป็นเรื่องจริงของโลก
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เธอสามารถแก้ไขด้วยความช่วยเหลือเพียงไม่กี่คำเมื่อเห็นความอยุติธรรม
แม่ม่ายที่สามีเสียชีวิต หลินตงซิ่วโชคดีที่มีพ่อตาที่ฉลาดและยังได้ลูกชายคนโตที่เข้มแข็ง ดังนั้นชีวิตของเธอจึงพอไปรอดแม้จะลำบากบ้างก็ตาม
แต่แล้วเฝิงเสี่ยวชุ่ยล่ะ
สิ่งที่ไจ๋ปินเหลือทิ้งไว้คือแม่ยายสูงวัยที่ต้องพึ่งพาเธอ
แม่ผัวกับลูกสะใภ้และลูกเล็กอีกหนึ่งคน พวกเขาจะอยู่กันยังไง?
หญิงสาวมองไปที่ป้าเฉิน
หญิงชรายืนอยู่ที่นั่นก้มศีรษะไม่พูดอะไรสักคำ
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกไม่สบายใจ เธอเดินไปจับมือของหญิงชรา
จากนั้นเธอก็ตระหนักว่ามือของหญิงชรากำลังสั่น แม้แต่ร่างกายของหญิงชราก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ป้าเฉิน…”
ป้าเฉินออกแรงบีบมือเพื่อส่งสัญญาณให้เซี่ยชิงหยวนไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
เธอมองไปที่เฝิงเสี่ยวชุ่ยและพยายามกลั้นน้ำตา “เสี่ยวชุ่ย ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้เป็นแม่เองที่ไม่คิดให้รอบคอบ ลูกมีสิทธิ์เลือกความสุขของตัวเอง แม่ไม่ควรผูกมัดลูกกับเด็กที่ยังไม่เกิด”
หญิงชราเช็ดน้ำตาและพูดต่อ “พี่ชายของลูกพูดถูก ลูกยังเด็ก หนทางยังอีกยาวไกล”
“ไม่ต้องกังวลกับการกลับไปกับพวกเขา ไจ๋ปิน… จะไม่ตำหนิลูกอย่างแน่นอน”
เฝิงเสี่ยวชุ่ยอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่แล้ว แต่คำพูดของป้าเฉินทำให้หัวใจเธอแตกสลายยิ่งกว่าเดิม
เธอและไจ๋ปินเป็นคู่รักหนุ่มสาว แต่พวกเขาอยู่ด้วยกันน้อยมากเพราะไจ๋ปินนั้นบ้างานจนทำให้พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเท่าไหร่
แต่ว่าแม่สามีดีกับเธอจริง ๆ
ไม่ต้องพูดถึงการดูแลเธอในทุกรายละเอียด ทุกครั้งที่เธอทะเลาะกับ ไจ๋ปิน แม่สามีคนนี้จะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ…
แม่สามีใจดีกับฉันมากเหลือเกิน
ดังนั้น เมื่อเธอถามตัวเองว่าอยากจะให้กำเนิดเด็กคนนี้ให้กับไจ๋ปินหรือไม่ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่คาดหวังของหญิงชรา เธอก็ตอบตกลง
เฝิงเสี่ยวชุ่ยส่งเสียงร้องอย่างขมขื่นจากลำคอ “แม่!”
เธอคุกเข่าต่อหน้าป้าเฉินและพูดว่า “หนูขอโทษ!”
หลายคนคาดหวังให้เธออดทน แต่รู้สึกว่าผลลัพธ์นี้ก็สมเหตุสมผล
ป้าเฉินน้ำตาไหลและเอามือที่เหี่ยวย่นลูบหัวของเธอ
“ลูกเอ๋ย แม่ไม่โทษลูกหรอก แค่ไจ๋ปินของครอบครัวเราโชคร้ายเท่านั้นเอง”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอดไม่ได้ที่จะร้องไห้
ก่อนหน้านี้พวกเขาคร่ำครวญให้กับเพื่อนร่วมงานที่จากไป ตอนนี้พวกเขาคร่ำครวญให้กับคนดีอย่างป้าเฉินที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการสูญเสียทั้งลูกชายและลูกสะใภ้รวมไปถึงหลาน
ทั้งหอประชุมจมอยู่ในบรรยากาศแห่งความเศร้าโศก
เมื่อป้าเฉินสงบลง เธอพูดกับพี่ชายของเฝิงเสี่ยวชุ่ย “หญิงชราอย่างฉันมีคำขอเพียงข้อเดียว นั่นคือให้เสี่ยวชุ่ยเห็นไจ๋ปินเป็นครั้งสุดท้าย”
เฝิงเสี่ยวชุ่ยก็หันไปหาพี่ชายของเธอเช่นกัน “พี่คะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ไม่มีปัญหา แต่ว่าตั๋วที่คุณซื้อให้น้องสาวฉัน ทำไมคุณไม่ให้ฉันก่อนล่ะ”
ป้าเฉินหายใจเข้าลึกแล้วหยิบตั๋วออกมาจากกระเป๋าของเธอ และฉีกมันต่อหน้าทุกคน
จากนั้นเธอมองไปที่ชายคนนั้น “ตอนนี้คุณพอใจหรือยัง”
ชายคนนั้นเปลี่ยนท่าทีแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พอใจ พอใจ”
ด้วยเหตุนี้ หลังจากร่วมงานศพของไจ๋ปินเสร็จแล้ว เฝิงเสี่ยวชุ่ยก็จากไปพร้อมกับพี่ชายของเธอ
ป้าเฉินดูจะแก่ลงเป็นหญิงชราที่ใกล้จะถูกฝังในชั่วข้ามคืน และเธอไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหวได้คล่อง
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกแสบจมูกและต้องการช่วยอีกฝ่าย
แต่ป้าเฉินปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอ
เธอพูดว่า “ไม่มีอะไรต้องเสียใจ พวกเขาเพียงอยากเห็นเรื่องตลกจากหญิงชราอย่างฉัน แต่ฉันจะมีชีวิตที่ดีแน่นอน”
เธอพูดว่า “หนูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันหรอกนะ อายุปูนนี้แล้ว มีอะไรอีกที่ฉันจะปลงไม่ได้”
เธอลูบมือของเซี่ยชิงหยวน “เด็กน้อย อย่าคิดว่าเธอยังเด็กยังมีเวลาอีกมาก โลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ไม่มีใครรู้ พรุ่งนี้อาจเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้ จงถนอมคนตรงหน้าไว้ให้ดี”
หลังจากพูดจบ หญิงชราก็โบกมือลา เดินพาร่างหลังค่อมของตัวเองจากไปทีละก้าว
เซี่ยชิงหยวนเฝ้าดูแผ่นหลังที่บอบบางและเล็กของหญิงชราเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ พลางร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้
หญิงชราเป็นแม่ของผู้เสียสละแท้ ๆ แต่โลกนี้กลับไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอด้วยความกรุณาเลย
เมื่อหญิงสาวกลับไปที่โรงพยาบาล หัวใจของเธอหนักอึ้ง
หญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ตลอดทาง เมื่อได้พบกับเสิ่นอี้โจว เธอก็ปลดปล่อยอารมณ์ออกมา น้ำตาของเธอหลั่งรินประหนึ่งน้ำทะลักจากเขื่อน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวไม่ได้พูดอะไร
เขายื่นมือออกไปโอบเธอไว้ในอ้อมแขน ตบหลังและปลอบประโลมเธออย่างอ่อนโยน
เซี่ยชิงหยวนซุกหน้ากับอกของเขาพลางร่ำไห้เบา ๆ
อาจจะมีกรณีอย่างป้าเฉินและไจ๋ปินนับไม่ถ้วนในโลกนี้
เธอสะอื้นและพูดว่า “คุณรู้อะไรไหม ป้าเฉินเป็นคนดีมากจริง ๆ”
ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพระหว่างพวกเธอสองคนระหว่างเกิดแผ่นดินไหว หรือสิ่งที่ป้าเฉินพูดกับเฝิงเสี่ยวชุ่ย ทุกคนต่างบอกว่าป้าเฉินช่างน่าสงสาร
เป็นเพราะหญิงชราเป็นคนดี ตนจึงหวังว่าเธอจะมีจุดจบที่ดีกว่านี้
เสิ่นอี้โจวลูบหัวของเซี่ยชิงหยวนพลางพูดว่า “ผมรู้”
เขาถอนหายใจ “ทว่าสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยงแท้ หลายสิ่งที่เราคิดว่าควรจะเป็น มักไม่เกิดขึ้นตามความปรารถนาของเรา ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือยอมรับและเผชิญหน้ากับมัน”
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงงและมองไปที่เสิ่นอี้โจว
เธอไม่คาดคิดว่าคำพูดของเขาจะคล้ายกับของป้าเฉิน
เห็นได้ชัดว่าเขาอายุยี่สิบกว่า ๆ ทำไมเขาถึงพูดเหมือนป้าเฉินคนที่ผ่านโลกมามาก?
ราวกับมองเห็นโลกได้อย่างทะลุปรุโปร่งและเข้าใจถึงความเป็นไปในทุก ๆ สิ่ง
แม้แต่คนเกิดใหม่อย่างเธอก็เทียบไม่ได้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หญิงสาวก็แยกแยะอารมณ์ของตัวเองได้ และในขณะที่เธอกำลังจะบอกเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับเรื่องนี้ อยู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เซี่ยชิงหยวนเช็ดน้ำตาของตนทันที “เข้ามา”
ชายหนุ่มสองคนในชุดเครื่องแบบของสถาบันวิจัยเดินเข้ามาจากประตู
พวกเขาพยักหน้าให้เธอก่อน จากนั้นจึงพูดกับเสิ่นอี้โจวว่า “หัวหน้าแผนกเสิ่น เราต้องการความช่วยเหลือจากคุณในการสอบสวนเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้”