กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 82 เสิ่นอี้โจวผู้เกรี้ยวกราด
บทที่ 82 เสิ่นอี้โจวผู้เกรี้ยวกราด
บทที่ 82 เสิ่นอี้โจวผู้เกรี้ยวกราด
เมื่อเจียงเพ่ยหลานได้ยินเช่นนี้ เธอก็สนใจขึ้นมา “งานประเภทไหนเหรอ”
เซี่ยชิงหยวนตอบ “ตอนนี้ฉันกำลังขายสลัดเย็นอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ลูกค้าเริ่มมากขึ้น ทำให้ฉันมีเวลาทำอย่างอื่นน้อยลง ดังนั้นมันจะช่วยได้มากถ้าเธอมาทำงานให้ฉัน มันไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว”
เจียงเพ่ยหลานแทบไม่ต้องคิดไตร่ตรองก่อนจะตอบไปว่า “ขอบคุณเธอมากเลยนะชิงหยวน”
แต่หลังจากมีความสุขได้ไม่นาน หญิงสาวก็เริ่มลังเล “ชิงหยวน แต่ฉันจะทำได้จริง ๆ เหรอ?”
เธอไม่ได้รู้หนังสือมากนักและหลังจากคลอดลูกสาว เธอก็ไม่ได้ทำงานอะไรอีกเลย เธอมักจะรู้สึกว่าคนที่สามารถทำธุรกิจของตัวเองได้คือคนที่มีอำนาจมาก
เธอเป็นคนเขลา จึงกังวลว่าอาจจะไม่สามารถเรียกลูกค้าได้
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ทำได้สิ ทำไมจะไม่ได้ มันก็แค่การตะโกนเรียกลูกค้า ช่วยชั่งน้ำหนักของและเก็บเงิน เวลางานก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงในช่วงบ่ายของทุกวัน และเมื่อเลิกงานเธอก็สามารถกลับไปดูแลลูกสาวได้ด้วย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูด เจียงเพ่ยหลานก็มีความมั่นใจมากขึ้นและขอบคุณอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า
เนื่องจากเจียงเพ่ยหลานต้องการเข้ามาช่วยขายของประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมงในทุกวัน เซี่ยชิงหยวนจึงจ่ายเงินให้อีกฝ่ายแค่หนึ่งหยวนต่อวันไปก่อน
เมื่อธุรกิจขยายตัวในอนาคต ค่าจ้างหลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ สูงขึ้นตามผลประกอบการหรือความรับผิดชอบ
เมื่อเจียงเพ่ยหลานได้ยินว่าตัวเองจะได้ค่าจ้างวันละหนึ่งหยวน เธอก็ปฏิเสธทันที
หลินจื่อเฉียงเคยทำงานแล้วได้รับเงินเดือนสี่สิบหรือห้าสิบหยวนต่อเดือน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับจะจ่ายค่าจ้างให้เธอสามสิบหยวนต่อวัน เธอจะทำเช่นนั้นได้ยังไง?
เซี่ยชิงหยวนรีบหยุดอีกฝ่าย “มันไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายอะไร แต่ถ้าเธอรู้สึกแย่ แค่รับปากว่าจะทำก็พอ”
ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนขายสลัดเย็นมากว่ายี่สิบวันแล้ว และหลังจากหักลบกับต้นทุนแล้ว เธอก็ได้รับกำไรถึงสี่ร้อยหยวน
ดังนั้นการจ่ายค่าจ้างสามสิบหยวนต่อวันจึงเป็นเรื่องที่หญิงสาวยอมรับได้
และเธอมั่นใจว่าธุรกิจจะต้องดำเนินไปได้ด้วยดีกว่าเดิม
หลังจากกล่าวลาเจียงเพ่ยหลานแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็เดินเล่นในตลาดขายผักต่อ
ตามที่อาเซียงบอกเธอ ในที่สุดเธอก็พบกับอาจ้วงน้องชายของอาเซียงที่อยู่ทางซ้ายมือของพื้นที่ขายผัก
อาจ้วงอายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปี เขาสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ เขามีผิวสีแทนและร่างกายผอมบาง
เช่นเดียวกับพี่ของตน เด็กหนุ่มยิ้มรับเมื่อเห็นลูกค้า
เซี่ยชิงหยวนโบกมือให้เขา “อาจ้วง!”
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน อาจ้วงก็ตอบกลับอย่างมีความสุขเช่นกัน “พี่เซี่ย!”
เซี่ยชิงหยวนถาม “เมื่อไม่นานมานี้เกิดแผ่นดินไหว พี่สาวกับพ่อแม่ของนายสบายดีไหม”
อาจ้วงยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณพี่เซี่ยสำหรับความห่วงใย พวกเขาสบายดีครับ”
ต้องบอกว่าสองพี่น้องคู่นี้อาจ้วงและอาเซียงนั้นปากหวานมาก
เซี่ยชิงหยวนเห็นว่ามีผักอยู่ครึ่งหนึ่งในตะกร้า เธอจึงถามว่า “ผักที่ยังเหลืออยู่ในตะกร้ามีคนจองแล้วหรือยัง?”
อาจ้วงตอบ “ตลาดที่นี่มีขนาดใหญ่ก็จริง แต่การแข่งขันกันสูงเหมือนกันครับ”
เขาเกาหัว “และเมื่อแข่งขันสูงขึ้น คนอื่น ๆ ก็ลดราคาของตัวเองเพื่อให้ขายออก แต่ต่อให้ลดราคาแล้วก็ใช่ว่าขายได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน”
อาจ้วงมีทักษะการสังเกตที่ดีและคิดวิเคราะห์ได้อย่างชาญฉลาดด้วย
พูดกันเพียงไม่กี่คำ เขาก็ค้นพบสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนต้องการจะรู้
เขาพูดต่อ “แต่พี่สาวกับผมต่างก็รู้สึกว่าที่นี่มีคนรวยเยอะมาก ดังนั้นสลัดเย็นของพี่สาวเซี่ยต้องขายได้แน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นพี่จะซื้อผักของนายกับพี่สาวเหมือนเดิมแล้วกัน”
จากนั้นทั้งสองก็ตกลงเรื่องจำนวนผักที่จะซื้อในวันมะรืนนี้กัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะมาตั้งร้านที่นี่ ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงยังไม่กล้าที่จะทำเมนูอื่นเพิ่ม เธอวางแผนจะทำแค่หกเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก่อนหน้านี้ เมนูละสิบจิน
ทำไมถึงไม่เริ่มขายพรุ่งนี้น่ะเหรอ?
นั่นเพราะเธอต้องการพักผ่อนอีกหนึ่งวันยังไงล่ะ
…
เมื่อหญิงสาวขี่รถสามล้อที่ว่างเปล่ากลับมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ทักทายเธออย่างอบอุ่น
นอกจากนี้เขายังทำความเคารพตามที่ควรจะเป็นและตะโกนเสียงดัง “สวัสดีครับ คุณนายเลขาธิการ!”
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนรถสามล้อเกือบจะตกลงไปในคูน้ำข้าง ๆ
หญิงสาวทำได้เพียงตอบกลับด้วย ‘รอยยิ้มที่มีเสน่ห์’
ตอนที่เธอกลับมานั้นเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกลับมาจากที่ทำงานแล้ว
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนที่ขี่สามล้อจึงกลายเป็นทิวทัศน์ที่ ‘สวยงาม’ ของเขตที่พักอาศัยครอบครัว ผู้คนเหลียวมองเธอนับครั้งไม่ถ้วน
คนทั้งหมดมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ จากนั้นสายตาของพวกเขาก็เบนไปทางรถของเธออย่างอดไม่ได้
ก่อนจะทักทายเธออย่างอบอุ่น
“สวัสดีคุณนายเลขาธิการ!”
“คุณนายเลขาธิการสวยมากจริง ๆ!”
เซี่ยชิงหยวนได้แต่ตอบกลับด้วยการหัวเราะ “ฮ่า ๆ” ให้กับทุกคนที่ทักทายตน
หญิงสาวไม่เคยรู้สึกว่าเส้นทางกลับบ้านนั้นยาวไกลมากขนาดนี้
เธอยังรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอตลอดเวลาจนกระทั่งถึงบ้าน ทว่าในใจกลับอยากจะร้องไห้เพราะต้องฉีกยิ้มค้างไว้นานมาก
ถึงอย่างนั้น เสิ่นอี้โจวก็มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นเพราะเธออีกแล้ว เขาควรจะขอบคุณเธอนะ!
เมื่อกลับถึงบ้านในที่สุด หญิงสาวก็เห็นชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งจะออกมาจากบ้านของเธอ เซี่ยชิงหยวนไม่ทันได้เห็นหน้าเพราะพวกเขาเดินจากไปไกลแล้ว เธอจึงมองเห็นเพียงแผ่นหลังเท่านั้น
เสิ่นอี้โจวยืนส่งแขกอยู่ที่หน้าประตูบ้าน บนผนังบ้านที่อยู่ทางด้านหลังเขาก็คือรูปแต่งงานของเขากับเธอที่ถูกขยายใหญ่ขึ้น
เขายิ้มให้เธอ “กลับมาแล้วเหรอ”
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจทันทีว่าทำไมเธอถึงได้รับความสนใจขนาดนี้
หญิงสาวก้าวขึ้นบันไดและเข้ามาในบ้าน
เธอชี้ไปที่รูปถ่ายบนผนัง นิ้วของเธอสั่นระริก “คุณเอามันขึ้นไปแขวนไว้เหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ตอนบ่ายพวกเขามาเยี่ยมและต้องการทักทายคุณ แต่บังเอิญคุณไม่อยู่ ผมเลยเอารูปถ่ายของเราออกมาแสดงให้พวกเขาดูแทนน่ะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนนึกถึงการตกเป็นเป้าความสนใจที่ตัวเองเพิ่งประสบมา ก็รู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา
เธอถามว่า “คุณพิมพ์ออกมาเมื่อไหร่? ทำไมฉันถึงไม่รู้เลย?”
มุมปากของเสิ่นอี้โจวกระตุก “แน่นอนว่า ก็ต้องเป็นตอนที่คุณไม่อยู่สิ”
หลังจากพูดจบ เขาก็รินน้ำหนึ่งแก้วให้ผู้เป็นภรรยา “ผมกลับไปทำงานก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ทิ้งแผ่นหลังอันหล่อเหลาเอาไว้
เซี่ยชิงหยวนดื่มน้ำอึกใหญ่ทันที
เธอเพิ่งคิดได้ว่าเสิ่นอี้โจวกล้ามากขึ้นจนปฏิบัติต่อเธอแบบนี้แล้วเหรอ?
ส่วนเหตุผลที่ว่าเขาทำแบบนี้ไปทำไมนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เธอได้แต่จ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลับไปทำธุระของตัวเองต่อ
ความไม่ชอบมาพากลของเสิ่นอี้โจวดำเนินไปจนถึงตอนกลางคืน
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว แต่เขายังคงอยู่ในห้องหนังสือ
เซี่ยชิงหยวนเข้าไปในห้องหนังสือหลายครั้งเพื่อนำน้ำและผลไม้ไปให้เขา แต่กลับถูกอีกฝ่ายไล่ออกมาทุกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ พลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ เมื่อเธอหมดความอดทน เธอก็เริ่มฟุ้งซ่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอคิดถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างวันนี้ แต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้
เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาพลางเม้มปากและเกิดความคิดในใจแวบหนึ่ง “หรือว่าวันนี้เขาโกรธเพราะฉันอยากจะลองทดสอบเตียง แต่หลังจากนั้นฉันก็เพิกเฉยต่อเขา?”
ยิ่งเซี่ยชิงหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงลุกจากเตียงและเดินไปส่องกระจก
ชุดนอนแบบบาง ผมยาวประบ่า ริมฝีปากสีแดงละเอียดอ่อน และดวงตาที่มีเสน่ห์
เอาล่ะ ผิวสวยก็สำเร็จไปครึ่งทางแล้ว
เธอผลักประตูเดินออกไป มุ่งตรงไปยังประตูห้องหนังสือแล้วเคาะประตู “อี้โจว?”
เสียงของเสิ่นอี้โจวดังขึ้นจากอีกด้านของประตู “เข้ามา”
เซี่ยชิงหยวนปัดผม ยืดอก ก่อนผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
เธอเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ถือปากกาอยู่ในมือ มองกองเอกสารตรงหน้า
บนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ อีกตัวที่อยู่ด้านข้างมีเอกสารวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และแปะป้ายไว้ พวกมันน่าจะเป็นส่วนที่เขาอ่านเสร็จแล้ว
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ได้พูดอะไรสักคำ เสิ่นอี้โจวก็เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร “มีอะไรเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “มันดึกแล้ว ฉันอยากจะบอกให้คุณเข้านอนเร็วหน่อย”
เธอเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ก่อนจะใช้สองแขนกอดเขาเอาไว้ นิ้วเรียวยาวเคลื่อนย้ายไปนวดคลึงที่ขมับของชายหนุ่ม “คุณเหนื่อยไหมหลังจากอ่านเอกสารมาทั้งวัน”
ท่าทีของเสิ่นอี้โจวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ผมต้องเริ่มงานวันแรก ดังนั้นต้องทำความคุ้นเคยกับหลาย ๆ อย่างล่วงหน้าก่อน”
“งั้นเหรอ?” เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวเข้ามาใกล้ซอกคอของเขา เธอวางคางของตนไว้บนบ่าของอีกฝ่าย และหายใจออกมาแผ่วเบา “งานเป็นสิ่งสำคัญ แต่ร่างกายของคุณก็สำคัญเหมือนกัน เราไปพักผ่อนกันก่อนดีไหมคะ?”
เมื่อพูดเช่นนั้น หญิงสาวก็จงใจพ่นลมใส่หูของอีกฝ่ายเบา ๆ
ลมหายใจร้อนชื้นรดรินอยู่ข้างหูของเสิ่นอี้โจวและทะลุเข้าไปในช่องหู จนทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่เขายังคงเม้มปากและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
หากเป็นยามปกติ ชายหนุ่มจะหน้าแดงหรือบอกเธอด้วยความตื่นตระหนกว่าให้หยุดสร้างปัญหา
แต่ตอนนี้เขากลับดูนิ่งราวกับภูเขา
ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาโกรธเธอแน่นอน
เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล เธอจึงเอื้อมมือไปปลดกระดุมที่หน้าอกเสื้อของเขาออกแล้วรีบสอดมือเรียวเล็กเข้าไปด้านใน
มันสายเกินไปที่เสิ่นอี้โจวจะหยุด เพราะฝ่ามือของเซี่ยชิงหยวนกำลังไล้ลูบหน้าอกของเขาอยู่
กล้ามเนื้อของเขาเกร็งขึงทันที
เซี่ยชิงหยวนกระซิบ “อา อี้โจวของคุณใหญ่จัง”
แก้มของเสิ่นอี้โจวเริ่มเจ็บเพราะเขาขบกรามแน่น
แน่นอนว่าหญิงสาวย่อมรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวของอีกฝ่าย
แต่มันยังไม่เพียงพอ
เพราะตอนที่ยังทำงานพาร์ตไทม์ในชาติที่แล้ว เธอได้ยินพวกผู้หญิงพูดว่าส่วนที่บอบบางที่สุดของผู้ชายคือลูกกระเดือก
ดังนั้นเธอจึงอยากลองดูบ้าง
เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวไปข้างหน้ามากขึ้นโดยให้ศีรษะของเธอหันไปทางด้านหน้าของลำคอเสิ่นอี้โจว
เมื่อมองไปที่ลูกกระเดือกที่ยื่นออกมา เธอหลับตาและจูบไปที่ตรงนั้น
ตู้ม!
ความสงบและความยับยั้งชั่งใจทั้งหมดของเสิ่นอี้โจวพังทลายลงในทันที
เขาจับแขนของเธออย่างแรง จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็ถูกดึงมากอดไว้แน่นในอ้อมแขนแกร่ง
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าเธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเสิ่นอี้โจวในท่าอุ้มเจ้าหญิงได้ยังไง
และก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็โน้มศีรษะลงมาหาเธอ
ดวงตาฟีนิกซ์ของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอันตราย
เธอเห็นริมฝีปากบางของเขาโค้งขึ้น และนิ้วของเขาก็ลูบไล้ริมฝีปากของเธอ เสียงของเขาทุ้มและมีเสน่ห์ “สนุกมากเลยใช่ไหม”