กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 83 ลุกขึ้น ขาของผมชาหมดแล้ว
บทที่ 83 ลุกขึ้น ขาของผมชาหมดแล้ว
บทที่ 83 ลุกขึ้น ขาของผมชาหมดแล้ว
น้ำเสียงของคำว่า “อืม” ดังขึ้นเบา ๆ และเสียงที่ไม่ยี่หระนั้นยิ่งทำให้บรรยากาศคลุมเครือ
นัยน์ตาฟีนิกซ์ของเขาเป็นประกายวาบโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเมื่อรวมกับออร่าที่ดูน่าหลงใหลและความแข็งแกร่งบนร่างกายของเขา มันยิ่งทำให้เซี่ยชิงหยวนรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
เหมือนลมที่พัดผ่านยอดไม้ เหมือนคมมีดวาดผ่านเส้นผม
มันอ่อนโยน แต่ก็ละเลยไม่ได้
เขาก้มศีรษะลงมากกว่าเดิม ความรู้สึกคุมคามเข้าครอบงำทั่วทั้งร่างของหญิงสาว
เซี่ยชิงหยวนถูกขังอยู่ในอ้อมแขนแกร่งโดยสมบูรณ์ จ้องมองเสิ่นอี้โจวด้วยความงุนงง
หญิงสาวยังคงสับสนเล็กน้อยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา
เขาชอบถูกเธอแกล้งหรือไง?
หรือชอบทำให้เธอกลัว?
แต่จะร้องขอความเมตตาจากอีกฝ่าย ก็ดูจะเสียศักดิ์ศรีสำหรับเธอเกินไปหน่อย
หญิงสาวจึงเอื้อมโอบลำคอของเขาอย่างใจกล้า พลางส่งยิ้มเย้ายวนไปให้ “ยังหรอกค่ะ”
“งั้นเหรอ” มุมปากของเสิ่นอี้โจวยกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นมือใหญ่ก็เลื่อนลงมาที่ริมฝีปากของหญิงสาว ไล้มาจนถึงเนินอกนูน
เซี่ยชิงหยวนห่อตัวเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
หลังจากอาบน้ำ เธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นในจนติดเป็นนิสัย
ดังนั้น เมื่อเขาปล่อยมือหนาของตัวเอง มันจึงสัมผัสกับเนื้อตัวของเธอโดยตรง
อุณหภูมิร้อนผ่าวที่ส่งผ่านจากฝ่ามือของเขา ทำให้แก้มทั้งสองของหญิงสาวเห่อร้อน
ทันทีที่เขาสัมผัส ความร้อนก็แผ่ซ่านไปทั่วแขนขา
เซี่ยชิงหยวนต้องการจะหยุด ทว่าภายในแววตาอมยิ้มของชายหนุ่มกลับจดจ้องมายังเธออย่างดื้อรั้น
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวเข้าหาเธอ
หลังจากที่ใกล้พอเขาก็กระซิบข้างหูว่า “มันไม่ใหญ่เกินไป แล้วไม่เล็กเกิน กำลังพอดีเลย”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแก้มของเธอแดงก่ำและร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ลำคอก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู
เธอแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “กำลังพอดีอะไร? เป็นเพราะมือของคุณใหญ่เกินไปต่างหาก”
ขณะที่พูด เธอก็ยื่นหน้าอกของตัวเองไปข้างหน้า
การกระทำที่พิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่เด็กเล็กทำให้ดวงตาของเสิ่นอี้โจวยิ่งลึกล้ำ
เมื่อมองมายังเธอ สายตาของเขามืดมนราวกับหมึกหนาที่ไม่อาจจางหายไปได้
มันทั้งลึกซึ้งและน่าหลงใหล
ภายใต้การจ้องมองอันแสนงุนงงของเซี่ยชิงหยวน เขาประคองท้ายทอยของเธอด้วยมือข้างหนึ่งและอีกข้างเชยคางมน บังคับให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น
จากนั้นก็ประทับจูบลงไป
เมื่อจู่ ๆ ถูกลมหายใจของชายหนุ่มรดใบหน้า หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็พองโตขึ้นเล็กน้อย
เธอถูกบังคับให้เชิดคางขึ้นและค้างอยู่อย่างนั้น
หญิงสาวรู้สึกถึงรสจูบของเขาตั้งแต่ผิวเผินไปจนถึงระดับลึกล้ำ ครั้งแรกมันเหมือนขนนกไล้ไปตามริมฝีปากของเธอ จากนั้นมันก็เหมือนพายุไต้ฝุ่นพัดผ่านกวาดผ่านทุกส่วนในปาก
มือที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ค่อย ๆ หมดเรี่ยวแรง และมันก็ตกลงมาระหว่างเธอกับเขา
เสิ่นอี้โจวจับมือภรรยาแตะไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายของตน
นั่นคือบริเวณที่หัวใจของเขากำลังเต้น
ตึกตัก!
ตึกตัก!
ตึกตัก!
เธอไม่รู้ว่าจังหวะสุดท้ายนั้นเป็นเสียงหัวใจของเธอหรือของเขากันแน่
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเหมือนสมองของเธอกำลังขาดออกซิเจน
ในที่สุดเสิ่นอี้โจวก็ปล่อยเธอเป็นอิสระ สีหน้าของเขาดูพอใจอย่างสุดจะพรรณนา
ริมฝีปากบางของเขาแดงและชื้น มันเผยอเล็กน้อยอย่างหาดูได้ยาก
เซี่ยชิงหยวนใช้หลังมือปิดริมฝีปากที่ชาบวมของตน และมองเขาอย่างคาดโทษ “คนบ้า!”
เมื่อได้ยินเสิ่นอี้โจวก็ยกยิ้ม “ไม่ใช่ว่าคุณยั่วผมก่อนเหรอ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ เธอก็รู้สึกผิดทันที
ความคิดของเธอในตอนแรกนั้นเรียบง่าย
ถ้าพวกเธอสองคนทำตัวเหมือนในชาติที่แล้ว คงนอนลงบนเตียง ปิดไฟแล้ว ‘มีเซ็กส์’ เธอก็คงร้องไห้อีกครั้ง และกระบวนการทั้งหมดก็จะจบลง
แต่ใครจะคิดว่าคราวนี้เสิ่นอี้โจวจะจูบเธอ?
นอกจากนี้ครั้งสุดท้ายที่เธอจับเขานอนบนเตียงเขายังจูบเธอด้วย
ทำไมหลังจากที่เธอเกิดใหม่ เสิ่นอี้โจวถึงกลายเป็นคนชอบสานสัมพันธ์เชิงสาวกับเธอขนาดนี้นะ?
และ…มันก็รู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้จูบกับเขา
ใช่ เธอต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเมื่อครู่ทำให้เธอเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขา
เพื่อทำให้หญิงสาวได้สติ เสิ่นอี้โจวจึงตบบั้นท้ายของเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ลุกขึ้นเร็ว ขาของผมชาหมดแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนซึ่งกำลังดื่มด่ำกับความหวานเมื่อครู่นี้ “…”
นี่เขาหมายความว่ายังไง?
เซี่ยชิงหยวนคว้าคอเสื้อของเสิ่นอี้โจว “พูดอีกครั้งสิ”
รอยยิ้มของเสิ่นอี้โจวฉีกกว้างขึ้นและพูดเน้นทีละคำ “ขาของผมชาหมดแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนกระโดดลุกทันทีด้วยความกรุ่นโกรธ
เธอพูดด้วยความโกรธว่า “ฮึ่ย ฉันไม่สนใจคุณแล้ว!”
จากนั้นเธอก็หันหลังและจากไป
จนกระทั่งเธอกลับไปในห้องนอนก็พบว่ามันไม่ถูกต้อง
เธอไปบอกให้เขากลับมานอนไม่ใช่เหรอ?
แล้วกลับมาคนเดียวได้ยังไง
แต่มันคงน่าอายเกินไปที่จะกลับไปหาเขาอีกครั้งตอนนี้
เธอมองไปที่ประตูห้องและพูดอย่างขมขื่น “พรุ่งนี้ ฉันจะทำให้คุณร้องไห้อยู่บนเตียงให้ได้!”
เซี่ยชิงหยวนนอนลงด้วยความพึงพอใจหลังจากพูดปณิธานของตนเองเสร็จ
เธอยังคงอารมณ์ค้างจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ดังนั้น แม้แต่ตอนที่กำลังจะหลับ เธอก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่
…
เป็นเวลาห้าทุ่ม กว่าเสิ่นอี้โจวจะตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
ชายหนุ่มย่องเข้าไปในห้องนอน และพบว่าเซี่ยชิงหยวนหลับไปแล้ว
อากาศช่วงนี้เริ่มร้อนเพราะเข้าสู่ช่วงต้นฤดูร้อน หญิงสาวจึงไม่ได้คลุมตัวด้วยผ้านวม
เธอแค่ขยำผ้านวมเป็นก้อนกลมแล้วกอดไว้แนบอก และส่วนปลายของผ้านวมก็ประกบอยู่ที่หว่างขาของเธอ
ต้นขาที่เผยออกมานั้นดูเย้ายวนชวนให้ก่ออาชญากรรมอย่างยิ่ง
เสิ่นอี้โจวยื่นมือออกไปและดึงผ้านวมคลุมขาของผู้เป็นภรรยาไว้
ทว่าทันทีที่เขาออกแรง เซี่ยชิงหยวนก็พลิกตัวและม้วนผ้านวมลงบนเตียง
เธอยังคงพึมพำขณะหลับ “คืนพรุ่งนี้ฉันจะให้คุณได้เจอดี~”
แม้แต่สีหน้าของเธอก็ยังแสดงออกมาอย่างชั่วร้ายในขณะที่ยังหลับ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ
เขาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากของเธอพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและทำอะไรไม่ถูก “ผมควรทำยังไงดี ผมเกรงว่าจะไม่สามารถทำให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงได้”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นในตอนเช้า เสิ่นอี้โจวได้ทำอาหารเช้ารอไว้ให้แล้ว
เมนูวันนี้คือโจ๊กมันเทศปรุงสุกและไข่ต้ม
เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกและพูดกับเซี่ยชิงหยวน “ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินข้าวเช้ากันเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนกำลังจะตอบตกลง
แต่พอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หุบลงทันที
จากนั้นเธอเชิดคางขึ้นและส่งเสียง “อืม” เบา ๆ
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็พยายามระงับรอยยิ้มบนใบหน้าและดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอ
ระหว่างรับประทานอาหาร เสิ่นอี้โจวก็ถามขึ้นว่า “วันนี้คุณมีแผนจะทำอะไรหรือเปล่า”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ฉันว่าจะพักผ่อนที่บ้าน”
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีแม่น้ำอยู่ เราลองไปดูด้วยกันไหมหลังกินข้าวเช้าเสร็จ”
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้วขึ้น “มันมีอะไรน่าสนใจเหรอ?”
หากต้องการเล่นน้ำในหมู่บ้านก็มีลำธารอยู่หลายแห่ง
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “มันมีหอยแมลงภู่น้ำจืดกับหอยขมในแม่น้ำ เราสามารถไปจับมันได้ ตอนที่อยู่บ้านพักของสถาบันวิจัย คุณไม่ได้บอกว่าต้องการเลี้ยงไว้ในสวนหรอกเหรอ”
เซี่ยชิงหยวนไม่คิดเลยว่าคำพูดที่กล่าวออกไปงั้น ๆ เขาจะจำได้ขึ้นใจแบบนี้
แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเมื่อคืนเขาแกล้งไว้เธอยังไง
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังใจเต้นได้อย่างชัดเจน เสิ่นอี้โจวก็ตั้งใจหยุดพูดครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาก็พูดต่อ “มีแปลงผักสองสามแห่งในบริเวณนี้ด้วย ถ้าคุณอยากปลูก เราก็ไปดูได้ แต่ถ้าไม่ ผมจะไปถามคนอื่นว่ามีใครต้องการมันไหม”
เซี่ยชิงหยวนตอบอย่างรวดเร็ว “ได้ ได้”
แม้ว่าเธอไม่ได้ต้องการปลูกผักเอง แต่เมื่อหลินตงซิ่วมาอยู่ที่นี่ เธอย่อมไม่อยู่เฉยแน่นอน
ตอนนี้มีที่ดินแล้ว หลินตงซิ่วน่าจะใช้เวลากับมันได้
เมื่อเห็นอีกฝ่ายตกลง เสิ่นอี้โจวก็ยกยิ้ม
เขาพูดว่า “เอาล่ะ ไปที่แม่น้ำกันก่อนแล้วค่อยไปดูแปลงผักที่แบ่งไว้กัน”
เซี่ยชิงหยวนงุนงง “วันนี้คุณว่างเหรอ”
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “ผมมีเวลาว่างในช่วงเช้า”
เขามองไปที่เธอ ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ “ในอนาคตผมจะพยายามทำตัวให้ว่างมากขึ้น เพื่อที่จะได้ใช้เวลากับคุณมากขึ้น”
เซี่ยชิงหยวนมองเขาอย่างสงสัยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะมีแผนการบางอย่าง
หญิงสาวหันไปพูดว่า “ถ้าคุณมีเวลา คุณช่วยใช้เวลาอยู่บนเตียงกับฉันให้มากขึ้นหน่อยเถอะ”
เสิ่นอี้โจวไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
เขาวางชามและตะเกียบลงก่อนจะยกยิ้ม “มีคนบอกว่า จงอย่าคิดถึงสิ่งที่คุณมีมันอยู่แล้วทั้งวัน”