กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 87 ใจเย็น ๆ เดี๋ยวจะเจ็บ
บทที่ 87 ใจเย็น ๆ เดี๋ยวจะเจ็บ
บทที่ 87 ใจเย็น ๆ เดี๋ยวจะเจ็บ
เสิ่นอี้โจวดูเหมือนจะมีดวงตาอยู่ข้างหลัง
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนยกหมอนขึ้นเขาก็จับมันไว้ในทันที
เขาหันกลับมา ลูบหมอนในมือแล้วยิ้มให้เธอ “ใจเย็น ๆ เดี๋ยวมันจะเจ็บ”
หลังจากนั้นเขาวางหมอนไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วจึงโบกมือให้เธอ “คุณไม่ต้องช่วยผมแล้ว”
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
เซี่ยชิงหยวนโกรธมาก เธอคว้าหมอนอีกใบมาวางไว้บนตักและทุบมันสองสามครั้ง
เช้านี้เขาพาเธอไปที่แม่น้ำจนทำให้เธอลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้ว
เมื่อคืนวานมันเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง แต่เมื่อรวมกับเหตุการณ์ในวันนี้แล้ว มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน
เสิ่นอี้โจวต้องจงใจทําแน่!
จงใจหยอกล้อเธอ จากนั้นก็ปล่อยเธอไปเมื่อหญิงสาวไม่อาจทนไหวอีกต่อไป
เธอเกลียดและก่นด่า “สารเลว!”
เธอจะต้องเอาคืนเขาอย่างสาสม
ว่ากันว่าผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้อวัยวะส่วนล่างในการคิด และเธอต้องการดูว่าความอดทนของเสิ่นอี้โจวจะแข็งแกร่งแค่ไหน!
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยชิงหยวนยังคงทำอาหารเช้าให้กับเสิ่นอี้โจวเหมือนปกติ
ใบหน้าของชายหนุ่มสงบนิ่งเสียจนมองไม่เห็นอารมณ์ภายในใจเขาเลย
เสิ่นอี้โจวยังมีสีหน้าเย็นชา ขณะทานอาหารเช้าเงียบ ๆ
ก่อนจะออกไปทำงาน เขาก็พูดกับเธอว่า “ต่อจากนี้ผมจะกินข้าวเที่ยงที่ศาลากลางแล้วค่อยกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านนะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เขา “อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอยิ้มและส่งเขาออกไป
เมื่อเสี่ยวหลิวขับรถเข้ามา เธอจัดปกคอเสื้อให้ชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง
มือของเธอลูบเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของอีกฝ่ายแล้วมองไปยังเขา “ผู้ชายของฉันหล่อจริง ๆ”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจววูบไหวเล็กน้อย
เขามองผู้เป็นภรรยา และพยายามจะสังเกตให้เห็นอะไรบางอย่างบนใบหน้าของเธอ
เซี่ยชิงหยวนยังคงยิ้มให้เขา ขณะสบสายตากับนัยน์ตาสีเข้ม
เสี่ยวหลิวที่อยู่ทางด้านข้างไม่ได้รับรู้ถึงกระแสใต้น้ำแห่งความปั่นป่วนระหว่างคนทั้งสอง แต่เพียงเห็นว่าพวกเขากำลังเกาะติดกันราวกับตังเม
เขาหันรีหันขวางอย่างอึดอัดใจ จากนั้นก็ยืนหันหลังให้คู่สามีภรรยา
มุมปากของเสิ่นอี้โจวยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ภรรยาของผมก็สวยมากเหมือนกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็จุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาว จากนั้นก็หันหลังเดินไปขึ้นรถโดยไร้ความลังเล
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเสี่ยวหลิวหันกลับมาพอดี ชายหนุ่มแทบอ้าปากค้าง
เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป จากนั้นชายหนุ่มกระโดดขึ้นรถทันทีและขับออกไปพร้อมกับควันพิษพวยพุ่งออกมา
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะหยอกล้อเขาไม่สำเร็จ แถมยังถูกหยอกกลับอีกต่างหาก
เธอลูบหน้าผากที่ถูกจูบ ก่อนมองไปยังรถซึ่งกําลังจากไปและถอนหายใจอย่างทําอะไรไม่ถูก
อนาคตยังอีกไกล คอยดูก็แล้วกัน
…
หลังจากรับประทานอาหารเช้าและทําความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เซี่ยชิงหยวนนัดหมายกับอาจ้วง
เขตที่พักครอบครัวได้รับการเฝ้าดูแลอย่างแน่นหนา จนเธอกังวลว่าอาจ้วงจะไม่สามารถผ่านประตูใหญ่เข้ามาได้ หญิงสาวจึงขี่รถสามล้อไปที่ประตูใหญ่เพื่อไปรับเขา
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนไปถึงประตูใหญ่ เธอเห็นอาจ้วงยืนอยู่ที่นั่น
เด็กหนุ่มสวมเสื้อสเวตเตอร์ที่มีผ้าขนหนูผูกรอบเอวและกางเกงสีเข้ม
ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นเซี่ยชิงหยวน เขาก็ยิ้มร่า “พี่เซี่ย!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและตอบว่า “อาจ้วง”
เธอพูดว่า “เข้ามาสิ”
เสิ่นอี้โจวบอกกับเธอแล้วว่า สามารถพาคนข้างนอกเข้ามาได้ แต่ต้องลงทะเบียนที่หน้าประตูใหญ่ก่อน
อาจ้วงส่ายหัว “ไม่ดีกว่าครับ”
ที่นี่ได้รับการเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา ผู้ที่เดินทางเข้าออกที่นี่ดูจะแตกต่างจากคนทั่วไป
เขาไม่ต้องการทําให้เซี่ยชิงหยวนเสียหน้าเพราะเขา
เขาชี้ไปที่กระสอบใส่ผักข้าง ๆ และพูดว่า “ผมจะช่วยพี่ขนพวกมันขึ้นรถ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้คิดอะไรมากและก็ไม่ได้ดึงดัน “งั้นก็ได้ แต่คราวหน้านายกับพี่สาวจะต้องไปนั่งเล่นที่บ้านฉันนะ”
เมื่อเอ่ยถึงอาเซียง ใบหน้าของอาจ้วงก็เปลี่ยนไป
เขาดูจะฝืนยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “ผมเกรงว่าช่วงนี้เธอน่าจะยุ่งอยู่นะครับ”
เซี่ยชิงหยวนถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า”
อาจ้วงกล่าวว่า “ช่วงนี้ครอบครัวของผมให้พี่สาวอยู่บ้านเพราะเธอจะต้องแต่งงานช่วงครึ่งปีหลังนี้แล้ว”
“กะทันหันแบบนี้เลยเหรอ?” เซี่ยชิงหยวนอดแปลกใจไม่ได้
เธอเคยคุยกับอาเซียง จึงรู้ดีว่าเด็กสาวคนนั้นเพิ่งอายุสิบเก้าปีเต็มในปีนี้เท่านั้น และเด็กคนนั้นก็ยังอยากรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกอีกมาก
อาเซียงยังบอกเธอด้วยว่าต้องการออกไปยังโลกภายนอก ดังนั้นตอนนี้จะมีความคิดแต่งงานได้ยังไง
ท่าทางของอาจ้วงก็หม่นหมองลงเช่นกัน “ย่าของเราบอกว่าสภาพของครอบครัวฝั่งนั้นดี และพี่สาวจะไม่ประสบกับความยากลําบากเมื่อเธอแต่งงานไป”
อันที่จริง มีเหตุผลสําคัญอีกประการหนึ่งคือในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว พ่อของพวกเขาขาหักเพราะถูกคานตกลงมาทับระหว่างเข้าไปช่วยวัวในโรงเลี้ยง
พ่อของพวกเขาได้รับการรักษาในโรงพยาบาลสองสามวัน แต่ออกจากโรงพยาบาลก่อนกําหนดเนื่องจากมีค่ารักษาพยาบาลไม่พอ
เมื่อกลับบ้าน พ่อของพวกเขาก็ได้รับการดูแลด้วยวิธีการแบบคนชนบท
แพทย์ในหมู่บ้านบอกว่าขาของพ่ออาจไม่ดีขึ้นอีก
ถึงกระนั้น ขาของพ่อก็จำต้องใช้เงินรักษาอีกมากในอนาคต
นอกจากนั้น การขาดพ่อผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาลำบากยิ่งขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีชายอายุเกือบสามสิบปีในหมู่บ้านรู้สึกถูกใจอาเซียง จึงได้เรียกแม่สื่อมาจับคู่ให้
ด้วยความเป็นห่วงครอบครัว อาเซียงจึงตัดสินใจแทนพ่อแม่ของเธอและตอบตกลงไป ซึ่งหลังจากนั้นพี่สาวและพ่อก็ได้มีการถกเถียงกัน
อันที่จริง เขาก็รู้ดีว่าพี่สาวไม่ได้เต็มใจนัก
เพราะเธอมักจะแอบนอนร้องไห้ทุกคืน
เขาเกลียดตัวเองที่ยังไม่โตจะแบ่งเบาภาระของพ่อแม่และพี่สาว
แต่เด็กอย่างเขาจะเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองได้ยังไง?
ดังนั้นหญิงสาวจึงสังเกตเห็นร่องรอยจากดวงตาหลุกหลิกคู่นั้นของคู่สนทนาทันที
เธอดึงอาจ้วงเข้ามาและถามว่า “ที่บ้านของนายเกิดอะไรขึ้น?”
ตอนแรกอาจ้วงตกใจมากแล้วส่ายหัวทันที “ไม่มีอะไรครับพี่เซี่ย”
ยิ่งเห็นเขาพยายามปกปิดเท่าไหร่ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งตื่นตระหนก
ในที่สุด เมื่อเผชิญกับสายตาที่เป็นห่วงของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มก็หลั่งน้ำตา
ในขณะที่เช็ดน้ำตา เขาเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่บ้านให้เซี่ยชิงหยวนฟัง
เซี่ยชิงหยวนไตร่ตรองสักครู่และพูดว่า “นายรออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันจะกลับมา”
หลังจากนั้นเธอก็มอบเงินค่าผักให้กับอาจ้วงก่อนแล้วจึงขี่รถสามล้อกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน หญิงสาวคว้าเงินที่เธอเพิ่งได้จากการค้าขายของเธอมาจากในตู้ เอาเงินออกมาสองร้อยหยวนและรีบขี่กลับไปที่ประตูใหญ่
เธอพูดกับอาจ้วงว่า “พาฉันไปที่บ้านของนายตอนนี้เลย”
อาจ้วงตกตะลึงพร้อมกับปฏิเสธทันที “พี่เซี่ยอย่าทำแบบนี้เลย”
พี่สาวของเขาเพิ่งย้ำเขามาอยู่หยก ๆ ว่าอย่าบอกเซี่ยชิงหยวนเรื่องพ่อของตน
ถ้าพาเซี่ยชิงหยวนไปที่บ้านตอนนี้ มันจะดีเหรอ?
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “หรือนายต้องการยืนมองพี่สาวของนายแต่งงานไปแบบนี้?”
จากท่าทีของอาจ้วง เธอก็รู้ได้ทันทีว่าอาเซียงไม่ได้ชื่นชอบฝ่ายชายแน่นอน
มันเป็นเพราะเธอใช้ความสุขของตัวเองชดเชยแทนขาของพ่อ
ไม่รู้ว่าทําไมเมื่อเธอเห็นอาเซียง เธอคิดถึงตัวเองในอดีต
ในตอนนั้น หวังผิงบังคับให้เธอทํางานพิเศษ เพื่อหาเงินค่าสินสอดให้แก่เซี่ยจิ่งเฉินพี่ชายคนรองของเธอ
หญิงสาวในวัยนี้ควรได้รับการดูแลอย่างดี
เธอไม่ต้องการเห็นแสงสว่างในดวงตาของอาเซียงมอดดับลง
ยิ่งกว่านั้น พ่อของพวกเขายังแสดงความเมตตาต่อเธอในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว
เธอเชื่อว่าพ่อที่สอนลูกให้เป็นคนซื่อสัตย์และจิตใจดีได้ขนาดนี้ ต้องเป็นพ่อที่ดีมากแน่นอน
เช่นเดียวกับพ่อของเธอ
เมื่อได้ยินแบบนั้น อาจ้วงก็กระทืบเท้าและพูดว่า “ผมจะพาพี่ไป”
ไม่ว่าจะเป็นยังไงหรือต่อให้จะถูกทุบตี เขาก็ยอม!