กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 88 แผนการในอนาคต
บทที่ 88 แผนการในอนาคต
บทที่ 88 แผนการในอนาคต
บ้านของอาจ้วงตั้งอยู่บนไหล่เขาของสถาบันวิจัยทางธรณีวิทยา
แถวนั้นมีหมู่บ้านที่กลุ่มชาวไตตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ บ้านแทบทั้งหมดถูกสร้างเป็นแบบยกพื้นสูง
บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ทางด้านในของหมู่บ้าน
เซี่ยชิงหยวนพบว่า การเดินจากบ้านของอาเซียงไปยังเขตที่อยู่อาศัยของเจ้าหน้าที่วิจัยของสถาบันทางธรณีวิทยานั้น ยากกว่าการเดินทางลงจากภูเขาไปยังตลาดก่อนหน้านี้ซะอีก
ทันใดนั้น หญิงสาวก็นึกขึ้นได้ว่าอาเซียงเคยพูดว่า การเดินทางไปส่งผักให้เธอนั้นไม่ลำบากเลย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกขมขื่น
อาจ้วงพาเซี่ยชิงหยวนไปยังบ้านยกพื้นสูงหลังหนึ่งและพูดว่า “พี่เซี่ย นี่คือบ้านของผมครับ”
จากนั้นเขาก็ตะโกนเข้าไปด้านใน “คุณย่า พี่สาว พี่เซี่ยมาเยี่ยม!”
เขาพูดกับเซี่ยชิงหยวนอีกครั้งว่า “ตอนนี้พ่อผมคงจะอยู่ที่บ้านของหมอยา”
ไม่นานก็มีเสียงดังขึ้นในห้อง
จากนั้นก็มีเสียงย่ำเท้าที่ยุ่งเหยิง
อาเซียงวิ่งออกมาทันที
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมาระยะหนึ่งแล้ว เด็กสาวดูผอมลงมากและใบหน้าก็เหมือนคนสูญเสียจิตวิญญาณไป
ข้างหลังของอาเซียงมีผู้หญิงวัยกลางคน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแม่ของพวกเขาเดินตามมา
อาเซียงรู้สึกประหลาดใจมาก “พี่เซี่ย พี่มาที่นี่ทําไม”
สายตาของเธอหันไปหาอาจ้วง จากนั้นคิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากัน เธอก้าวไปข้างหน้าและคว้าหูของอาจ้วงไว้ “นายเป็นคนพาพี่เซี่ยมาที่นี่ใช่ไหม!”
อาจ้วงยิ้มรับความเจ็บปวด แต่ก็ยังพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ใช่ ผมพามาเอง!”
“พอแล้ว พอแล้ว” หญิงวัยกลางคนก้าวมาข้างหน้า เพื่อช่วยให้อาจ้วงหลุดพ้นจากมือของลูกสาว
จากนั้นเธอก็พยักหน้าให้เซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เขินอาย
อาเซียงอธิบายกับเซี่ยชิงหยวนอย่างรวดเร็ว “แม่อยู่แต่บนภูเขามาตลอด เธอจึงพูดภาษาจีนได้ไม่ดีนัก”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่เป็นไร”
จากนั้นเธอทักทายผู้หญิงวัยกลางคน “สวัสดีค่ะคุณป้า”
หญิงวัยกลางคนดูจะตื่นเต้นมาก เธอโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่าบอกให้เซี่ยชิงหยวนไม่ต้องสุภาพกับเธอมากนัก
อาเซียงรีบพาเซี่ยชิงหยวนเข้ามาในบ้าน และนําแก้วน้ำที่ทําจากกระบอกไม้ไผ่มาให้ “พี่เซี่ย พี่มาที่นี่ทําไม”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ถ้าฉันไม่มาที่นี่ เธอจะซ่อนตัวจากฉันอีกนานแค่ไหน”
อาเซียงจ้องมองไปทางน้องชายทันที
อาจ้วงนั่งกับแม่ของตน ก่อนที่เขาจะคว้าแขนของแม่และหลบหน้าพี่สาวของตนทันที
รอยยิ้มของอาเซียงดูขมขื่น “ฉันเต็มใจที่จะแต่งงาน ดังนั้นพี่อย่าไปฟังคำพูดของอาจ้วงเลย พี่ไม่ต้องห่วงฉันนะ”
เซี่ยชิงหยวนลูบมือของอีกฝ่าย “ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้นแก่กว่าเธอสิบเอ็ดปี และเขาก็ยังเป็นลูกชายคนรองอีกด้วย ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะอยากแต่งงานกับเขาจริง ๆ หรอกนะ?”
ดวงตาของอาเซียงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
เธอเบือนหน้าหนี จากนั้นก็ปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว “พี่เซี่ย ฉันก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ฉันคิดมาหลายวันแล้ว แต่มันก็มีแค่การแต่งงานอย่างเดียวเท่านั้น และใช่ว่าในอนาคตเขาจะสามารถผูกมัดฉันและห้ามไม่ให้ฉันทำสิ่งที่ตัวเองต้องการเสียเมื่อไหร่กันคะ?”
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ “การรักษาของพ่อเธอต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่?”
อาเซียงยิ่งดูมืดมน “ทางโรงพยาบาลบอกว่าการรักษาต่อเนื่องจนกว่าจะหายนั้นต้องใช้เงินถึงสามร้อยหยวนค่ะ ตอนที่พ่อได้ยินแบบนั้น เขาก็ยืนกรานจะกลับบ้านทันที”
เมื่อเดือนที่ผ่านมา พวกเขาได้รับเงินหลายสิบหยวนจากการซื้อขายกับเซี่ยชิงหยวน
แต่รายได้ของครอบครัวพวกเขาก็ขึ้นอยู่ฟ้าฝนว่าจะเป็นใจหรือไม่ด้วย ดังนั้นการขาดแรงงานคนหนึ่ง คนอื่น ๆ ก็ไม่มีงานทำ
อีกทั้งสามร้อยหยวนยังไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวของพวกเขาจะสามารถจ่ายได้ในตอนนี้
เซี่ยชิงหยวนถามอีกครั้ง “ครอบครัวนั้นที่บอกว่าอยากจะแต่งงานกับเธอ พวกเขาจะจ่ายเงินค่าสินสอดเจ้าสาวเท่าไหร่”
อาเซียงก้มศีรษะลงอย่างอับอาย “พวกเขาเต็มใจที่จะให้สองร้อยหยวนเท่านั้น แต่หลังจากนี้ฉันจะต่อรองกับพวกเขาอีกครั้งเพื่อให้ได้สามร้อยหยวน”
เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจ ลูกสาวของครอบครัวที่ยากจนพยายามจะขายตัวเองเพื่อช่วยครอบครัว อาเซียงยอมแต่งงานด้วยตัวเองในราคาสองร้อยหยวน
เธอหยิบสองร้อยหยวนออกจากกระเป๋าและพูดว่า “นี่เงินสองร้อยหยวน เธอรับมันไปสิ”
เมื่ออาเซียงเห็นเงินก้อนนี้ เธอก็รีบโบกมือปฏิเสธทันที “พี่เซี่ย ฉันรับไว้ไม่ได้!”
หญิงวัยกลางคนกับอาจ้วงก็หน้าเปลี่ยนสีและเอ่ยปฏิเสธทันควัน
เซี่ยชิงหยวนคว้ามือของอาเซียงและยัดเงินเหล่านั้นใส่มือของอีกฝ่าย “คิดซะว่าฉันให้เธอยืมเงินไปก่อน แล้วก็ไม่ต้องกังวลนัก แค่รับมันไปก็พอ”
ทันทีที่อาเซียงได้ยินประโยคนี้ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาไม่หยุด
ทั้งที่เธอกำลังร้องไห้ แต่เจ้าตัวก็ยังยืนกรานจะปฏิเสธอยู่ดี
ช่วงที่พ่อกำลังรักษาตัวอยู่นี้ พวกเขาก็ยืมเงินมาจากญาติหลายคน
เมื่อรวมกับเงินออมที่มีอยู่ จำนวนเงินที่มีมากกว่าหนึ่งร้อยหยวนก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
แม้แต่การไปหาหมอผีในหมู่บ้านเพื่อรับสมุนไพรที่นำมาทำยาก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน
เมื่อเห็นพ่อผู้ขยันขันแข็งและแข็งแกร่งนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน อาเซียงก็คิดได้แค่วิธีนี้
อาเซียงกล่าวว่า “พี่เซี่ย พวกเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพี่เลย ฉะนั้นเราไม่สามารถรับเงินนี้ได้จริง ๆ นะคะ”
แม้ว่าเซี่ยชิงหยวนจะให้พวกเธอยืม แต่มันก็ยังดูไม่ควรอยู่ดี
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงดื้อรั้นไม่ยอมรับเงิน เซี่ยชิงหยวนก็ยัดเงินใส่มือของอาจ้วงทันที
เธอกล่าวว่า “ในเมื่อพี่สาวของนายปฏิเสธที่จะรับเงิน งั้นนายก็รับมันไปแทนเธอแล้วกัน”
อาจ้วงต้องการจะปฏิเสธเช่นกัน แต่อีกฝ่ายกลับพูดดักไว้เสียก่อน “ถ้านายอยากปล่อยให้ขาของพ่อตัวเองพิการ และมองดูพี่สาวของนายแต่งงานกับคนแบบนั้น นายจะปฏิเสธฉันก็ได้”
ทั้งอาเซียงและหญิงวัยกลางคนเรียกเด็กหนุ่มพร้อมกัน “อาจ้วง!”
ฝ่ามือของอาจ้วงขยำเงินของเซี่ยชิงหยวนแน่น ทั้งตัวของเขาสั่นเทา
หัวใจของเขากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก พ่อได้สอนเขาว่าเขาไม่ควรยอมรับผลประโยชน์จากผู้อื่นโดยไม่ตอบแทนบุญคุณ
หรือหากเขาประสบปัญหา และมีคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เขาจะต้องตอบแทนบุญคุณของคนคนนั้นเป็นสิบเท่าในอนาคต
เพราะไม่มีใครอยากจะช่วยคนอื่นง่าย ๆ
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจรับเงินมาแล้วพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า
“พี่เซี่ย ขอบคุณครับ! ผมจะระลึกถึงความเมตตาของคุณที่มีต่อครอบครัวของผมไปตลอดชีวิต!”