กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 90 อิจฉา
บทที่ 90 อิจฉา
บทที่ 90 อิจฉา
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็หันกลับมามอง
เขาเห็นจางอวี้เอ๋อรีบโผเข้ามาหา ด้วยดวงตารื้นน้ำตาราวกับเธอได้พบกับญาติสนิทที่ห่างหายไปเนิ่นนานของตัวเอง
จางอวี้เอ๋อก้าวเข้ามาคว้าแขนของเสิ่นอี้โจวและเขย่ามัน “พี่เขย ฉันเอง อวี้เอ๋อไงคะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เสยผมตัวเองขึ้นเพื่อให้เสิ่นอี้โจวมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
เมื่อเผชิญกับจางอวี้เอ๋อผู้โน้มกายเข้ามาใกล้ เสิ่นอี้โจวก็ยิ่งถอยห่างมากกว่าเดิม
ทว่าหญิงสาวกลับยังคงไม่ตระหนักถึงความเหมาะสม และยิ่งโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายในทันที
เมื่อเอนตัวหนีไม่ได้อีกต่อไป เสิ่นอี้โจวก็ลุกยืน รักษาระยะห่างจากอีกฝ่ายทันที
จางอวี้เอ๋อเม้มปากด้วยท่าทีน่าสงสาร “พี่เขย คุณจําฉันไม่ได้เหรอคะ ฉันเป็นน้องสาวของพี่สะใภ้รองของพี่ชิงหยวนไง!”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ยังนึกไม่ออกว่าไปสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่เมื่อเพ่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายดี ๆ เธอก็ดูคล้ายกับจางอวี้เจียวอยู่เจ็ดถึงแปดส่วนเหมือนกัน
โดยเฉพาะโหนกแก้มสูงและริมฝีปากบางนั่น
ดูเหมือนจางอวี้เอ๋อคนนี้จะพูดความจริง
หลายคนในห้องมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า บ้างแสดงสีหน้าประหลาดใจ บ้างรู้สึกขบขัน
ไม่รู้ว่าเสิ่นอี้โจวรู้จักจางอวี้เอ๋อคนนี้จริงหรือเปล่า
และจากที่จางอวี้เอ๋ออธิบายว่าเป็นน้องสาวของพี่สะใภ้รองของภรรยาเสิ่นอี้โจว แต่ทำไมการกระทำและสายตาของหญิงสาวมันถึงให้ความรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้?
สายตาของจางอวี้เอ๋อที่มองมายังเสิ่นอี้โจวในตอนนี้เหมือนกับหมาป่าเห็นเนื้อชิ้นโต
ชายหนุ่มก้าวถอยอีกก้าว “ขอโทษ ผมจําไม่ได้”
สีหน้าท่าทางชายหนุ่มไม่ได้กระตือรือร้นเลยสักนิด แถมดูจะเย็นชาด้วยซ้ำ
เขาไม่เคยลืมเลยว่า เซี่ยชิงหยวนต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพราะแม่ของเธอกับพี่สะใภ้มากมายแค่ไหน อีกทั้งฝ่ายหลังยังพยายามใช้เส้นให้คนตรงหน้าเขาเข้ามาอยู่ในสถาบันวิจัยด้วย
ครั้งที่แล้วเซี่ยชิงหยวนถึงกับโดนตบหน้าด้วยซ้ำ
คำตอบนั้นของเสิ่นอี้โจวเหนือความคาดหมายของทุกคน
จางอวี้เอ๋อยิ่งไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มคู่นั้น มันชัดเจนว่าเสิ่นอี้โจวจำเธอได้แน่ ๆ
จางอวี้เอ๋อยังไม่ยอมถอย “ไม่เป็นไร ถ้าก่อนหน้านี้พี่จําฉันไม่ได้ แค่ตอนนี้จำได้ก็พอแล้ว”
เสิ่นอี้โจวมีสีหน้าจริงจัง “ชายหญิงมีความแตกต่างกัน ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้คุณจะไม่รู้ ช่วยรักษาระยะห่างด้วยครับ”
เมื่อผู้คนในห้องได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาเกือบจะหัวเราะ
ผู้หญิงคนนี้ปรี่เข้ามาอยากให้อีกฝ่ายจำตัวเองได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเสิ่นอี้โจวไม่แม้แต่จะต้อนรับอย่างที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ
แม้จะรู้จักกันเพียงสองวัน แต่พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเสิ่นอี้โจวเป็นคนที่มีบุคลิกเย็นชา
เกรงว่ายกเว้นภรรยาของเขาเอง ไม่มีใครสามารถทําให้เสิ่นอี้โจวคนนี้แสดงด้านที่อ่อนโยนได้แน่ ๆ
ยิ่งกว่านั้น จางอวี้เอ๋อคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเธอเข้ามาในห้อง แต่เมื่อเธอรู้ว่าเป็นเสิ่นอี้โจว หญิงสาวกลับทำตัวเหมือนแทบรอไม่ไหวที่จะกระโจนใส่ แต่อีกฝ่ายกลับดูจะไม่ชอบเลย
จางอวี้เอ๋อยืนตะลึงอยู่กับที่ รู้สึกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่มีช่วงเวลาไหนที่เธอจะอับอายได้มากกว่าตอนนี้แล้ว
นี่คืองานใหม่ของเธอแม้จะเข้ามาได้ด้วยเงินและเส้นสาย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ได้ทํางานที่ศาลากลางในที่สุด
เมื่อเธอพูดถึงงานนี้ ก็ไม่รู้ว่ามีคนอิจฉาตั้งกี่คน
เดิมที เธอคิดว่าจะเอาเรื่องนี้ไปอวดเซี่ยชิงหยวนซึ่งไม่ยินยอมที่จะแนะนําเธอให้เข้าไปทำงานในสถาบันวิจัยก่อนหน้านี้ เธอจึงต้องการจะฉวยโอกาสนี้อวดต่อหน้าอีกฝ่าย
แต่หญิงสาวจะรู้ได้อย่างไรว่าเสิ่นอี้โจวจะกลายเป็นเลขาธิการคนใหม่ของศาลากลางแห่งนี้?
และสิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือชายหนุ่มจะทําให้เธอเสียหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
หนิงเซี่ยวเฉิงลุกขึ้นจากที่นั่งและพูดกับผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ทางด้านข้างว่า “คุณจู้รีบพาคนออกไป”
หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าคุณจู้ตอบรับทันที “ได้ค่ะ ได้ค่ะ”
เธอคว้าจางอวี้เอ๋อและกระซิบด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ “ยังไม่รีบไปอีกเหรอ!”
เธอทํางานในศาลากลางแห่งนี้มานานกว่าสิบปี ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีเสมอมา แต่วันนี้เธอกลับต้องเสียหน้าเพราะเด็กใหม่คนหนึ่ง
นอกจากนี้ ตัวเองพูดอยู่แท้ ๆ ว่าเป็นแค่น้องสาวสะใภ้รองของภรรยาอีกฝ่าย แต่กลับเรียกพี่เขยอย่างสนิทสนมโดยไร้ยางอาย
และไม่เห็นหรือยังไงว่าท่านเลขาธิการหลบเลี่ยงเธออยู่น่ะ?
หญิงวัยกลางคนทํางานที่นี่มานานและเคยเห็นผู้หญิงมาหลากหลายแล้ว
แต่คนเช่นจางอวี้เอ๋อที่รีบโผเข้าหาผู้ชายแบบนี้ มันเป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้เห็นมัน!
จางอวี้เอ๋อไม่ต้องการจากไป
แต่ทันทีที่เหล่าผู้นําในห้องเริ่มแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์กันทุกคน เธอก็รู้สึกกดดันจนไม่กล้าพยายามเป็นครั้งที่สอง
เธอได้แต่จ้องมองเสิ่นอี้โจวอย่างน่าสงสาร แล้วเดินตามออกไปอย่างไม่เต็มใจ
ทันทีที่เดินออกจากห้อง คุณจู้เปลี่ยนท่าทีประจบประแจง จากนั้นเธอก็ลากจางอวี้เอ๋อไปยังมุมหนึ่งของทางเดินว่างเปล่าไร้ผู้คน สีหน้าของคุณจู้คล้ำเครียดมาก
คุณจู้สะบัดมือจากอีกฝ่าย เท้าสะเอวพลางกล่าวตำหนิว่า “วันนี้เธอเป็นอะไรฮะ? ไม่เห็นรึไงว่าเลขาธิการไม่อยากคุยกับเธอ ยังจะดึงดันอยู่ทำไม รู้จักมียางอายบ้างได้ไหมฮะ? น่ารังเกียจจริง ๆ”
เธอหายเข้าลึก และพูดต่อว่า “นอกจากนี้ แม้เขาจะเป็นพี่เขยห่าง ๆ ของเธอ และมันก็ยังมีความสัมพันธ์ระหว่างญาติกันอยู่ ไม่ใช่ว่าคนที่เธอมองหาคือภรรยาของท่านเลขาธิการรึยังไง? เธอคิดยังไงถึงไปกระโจนใส่เขาแบบนั้น?”
ในที่สุดคุณจู้ก็เข้าใจว่า ยัยเด็กอวี้เอ๋อคนนี้อาจมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับภรรยาของเลขาฯ เสิ่น!
ไม่อย่างนั้น คนที่มีพี่เขยที่มีความสามารถแบบนี้จะใช้เส้นสายเข้ามาทำงานในโรงอาหารที่นี่ได้อย่างไร?
เมื่อเข้าใจสิ่งที่เลขาธิการเสิ่นคิดอยู่ เธอก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพต่ออีกฝ่ายอีกต่อไป
คุณจู้มองจางอวี้เอ๋อด้วยความรังเกียจอย่างยิ่ง “ฉันเคยเห็นคนอย่างคุณมามากมาย ไอ้พวกมักใหญ่ใฝ่สูงน่ะ! แต่เลขาธิการเสิ่นคือใคร? เขาใช่คนที่เธอจะไต่เต้าขึ้นไปได้หรือ? ถ้าฉันไม่ได้รับเงินจากเธอมา ก็คงไม่ต้องมาตามล้างตามเช็ดแบบนี้ ฉันขอเตือนไว้เลยนะ ถ้าอยากตายนัก ก็อย่าลากฉันลงไปด้วย เพราะเมื่อถึงงเวลานั้น ก็อย่าโทษที่ฉันบ่ายหน้าหนีและแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันเลย!”
หลังจากนั้นกล่าวจบ เธอก็เดินจากไปด้วยความโกรธโดยไม่สนใจความรู้สึกของจางอวี้เอ๋อสักนิด
เพราะจานที่หล่นสองใบนั้น คุณจู้จึงต้องรีบไปจัดการและคุณกับหัวหน้างานเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
และเธอก็ไม่ได้วิตกเกี่ยวกับความผิดพลาดนี้เช่นกัน
จางอวี้เอ๋อยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลางก้มหน้าต่ำ
หญิงขยุ้มกางเกงจนเนื้อผ้ายับย่น
เธอมองตามทิศทางที่คุณจู้จากไปและกล่าวว่า “คอยดูแล้วกัน สักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจ!”
เธอไม่เชื่อหรอกว่าด้วยรูปร่างหน้าตาและการทํางานหนักของเธอ เธอจะไม่สามารถแต่งงานกับผู้ชายที่ดีได้!
ในใจเธอยิ่งอิจฉาเซี่ยชิงหยวนมากขึ้น
ทั้งเธอและเซี่ยชิงหยวนต่างก็จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม ทําไมเธอจะแต่งงานกับสามีที่ดีเช่นนั้นบ้างไม่ได้
และเมื่อนึกถึงเสื้อผ้าหลายชุดที่จางอวี้เจียวมอบให้เธอ หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากจะยินยอมและพึมพำกับตัวเองว่า “เสื้อผ้าทั้งหมดนี้เคยเป็นของเซี่ยชิงหยวน มันถูกใส่แล้วถึงได้เอามาให้ฉัน!”
ทําไมเซี่ยชิงหยวนถึงได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ตลอดเวลา แต่เธอกลับได้รับแต่ของเหลือใช้จากอีกฝ่ายเสมอ?
เป็นเพราะสามีของเซี่ยชิงหยวนเป็นนักวิจัยเหรอ?
เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งความอิจฉาถูกปลูกไว้ในใจ พวกมันก็มีแต่จะหยั่งรากและแตกหน่อไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
แต่คําพูดของคุณจู้ก็ย้ำเตือนเธอเช่นกัน
เนื่องจากแผนการเข้าทางเสิ่นอี้โจวไม่ได้ผล เธอคงจะต้องไปเข้าทางเซี่ยชิงหยวนแทน
จากคำพูดของจางอวี้เจียว เซี่ยชิงหยวนนั้นเชื่อฟังคำสั่งของแม่เสมอ
ตราบใดที่เธออ้างว่าเป็นคำพูดของหวังผิง อีกฝ่ายจะยังปฏิเสธได้อีกหรือ?
บางทีเธออาจใช้สิ่งนี้เพื่อเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขา
เมื่อนึกถึงแผนการนี้ จางอวี้เอ๋อก็เหมือนได้ฟื้นคืนชีพ
เซี่ยชิงหยวน คอยดูเถอะ!