กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 93 ถ้าไม่กลับมาที่นี่ ฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 93 ถ้าไม่กลับมาที่นี่ ฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ
บทที่ 93 ถ้าไม่กลับมาที่นี่ ฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ?
บทที่ 93 ถ้าไม่กลับมาที่นี่ ฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ?
หลังจากพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่สนใจจางอวี้เอ๋ออีกต่อไป หญิงสาวหมุนกายเดินจากไปทันที
ก่อนเดินออกจากป้อมยาม เธอจงใจพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “ฉันคงต้องขอรบกวนคุณเจ้าหน้าที่แล้ว ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ทางไปโรงแรม ฉันรบกวนให้คุณนำทางไปที”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังกังวลอยู่พอดีว่าเขาจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีและทำให้เซี่ยชิงหยวนรำคาญใจรึเปล่า
เมื่อเธอพูดแบบนี้ เขาก็รีบรับปากอย่างโล่งใจ “ไม่ต้องกังวลครับ ไม่มีปัญหาแน่นอน!”
เมื่อตกปากรับคำ เขาก็เดินเข้าหาจางอวี้เอ๋อและพูดว่า “น้องสาว เราไปกันเถอะ”
จางอวี้เอ๋อจ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง “จะให้ฉันไปที่ไหนกันเล่า? นายจะทำอะไร! ฉันไม่ต้องการ!”
หลังจากพูดจบ จางอวี้เอ๋อก็ไม่สนใจกระเป๋าของตัวเองและวิ่งไล่ตามเซี่ยชิงหยวนไป
เธอยังตะโกนขณะวิ่งตาม “พี่ชิงหยวน! พี่ชิงหยวน!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาหยุดเธออย่างรวดเร็ว “น้องสาว! ข้างในเป็นเขตที่พักของเจ้าหน้าที่และครอบครัวเท่านั้น!”
ยกเว้นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ หากคนนอกต้องการจะเข้าไปต้องได้รับการอนุญาตและลงทะเบียนก่อนทุกครั้ง
จางอวี้เอ๋อมองดูแผ่นหลังของเซี่ยชิงหยวน ซึ่งกำลังขี่รถสามล้อไปไกลขึ้นและไกลขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวโกรธมากเสียจนเผลอกระทืบเท้า
เธอมองไปยังเขตที่พักครอบครัวที่มีแต่บ้านหลังคามุงกระเบื้องสีแดงและผนังสีขาว ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
สักวันหนึ่งเธอจะเข้าไปอยู่ในที่แห่งนี้ให้ได้!
หญิงสาวส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขณะลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองเข้ามา และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างดื้อรั้นโดยปราศจากเสียงท้วง
สายตาของเธอกลอกไปมารอบ ๆ และไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงไม่ได้สนใจเธออีก และแสร้งว่าหญิงสาวไม่มีตัวตนแทน
ไม่ว่าอย่างไร หญิงสาวคนนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในญาติของเจ้าหน้าที่ระดับสูง มันคงจะไม่ดีหากเขาตัวไม่ดีใส่อีกฝ่าย
หลังจากนั้นไม่นาน รถสีดำที่ประดับธงสีแดงก็เคลื่อนเข้ามาจากทางด้านนอก จางอวี้เอ๋อก็เบี่ยงตัวหลบทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้สนใจเธออีกแล้ว ก่อนจะก้าวไปเปิดประตูรั้วอย่างรวดเร็ว
จางอวี้เอ๋อยืนอยู่ด้านข้างและกวาดตามอง จึงได้เห็นเสิ่นอี้โจวที่นั่งอยู่บนเบาะหลัง
โดยไม่ได้คาดคิด หญิงสาวก็พุ่งตัวเข้าไปขวางตัวรถเอาไว้
โชคดีที่หลังจากผ่านจุดตรวจ เสี่ยวหลิวก็ขับรถช้าลง
ไม่อย่างนั้น จางอวี้เอ๋อที่จู่ ๆ ก็กระโดดมาขวางหน้ารถคงถูกชนไปแล้ว
เมื่อเสียงเบรกดังขึ้น เสี่ยวหลิวและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก็เหงื่อไหล
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบดึงตัวจางอวี้เอ๋อออกมา และแผ่นหลังของเสี่ยวหลิวก็หลั่งเหงื่อเย็น
เสี่ยวหลิวกล่าวขอโทษขอโพยแก่เสิ่นอี้โจว “ผม…ผมขอโทษครับ ท่านเลขาธิการเสิ่น!”
เสิ่นอี้โจวซึ่งนั่งหลับตาอยู่บนเบาะหลังของรถลืมตาขึ้นและถามอย่างอย่างไร้อารมณ์ “เกิดอะไรขึ้น”
เสี่ยวหลิวกล่าวว่า “จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดขวางหน้ารถเราครับ”
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วคนเป็นยังไงบ้าง”
เสี่ยวหลิวมองไปทางจางอวี้เอ๋อซึ่งถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดึงตัวออกไปแล้วและพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้เธอถูกดึงตัวออกไปแล้ว”
เมื่อได้ยิน ชายหนุ่มก็พยักหน้า “ถ้าคนไม่เป็นอะไร เราก็ไปกันเถอะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง
เมื่อวานเขาทำงานล่วงเวลาและวันนี้ก็มีสิ่งต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เขาเหนื่อยล้าเล็กน้อย
ทว่าทันทีที่เขาหลับตา เสียงตบกระจกประตูรถก็ดังขึ้นข้างหูของเขา
เสิ่นอี้โจวลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ
ทันใดนั้น เขาเห็นจางอวี้เอ๋อยืนอยู่ข้างนอกประตูรถและตะโกนขณะตบหน้าต่าง
เขาได้ยินเสียงเธอตะโกนว่า “พี่เขย เปิดประตูให้ฉันที!”
สายตาของเสิ่นอี้โจวกวาดมองจากเธอไปหยุดที่กระเป๋าเดินทางด้านข้าง
มีแววเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาจาง ๆ
เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการไล่ตามคนอย่างจริงจังก็คราวนี้นี่ล่ะ
บ่ายวันนั้น หัวหน้าฝ่ายบริหารได้เข้าพบเขาด้วยอาการสั่นระริก
เขาได้อธิบายกับชายหนุ่มว่า จางอวี้เอ๋อเข้ามาทำงานที่นี่ด้วยการอุปถัมภ์ โดยได้รับเงินเดือนสี่สิบหยวนต่อเดือน และมีการจัดสรรห้องพักเอาไว้ให้เธอ
นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า หญิงสาวคนนี้จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม แต่ไม่เต็มใจที่จะทํางานหนักเพื่อหางานที่ดีกว่า ทว่ากลับเรียกร้องจะเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงอาหารเท่านั้น
หัวหน้าฝ่ายบริหารยังถามเขาอีกว่า ควรหาข้ออ้างไล่อีกฝ่ายออกไป หรือดูพฤติกรรมต่อไปก่อน
เสิ่นอี้โจวพูดเพียงประโยคเดียวในเวลานั้น “ทำตามข้อบังคับของหน่วยงานเถอะครับ คุณแค่ทำสิ่งที่ควรทํา ไม่จำเป็นต้องให้อภิสิทธิ์อะไรเพราะเธอเป็นญาติห่าง ๆ ของผมหรอก”
ทันทีที่ได้ฟัง หัวหน้าคนนั้นก็เข้าใจทันที
ต้องการให้ทําอะไรน่ะเหรอ?
อยากทำอะไรก็แล้วแต่เลย
ความคิดของเสิ่นอี้โจวถูกดึงกลับมา และส่งสัญญาณให้เสี่ยวหลิวเลื่อนปิดกระจกด้านหน้าเขา
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็วิ่งเข้ามา “เลขาธิการเสิ่น!”
เสิ่นอี้โจวถาม “ภรรยาของผมเห็นเธอแล้วหรือยัง”
เมื่อคํานวณจากเวลา เซี่ยชิงหยวนน่าจะอยู่ที่บ้านแล้วในตอนนี้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสับสนชั่วขณะว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
แต่ไม่นานเขาก็ตอบกลับมาอย่างจริงจังว่า “คุณนายเพิ่งออกไปจากที่นี่เมื่อห้านาทีก่อนครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกปวดขมับกว่าเดิม
ตั้งแต่เกิดใหม่ เขาก็พบว่าอารมณ์ของเซี่ยชิงหยวนดูจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
เขาไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหน่วยงานของเขาหรือยัง
หากเธอได้ยินเรื่องนั้นจากคนอื่น ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะทําอย่างไร
เขานวดขมับซ้ายและพูดว่า “ภรรยาของผม เธอพูดอะไรบ้าง”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบตอบ “ภรรยาของเลขาธิการบอกว่าให้ผมพาหญิงสาวคนนี้ไปหาโรงแรมนอน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เขาเอามือป้องปากและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมขอรบกวนคุณให้ทําตามที่เธอพูดทีนะ”
หลังจากนั้น โดยไม่เหลียวมองไปทางจางอวี้เอ๋อ ซึ่งถูกรั้งอยู่ทางด้านหลัง เสิ่นอี้โจวก็ส่งสัญญาณให้เสี่ยวหลิวขับรถจากไป
ถ้าภรรยาของเขาไม่ชอบใคร เขาก็จะไม่ชอบและไม่ไว้หน้าคนคนนั้นเหมือนกัน
เสิ่นอี้โจวชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
จางอวี้เอ๋อถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุมตัวไว้ และทำได้แค่มองดูรถของเสิ่นอี้โจวขับผ่านหน้าเธอไป
ดวงตาของเธอแดงก่ำและระบายโทสะใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “นายหยุดฉันเพราะอะไร!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหันมาจ้องเธอด้วยแววตาไม่เข้าใจ
คุณไม่เห็นเหรอว่าคู่สามีภรรยาไม่ต้อนรับ?
แต่ก็ยังรีบวิ่งเข้าไปอยู่นั่น
ผู้หญิงคนนี้หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ทําไมผิวของเธอถึงหนาขนาดนี้?
แน่นอนว่าคําพูดเหล่านี้ต่างเก็บซ่อนอยู่ในใจของเขาเท่านั้น
เขาทําหน้าจริงจัง “น้องสาว ให้ฉันพาเธอไปที่โรงแรมใกล้ ๆ ก่อนก็แล้วกัน”
เขาตะโกนบอกเพื่อนร่วมงานของเขาที่ยืนเฝ้าอยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตรว่า “นายช่วยมาประจำจุดแทนฉันหน่อย ฉันจะพาเธอไปโรงแรมใกล้ ๆ ตามคำสั่งของท่านเลขาธิการ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มที่ถูกเรียกวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยิน และพูดว่า “ได้ ๆ นายก็รีบไปรีบกลับก็แล้วกัน”
แต่จางอวี้เอ๋อจะยอมเสียเงินพักที่โรงแรมได้ยังไง?
เธอตะโกน “เอาน้ำใจจอมปลอมของนายไปให้พ้นฉันซะ!”
หลังจากนั้น เธอก็หยิบกระเป๋าเดินทางบนพื้น หมุนตัวและเดินจากไป
ระยะก้าวของหญิงสาวในคราวนี้เร็วกว่าตอนขามาที่เธอทำตัวดูเหมือนอ่อนแอเซไปเซมาเหมือนต้นหลิวที่โดนลมแรง
หัวใจของจางอวี้เอ๋อรู้สึกเจ็บปวด
ก่อนหน้านี้เธอมีความคิดสวยหรูมากว่า เธอจะได้ย้ายออกจากหอพักในวันนี้ แต่ตอนนี้เธอโมโหจนแทบกระอักเลือดเมื่อกลับไป
และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเซี่ยชิงหยวน!
ตอนที่เสิ่นอี้โจวถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อครู่นี้ เธอก็ได้ยินแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเสิ่นอี้โจวต้องการพาเธอเข้าไป แต่เขากลัวที่จะทําให้เซี่ยชิงหยวนไม่พอใจ
วันหนึ่งเธอจะกลายเป็นตัวจริงแล้วเหยียบย่ำเซี่ยชิงหยวนไว้ใต้เท้าของเธอ
หญิงสาวเช็ดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความโมโห เหลือบมองไปที่ประตูใหญ่ของเขตที่พักของเจ้าหน้าที่และเดินจากไปในที่สุด
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับถึงบ้าน เขาก็พบว่ารถสามล้อจอดอยู่ในสนามหลังบ้านแล้ว
ประตูปิดอยู่ เขาคิดว่าเซี่ยชิงหยวนน่าจะอยู่ในบ้านแล้ว
ด้วยนิสัยของเธอ หากกลับมาบ้านและไม่ทำอาหาร แต่กลับปิดประตูเงียบแบบนี้ แสดงว่าน่าจะมีเรื่องไม่น่าอภิรมย์เกิดขึ้นแน่นอน
เสิ่นอี้โจวจัดแจงเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย ก่อนจะกลั้วคอให้โล่งอีกครั้งแล้วผลักประตูเดินเข้าไป
เขาเห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาโดยยกขาข้างหนึ่งขึ้นพลางใช้กรรไกรตัดเล็บของเธอ
แม้ว่าสีหน้าจะสงบนิ่ง แต่แววตาคู่นั้นกลับกำลังเผยโทสะกรุ่น
ซึ่งบ่งบอกว่าเธอได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงอาหารเมื่อกลางวันที่ผ่านมาแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือไม่รู้ว่าเซี่ยชิงหยวนได้ยินเรื่องราว ‘แบบ’ ไหนมา
ถ้าเขาไม่สามารถปกปิดได้ เขาก็ต้องรีบอธิบายตัวเอง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวก็กลืนน้ำลายตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาเผยรอยยิ้มและเดินเข้าไป “คุณกลับมาแล้วเหรอ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เงยหน้าขึ้นมองเขาและยกยิ้ม
เธอวางกรรไกรตัดเล็บลง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าทีเล่นทีจริง “ถ้าไม่กลับมาที่นี่ ฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”