กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 94 ข่าวลืออันอุกอาจ
บทที่ 94 ข่าวลืออันอุกอาจ
บทที่ 94 ข่าวลืออันอุกอาจ
เสิ่นอี้โจวลอบกรีดร้องว่า ‘แย่แล้ว’ ในใจ
แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย
ชายหนุ่มเดินไปจับมือเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “ดูคุณพูดเข้าสิ นี่มันบ้านของเรานะครับ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เราจะกลับมาบ้านน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนส่งเสียง ‘หืม~’ และไม่พูดอะไรอีก
เสิ่นอี้โจวรู้ว่าเธอกําลังรอให้เขาสารภาพ
ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปตรง ๆ “ชิงหยวน เรื่องน้องสาวของพี่สะใภ้รองคนนั้น ผมคิดว่าตัวเองอธิบายได้นะ”
เซี่ยชิงหยวนหยิบแก้วน้ำยื่นให้เขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องประหม่าหรอกค่ะ ดื่มน้ำก่อนแล้วค่อย ๆ พูดก็ได้”
ท่าทางนั้นราวกับจะบอกว่า ‘ดูซิ คุณจะอธิบายมันยังไง’ ยังงั้น
อันที่จริง เมื่อได้ยินเสิ่นอี้โจวเรียกจางอวี้เอ๋ออย่างห่างเหินแบบนั้น เธอก็ไม่ได้โกรธเขาแล้ว
ตอนที่เธอเพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อครู่ ได้เผอิญพบกับหญิงชราคนหนึ่ง
หญิงชราคนนั้นอ้างว่าตัวเองเป็นภรรยาของรองผู้อํานวยการ
ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้ทักทายอีกฝ่ายกลับ หญิงชราคนนั้นก็พูดถึงเสิ่นอี้โจวทันที
หญิงชราถามเธอว่า “เลขาธิการเสิ่นของคุณต้องเป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ”
ในเวลานั้นเซี่ยชิงหยวนก็คาดเดาได้แล้วว่า สิ่งที่หญิงชราจะพูดต่อไปน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับจางอวี้เอ๋อ
เมื่อเห็นว่าเธอไม่รู้เรื่องราว และหญิงชราก็ทำหน้าทำตาราวกับต้องการจะแบ่งปันเรื่องราวเสียเต็มประดา เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ
เธอส่ายหัว “ฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ”
ตอนนี้ ฉินซูอวี้คือคนเดียวที่เธอรู้จัก
ส่วนจางอวี้เอ๋อนั้น เธอรู้สึกว่าการมโนกับความหยิ่งยโสของจางอวี้เอ๋อดูจะมีมากกว่าอีกฝ่าย
จากนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็โพล่งเกี่ยวกับเรื่องซุบซิบที่เพิ่งได้ยินมาสด ๆ ร้อน ๆ ออกมา
“ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เลขาธิการเสิ่นกับสามีฉันกําลังทานอาหารกลางวันในห้องอาหารวันนี้ มีพนักงานหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งมาใหม่เข้ามา และทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นเห็นเลขาธิการเสิ่น เธอก็โผเข้ากอดเขาทันที แถมยังกล้าพูดด้วยว่าชอบเขามานานแล้ว”
“เธอบอกว่ามาทํางานที่ศาลากลางก็เพราะติดตามเลขาธิการเสิ่นมา อีกทั้งยังบอกด้วยว่าเธอเต็มใจที่จะเรียกคุณว่าพี่สาวเพื่อเห็นแก่เลขาธิการเสิ่น”
เมื่อกล่าวจบ หญิงชราก็มองมายังเซี่ยชิงหยวนด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ “คุณยังเด็ก ในอนาคตคุณจะรู้เองว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร ตําแหน่งคุณนายเลขาธิการคือสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ เมื่อเลขาฯ เสิ่นกลับมา คุณก็คุยกับเขาดี ๆ อย่าทําให้ความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่มีความสุขเพราะเหตุการณ์นี้เลย”
เมื่อฟังคําพูดของหญิงชราคนนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของเซี่ยชิงหยวนก็ไม่อาจรักษาไว้ได้อีกต่อไป
เธอยังมีข้อสงสัยว่า ความเชื่อเกี่ยวกับจางอวี้เอ๋อก่อนหน้านี้ของเธอนั้นผิดไปหรือเปล่า
ฉวยโอกาสในที่สาธารณะ?
แถมยังบอกว่าอยากจะมาเป็นพี่น้องกับเธอ?
เซี่ยชิงหยวนกัดฟันกรอด เป็นน้องสาวกับแม่ตัวเองสินังบ้า!
แม้จะเชื่อใจเสิ่นอี้โจว แต่เธอก็ไม่อาจหยุดตัวเองจากการจินตนาการถึงฉากที่ภรรยาของเหอเส้าหยวนอธิบายไว้ได้
หญิงสาวถึงกับสงสัยว่าเสิ่นอี้โจวในเวลานั้นได้ผลักจางอวี้เอ๋อออกไปทันทีหรือเปล่า?
ดังนั้น เมื่อชายหนุ่มบอกว่าต้องการอธิบาย หัวใจของเธอก็ลุกเป็นไฟ
เมื่อเสิ่นอี้โจวเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ เขาจะกล้าดื่มน้ำต่อได้ยังไง?
เขาเอาแก้วน้ำไปวางข้าง ๆ
จากนั้นเขาก็กอดเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขนทันที
เซี่ยชิงหยวนตบมือของเขา “คุณจะทําอะไรน่ะ?”
นั่งพูดดี ๆ อย่าพูดในขณะที่ขยับมือเท้าไปด้วยแบบนี้สิ!
เสิ่นอี้โจววางคางไว้บนไหล่ของเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “ถ้าผมไม่กอดคุณไว้แน่น ๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณวิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบมีดมาน่ะ?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ คิ้วของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะขมวดมุ่น
เธอหยิกเอวของเสิ่นอี้โจว “คุณหมายความว่า คุณปล่อยให้จางอวี้เอ๋อกอดจริง ๆ เหรอ!”
หญิงสาวในเวลานี้ไม่เพียงต้องการแทงเสิ่นอี้โจวด้วยมีด แต่เธอยังต้องการสับจางอวี้เอ๋อเป็นชิ้น ๆ!
นังนั่นกล้ามากอดผู้ชายของเธอได้ยังไงกัน!
เสิ่นอี้โจวเกือบสําลักน้ำลาย “ผม…ผมเนี่ยนะถูกกอด?”
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองเขาเขม็ง “คนอื่นเขาพูดถึงฉันรึไงกัน!”
เสิ่นอี้โจวในเวลานี้มั่นใจมากขึ้นว่าข่าวลืออันอุกอาจนี้ที่แพร่กระจายออกไปได้ถูกบิดเบือนจนน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ
เขาก้มลงมองเซี่ยชิงหยวน ก่อนจะลูบหน้าผากตัวเองแล้วพูดว่า “คุณภรรยาที่เคารพรักครับ เรื่องราวจริง ๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผู้หญิงคนนั้นแค่แตะแขนผม และทั้งหมดนั้นก็สัมผัสผ่านเสื้อผ้าเท่านั้น”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เซี่ยชิงหยวนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยง
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด “ตอนเที่ยงคุณขอให้เสี่ยวหลิวนําเสื้อผ้าไปให้คุณ เพราะจางอวี้เอ๋อทำจานอาหารร่วงและเปื้อนเสื้อผ้าของคุณ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่”
จากนั้นเขากล่าวเสริมว่า “มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนอยู่ที่นั่นในเวลานั้น ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมจะไปพาหนึ่งในนั้นมาให้คุณถามแบบตัวต่อตัวเลยเอาไหม?”
เซี่ยชิงหยวนจะต้องการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนไหนเพราะเรื่องแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับในความหน้าด้านหน้าทนของจางอวี้เอ๋อ
เธอพูดว่า “ก็ได้ค่ะ คราวนี้ฉันจะปล่อยคุณไปก่อน”
เมื่อเห็นว่าท่าทางของหญิงสาวผ่อนคลายลง เสิ่นอี้โจวจึงถือโอกาสลูบใบหน้าของเธอเบา ๆ “ชิงหยวน ผมจะทะนุถนอมคุณดั่งหยกล้ำค่า”
แต่คําพูดนี้ของชายหนุ่มกลับทำให้เซี่ยชิงหยวนโกรธอีกครั้ง
ทะนุถนอมเธอเหมือนหยก? ทะนุถนอมจนไม่แตะต้องเธอเลยเนี่ยนะ?
เธอแค่นเสียงเย็น “งั้นเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ให้ฟ้าดินเป็นพยานได้เลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็คว้าคอเสื้อของเสิ่นอี้โจวดึงเข้ามาหาตัวเอง
เธอมองเข้าไปในดวงตาประหนึ่งฟีนิกซ์และพบว่าขนตาของเขากำลังสั่นระริก
นี่คืออาการที่กำลังประหม่าของเสิ่นอี้โจว
มืออีกข้างของเธอแตะต้นขาของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ ลูบไล้ขึ้นไปเรื่อย ๆ
มุมปากของเธอยกยิ้ม และพูดอย่างเย้ายั่วว่า “ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราไม่มีอะไรกันสักทีล่ะ?”